ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 13 กันยายน 2566

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 13 กันยายน 2566
การเมือง/มั่นคง
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และทำประชามติ
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งให้เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า คณะรัฐมนตรี เห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ส่วนจะแก้ไขอย่างไรนั้นให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญและต้องรับฟังเสียงประชาชนก่อนคือ การทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งเมื่อได้แนวทางแล้วก็จะจัดทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป แต่หลักการที่สำคัญคือ ไม่แก้ไขหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งคณะกรรมการและเชิญชวนให้ประชาชนมาแสดงความคิดเห็นร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ทำเร็วที่สุด แต่ยังไม่ได้กำหนดกรอบไว้ชัดเจน ขณะที่ข้อเสนอจากไอลอว์ หรือคณะกรรมการต่างๆ ที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ ก็พร้อมรับฟัง เพื่อมาประกอบการพิจารณา
นายกรัฐมนตรี สั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งทีมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งทีมงานกวาดล้างผู้มีอิทธิพล ทั้งเรื่องส่วยและการซื้อตำแหน่ง และให้ถือเป็น KPI ของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจในจังหวัดนั้นๆ และ กอ.รมน.จังหวัด ที่ต้อง บูรณาการแก้ไขปัญหาเรื่องของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และปัญหายาเสพติดได้อย่างราบคาบและรวดเร็ว ซึ่งหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้บุคคลตามตำแหน่งนี้ ต้องรับผิดชอบ
ครม.พิจารณาวีซ่าฟรีให้จีน คาซัคสถาน ลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมันดีเซลต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีการพิจารณาเรื่องวีซ่าฟรีชั่วคราว ในการเดินทางเข้าประเทศไทยของประเทศจีนและคาซัคสถาน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นการยกเว้นชั่วคราว หลังจากวานนี้ได้พูดคุยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมรองรับ
พร้อมกันนี้ ยังย้ำว่า ได้ตระหนักเรื่องกระแสเงินสดเป็นเรื่องสำคัญ จึงให้มีการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จากเดือนละหนึ่งรอบ เป็นเดือนละสองรอบ คาดว่า มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป เชื่อว่าจะช่วยบรรเทาทุกข์ให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อย ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน
รวมทั้งยังมีมติลดค่าไฟฟ้า จาก 4.45 บาท เหลือ 4.10 บาทต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จะเริ่มในรอบบิลเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดีเซล ลดให้ราคาต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร จะเริ่มได้ในวันที่ 20 กันยายนนี้ ขณะที่ในส่วนของน้ำมันเบนซินได้มีการพูดคุยกัน แต่ต้องดูรายละเอียดให้ดีในกลุ่มที่มีความเดือดร้อนจริง ซึ่งจะมีมาตรการออกมาภายหลัง
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ ดึงศักยภาพเสริมสร้างรายได้ เพิ่มโอกาสให้กับประชาชน รวมถึงจะมีการพักหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็ก เป็นระยะเวลา 3 ปี
นายกรัฐมนตรีหารือประธานสหภาพรัฐสภา เสริมสร้างความสัมพันธ์ในมิติ ต่างๆ ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายดูอาร์เต ปาเชโก ประธานสหภาพรัฐสภา เข้าเยี่ยมคารวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐสภา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับประธานสหภาพรัฐสภา เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะแขกของรัฐสภา พร้อมขอบคุณสหภาพรัฐสภาที่ให้การสนับสนุนกิจการของรัฐสภาไทยมาตลอดช่วงการดำรงตำแหน่ง พร้อมหวังที่จะกระชับความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ไทยพร้อมที่จะมีบทบาทและส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันเผชิญความท้าทายและแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน
ด้านประธานสหภาพรัฐสภา แสดงความยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าแม้ในการทำงานอาจจะพบกับความท้าทาย แต่ด้วยประสบการณ์จะประสบความสำเร็จได้อย่างดี
โอกาสนี้ ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาสตรีและกรรมการบริหารสหภาพรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาเม็กซิโก ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทสตรีและคนรุ่นใหม่ในรัฐสภา ไทยถือเป็นประเทศที่สตรีมีบทบาททำงานทางการเมืองมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นตัวอย่างของการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรีได้เป็นอย่างดี
ครม.อนุมัติงบอุดหนุนเด็กแรกเกิด 990 ล้านบาท เตรียมเบิกจ่ายงวดแรก 18 กันยายนนี้
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติโครงการอุดหนุนเงินเด็กแรกเกิด 600 บาท ต่อเดือน นาน 6 ปี ด้วยงบประมาณ 990 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ เลขาธิการ ครม. จะส่งเรื่องไปที่ กระทรวง พม. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.66) เวลา 10.00 น. โดยงบประมาณทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในคลังของกรมบัญชีกลาง เพื่อนำไปแจกจ่ายเข้าบัญชีให้กับประชาชนงวดแรกในวันที่ 18 กันยายนนี้ เพื่อดูแลเด็กแรกเกิดจำนวน 2,245,000 ราย ซึ่งยอมรับว่า ไม่สามารถดำเนินการให้เร็วกว่านี้ได้ เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบตัวเลขให้เกิดความถูกต้อง พร้อมยืนยันว่า การจัดสรรงบปีหน้าจะไม่ให้เกิดปัญหารูปแบบนี้ขึ้นอีก
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
หอการค้าไทย เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3 หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการหอการค้าไทย ได้ประเมินถึงมาตรการที่ ครม. มีมติออกมาในวันนี้ (12 ก.ย.66) ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ได้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนของผู้ประกอบการทันที ในการประชุม ครม. ครั้งแรก ตามข้อเสนอเร่งด่วนของภาคเอกชน โดยประเมินว่า มาตรการลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาล จะช่วยให้ประชาชนลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนการลดราคาน้ำมันดีเซล ระยะเวลาเกือบ 4 เดือน ที่จะใช้เม็ดเงินประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากรวม 2 มาตรการดังกล่าว จะทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของประชาชนได้ 3 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ มาตรการฟรีวีซ่าชั่วคราว สำหรับผู้ที่เดินทางจากประเทศจีนและคาซัคสถาน ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมทันที กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพิ่มเติมอีกประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ประกอบกับ มาตรการพักหนี้เกษตรกร-ธุรกิจขนาดเล็ก 3 ปี ที่จะช่วยลดภาระให้ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการที่กำลังฟื้นตัว ทำให้สร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยปลายปีที่จะคึกคักมากขึ้น โดยหอการค้าไทย มั่นใจว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ถึงร้อยละ 3 อย่างแน่นอน
รัฐบาลประกาศ 10 มาตรการ กระตุ้นระบบเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางปฏิบัติการเร่งรัดด้านการท่องเที่ยว (Quick-Win) ของไทย ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งผลักดันยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (66) ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ให้ได้ตามเป้าหมายตลอดปีที่ 28 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติตลอดปีให้ได้กว่า 2.4 ล้านล้านบาท หรืออยู่ที่ร้อยละ 80 จากปี 2562 ที่ 3 ล้านล้านบาท ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมตั้งเป้าหมายในปี 2567 ต้องมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 3.1 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน ส่วนในประเทศเดินทางไม่น้อยกว่า 180 ล้านคนครั้ง รัฐบาลจึงได้ออก 10 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว เช่น อนุมัติวีซ่าฟรี ชั่วคราวให้นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 รวมระยะเวลา 5 เดือน เพื่ออำนวยความสะดวกและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจากทั้ง 2 ประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทยได้ยกเว้นการทำวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้จำนวน 56 ประเทศ ควบคู่การออกมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ สร้างความมั่นใจในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย มาตรการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลคู่ความร่วมมือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปเยือนประเทศเป้าหมาย เพื่อเชิญชวนให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้น ศักยภาพด้านการเดินทางด้วยการเพิ่มเที่ยวบินรองนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเมืองรองที่มีศักยภาพสูงของจีน มาตรการเร่งพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานเพื่อสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการ มาตรการส่งเสริมการจัดกิจกรรมสร้างจุดขายของไทยให้สามารถท่องเที่ยวได้ทั้ง 365 วัน เช่น เทศกาลลอยกระทง สงกรานต์ รัฐบาลจะยกระดับให้เป็น เวิลด์ คลาส อีเวนต์ ที่ไม่ใช่เพียงโลคอล อีเว้นท์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เป้าหมาย พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกิจกรรมความบันเทิงในเอเชีย หรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ฮับ ควบคู่มาตรการจัดตั้งทีมติดตามสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับนักท่องเที่ยว หรือออนไลน์ ไครซิส แมเนจเม้นท์ เพื่อสร้างความเข้าใจและลบภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับนักท่องเที่ยว ออนไลน์
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
รมว.เกษตรฯ สั่งกรมปศุสัตว์จัดเตรียมสถานที่ฝังกลบทำลาย “หมูเถื่อน” 161 ตู้คอนเทนเนอร์
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ จัดเตรียมพร้อมสถานที่เพื่อฝังกลบทำลายซากสุกรของกลางลักลอบนำเข้า หรือ “หมูเถื่อน” ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว จำนวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 4,363,118 กิโลกรัม มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้เป็นคดีพิเศษเลขที่ 59 / 2566 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 อยู่ระหว่างรวบรวมสำนวนและวัตถุพยานให้ครบถ้วน เพื่อรอการส่งมอบของกลางซากชิ้นส่วนสุกรให้กับกรมปศุสัตว์นำไปทำลาย
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การขนย้าย “หมูเถื่อน” 161 ตู้คอนเทนเนอร์มาทำลาย จะมีคณะทำงานเพื่อดำเนินการ แต่งตั้งโดยกรมปศุสัตว์จนเสร็จสิ้นภารกิจ คาดจะดำเนินการขนย้ายและฝังกลบทำลายแล้วเสร็จภายใน 5 วัน โดยได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว ตำบลคลองไก่เถื่อน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์พร้อมรับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อกวาดล้างเนื้อหมูผิดกฎหมายที่แทรกซึมอยู่ในประเทศ เพื่อปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร และป้องกันเชื้ออหิวาต์แอฟริกาสุกร หรือ ASF ที่อาจปนเปื้อนมากับชิ้นส่วนสุกร รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
สังคม
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ต่อยอดเมนู 77 จังหวัด รสชาติ ที่หายไป
นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากการจัดกิจกรรม 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย รสชาติ...ที่หายไป เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทย อาหารท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทยและเผยแพร่ความรู้ อาหารไทย และอาหารท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจไทย รวม 77 เมนูที่ประกาศไป จนเกิดกระแสตอบรับจากภาคสังคมอย่างกว้างขวาง
20 กันยายนนี้ จะมีการประชุมสรุปบทเรียนการขับเคลื่อนโครงการ ณ โรงแรมเดอะพาลาสโซ เวลา 09.00 น. กิจกรรมประกอบด้วย การเสวนา การพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย การเสวนาที่เครือข่ายด้านอาหารก้าวแรกสู่การยกระดับของสมัชชาวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านและอาหารถิ่น อาหารไทย ยกระดับอย่างไร ให้สร้างสรรค์ ได้อย่างยั่งยืน จากผู้ทรงคุณวุฒิ โดย ผลการประชุมจะนำไปกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการยกระดับอาหารไทยสู่ Soft Power ของไทย นอกจากนี้ ในวันที่ 21 กันยายน จะมีการจัดงานมอบโล่ประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติ 77 เมนูที่ได้รับการคัดเลือก ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยอีกด้วย
ยกย่องเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในการขับเคลื่อนโครงการลมหายใจของชุมชน “กาชาดหัวใจครู”
นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานงานยกย่องเชิดชูเกียรติยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด และงานเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ลมหายใจของชุมชน กิจกรรม “กาชาดหัวใจครู” เพื่อเด็กและเยาวชนไทยอ่านออกเขียนได้ ปีที่ 2 สนองพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณและใบประกาศเกียรติคุณอันทรงคุณค่าแก่ผู้บริหารบริษัท ผู้บริหารสถานศึกษาและแกนนำอาสายุวกาชาด เพื่อแสดงออกซึ่งความชื่นชม ยกย่องและเชิดชูเกียรติในฐานะอุทิศตนให้ความอนุเคราะห์แก่ประชาชนที่ด้อยโอกาส ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของการเป็นอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทย
ที่โรงแรมเดอะเบอร์เคลี่ย์ ประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร
นางสุนันทา ศรอนุสิน ผู้อำนวยการสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการรวมอาสาสมัครกาชาด จำนวน 352 คน จาก 137 หน่วยงาน ที่ให้การสนับสนุนภารกิจสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ตลอดปีงบประมาณ 2566 โดยประกาศยกย่องและเชิดชูเกียรติบุคคลและหน่วยงานทั้ง 6 ประเภท ประกอบด้วย ลมหายใจของชุมชน กาชาดหัวใจครู จำนวน 261 คน จาก 55 หน่วยงาน เข็มผู้อำนวยการฝึกอบรมอาสายุวกาชาด 11 คน โล่รางวัลมาตรฐานชมรมอาสายุวกาชาด 48 หน่วยงาน หน่วยงานที่สนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรม ครบทุกกิจกรรม จำนวน 17 หน่วยงาน รางวัลประกวดคลิปสั้น TikTok กันน็อค กันใจ เราทำได้ จำนวน 8 หน่วยงาน และรางวัลกิจกรรมคนไทยปลอดภัย ห่างไกลไข้เลือดออก จำนวน 1 คน
นางสุนันทา ศรอนุสิน กล่าวอีกว่า การเป็นอาสาสมัครกาชาด ล้วนมีจิตวิญญาณเปี่ยมด้วยอุดมการณ์ของกาชาดและพร้อมที่จะเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก“ลมหายใจของชุมชน จึงเปรียบเป็นการปฏิบัติของอาสาสมัครในพื้นที่ทุกภูมิภาคของประเทศร่วมกับสภากาชาดไทยเพื่อก่อประโยชน์แก่ผู้ด้อยโอกาสในชุมชน สังคมและประเทศชาติ
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว