ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 11 กันยายน 2566

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 11 กันยายน 2566
การเมือง/มั่นคง
นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเน้นพัฒนาประเทศ 3 ระยะ เป้าหมายแรกกระตุ้นเศรษฐกิจ
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม วันนี้ (11 ก.ย.66) เป็นการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา สรุปว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง และถูกซ้ำเติมด้วยโควิด-19 ปัญหาสังคมการเมืองที่ยืดเยื้อและยังไม่ได้มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ซึ่งเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของโลกและกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งความท้าทายเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ก่อปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ขาดความพร้อมที่จะเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
รัฐบาลจึงมีเป้าหมายต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยวางกรอบนโยบายไว้ 3 ระยะคือ ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นค่าใช้จ่ายด้วยนโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล Wallet เพื่อนำไปสู่การหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและยังเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสให้กับกลไกการชำระเงินของระบบเศรษฐกิจ
รัฐบาลแก้ปัญหาหนี้สินในครัวเรือนด้วยการพักชำระหนี้ ด้วยการพักหนี้เกษตรกรตามเงื่อนไข ครอบคลุมไปถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภายใต้ปรัชญาที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินการคลัง ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ลดค่าไฟ ก๊าซหุงต้มและค่าน้ำมันทันที เพื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว พร้อมเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวด้วยการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนการขอวีซ่า และนโยบายเร่งด่วนสุดท้ายคือ แก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในรัฐธรรมนูญ ไม่แก้หมวดพระมหากษัตริย์ จะจัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและผ่านขั้นตอนการออกเสียงลงประชามติโดยประชาชน
ส่วนกรอบนโยบายระยะกลางและระยะยาว นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลมีแนวทางที่จะเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนทุกคน ทั้งปฏิรูปการศึกษาให้เป็นสังคมแบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตและต้องกระจายอำนาจการศึกษาให้ผู้เรียนได้เข้าถึงการเรียนรู้อย่างทั่วถึง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะร่วมพัฒนากองทัพ ให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศโดยจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณท์ทหารเป็นแบบสมัครใจ รัฐบาลจะดำเนินแนวทางนโยบายการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพเพื่อสร้างมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลจะยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้รับความสะดวกมากขึ้นด้วยบริการพื้นฐานใกล้บ้าน
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า อนาคต 4 ปีข้างหน้า จะเป็น 4 ปี ที่รัฐบาลวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศ โดยยึดหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ การดำเนินนโยบายรัฐบาลจะการรักษากรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมและประชาชนเป็นที่ตั้งเพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า
จากนั้นเป็นการอภิปรายของสมาชิก เช่น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายว่า นโยบายของรัฐบาลมีแต่ความว่าง ไม่มีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน ยอมรับว่า กังวลกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก จะสามารถช่วยประชาชนทุกกลุ่มได้ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลจัดลำดับนโยบายให้ดี เพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณที่เป็นประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
เตรียมเปิดจำหน่ายสลาก L6 แบบดิจิทัล 21 ล้านใบ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง งวด 1 ตุลาคมนี้
พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะเริ่มจำหน่ายสลากแบบใหม่ หรือ L6 แบบดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2566 เป็นต้นไป จำนวนทั้งหมด 21 ล้านใบ สำหรับการออกรางวัลตั้งแต่งวดวันที่ 1 ตุลาคม 2566 โดยประชาชนสามารถซื้อสลาก L6 แบบดิจิทัล ได้ผ่านทางแอปพลิเคชันเป๋าตังเช่นเดิม และกติกาการออกรางวัลยังคงเดิม เพียงแต่จะไม่มีการพิมพ์สลากแบบใบ แล้วนำมาสแกนเข้าระบบอีกต่อไป
สลาก L6 แบบดิจิทัล จะมีลักษณะคล้ายกับสลากแบบใบทั่วไป และหากถูกรางวัล สามารถขึ้นรางวัลได้ทุกรางวัล ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ การโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังไปยังธนาคารต่างๆ หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยและมาขึ้นเงินรางวัลด้วยตนเองที่สำนักงานสลากฯ โดยใช้เพียงบัตรประชาชน
คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กำหนดให้ภายในสิ้นปี 2566 ต้องมีสลาก L6 ทั้งแบบใบและแบบดิจิทัล จำหน่ายรวมกันไม่เกิน 110 ล้านบาท โดยสลากเป็น L6 แบบใบ จะคงไว้ที่ 80 ล้านใบตามเดิม ส่วน L6 แบบดิจิทัล จะเพิ่มไม่เกิน 30 ล้านใบ โดยเพิ่มงวดละ 1-2 ล้านใบ ตามความต้องการของผู้ซื้อ
พันโท หนุน กล่าวด้วยว่า การจำหน่ายสลาก L6 แบบดิจิทัล จะให้สิทธิ์กับผู้ที่ได้ลงทะเบียนร่วมโครงการจำหน่ายสลากดิจิทัลตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 และผ่านการคัดเลือกจำนวน 70,000 ราย ซึ่งปัจจุบันยังเหลือผู้ที่ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวอีกประมาณ 17,000 ราย ซึ่งเพียงพอกับจำนวนสลาก L6 แบบดิจิทัล ที่กำหนดไว้ที่ 30 ล้านใบ
ททท. ร่วมกับ Booking.com เปิดตัวคู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย “Thai Foodie Map”
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับบริษัทผู้นำด้านการเดินทางดิจิตอล Booking.com เปิดตัวคู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย “Thai Foodie Map” เพื่อแนะนำร้านอาหารจำนวน 40 ร้านใน 8 จังหวัด โดยได้รวบรวมร้านอาหารแนะนำในเมืองรองทั่วประเทศไทย มาให้ผู้เดินทางได้สัมผัสเอกลักษณ์ ของแต่ละจุดหมายปลายทาง ผ่านเมนูอาหารที่นำเสนอรสชาติโดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น โดย ททท. มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมและผลักดันสร้างศักยภาพของเมืองรองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายรายได้ไปยังจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจากเมืองหลัก ต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงอาหารนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
การท่องเที่ยวมีรายได้หลัก จากการท่องเที่ยวของเมืองหลักมากกว่า ร้อยละ 60 และอีกร้อยละ 40 มาจากเมืองรอง ที่มีมากกว่า 40-50 จังหวัด และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีการพำนักโดยเฉลี่ย 9 วันต่อทริป หากมีแคมเปญมากขึ้นจะสามารถช่วยนักท่องเที่ยวเดินทางไปทานอาหารที่เพิ่มวันพักได้มากยิ่งขึ้น
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
กรมชลประทาน จัดแผนบริหารจัดการน้ำช่วงปลายฤดูฝน คาดร่องมรสุมที่พาดผ่านช่วยเติมน้ำเขื่อนหลัก
นายทวีศักดิ์ ธนะเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้จัดมาตรการบริหารจัดการน้ำในช่วงปลายฤดูฝนที่คาดว่าจะสิ้นสุดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยภาพรวมปริมาณน้ำประมาณใช้การล่าสุดอยู่ที่ 43,700 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 57 ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากผลกระทบของปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้ฝนลดลงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 20 ปริมาณน้ำในเขื่อนน้อยกว่าปีที่แล้วร้อยละ 42 โดยเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 23,600 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้น้ำไหลเข้าเพียง 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลักที่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนเพียง 3,300 ล้านลูกบาศกเมตร ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 60
ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณน้ำในเขื่อนกักเก็บน้ำทั้ง 35 แห่งปีนี้ จะมีน้ำใช้การประมาณ 21,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยลุ่มเจ้าพระยาจะมีน้ำใช้การใน 4 เขื่อนหลักไม่เกิน 5 พันล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่า ในช่วงปลายฤดูฝนที่มีร่องมรสุมพาดผ่านจะมีน้ำไหลเข้าเขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาอีกประมาณ 40 ล้านลูกบากศ์เมตร
รองอธิบดีชลประทาน กล่าวว่า จากภาพรวมน้ำใช้ในการในปีนี้ ยืนยันว่า ได้มีการจัดแผนบริหารจัดการน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค ภาคการเกษตรและรักษาระบบนิเวศ โดยเน้นกักเก็บน้ำทั้งแก้มลิง คูคลองและหนองน้ำทุกแห่ง พร้อมกับประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมืองดปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่เขตนอกชลประทาน เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีมาตรการช่วยเหลือส่งเสริมการประกอบอาชีพต่างๆ รวมถึงการจ้างแรงงานสำหรับเกษตรที่ไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปรังอีกด้วย
สังคม
รับสมัครชายไทย ไปทำงานประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) 15 อัตรา
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครคนหางานเพื่อไปทำงานกับนายจ้างบริษัท CROWN EMIRATES COMPANY LTD. ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งประกอบกิจการผลิตกระป๋องและบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียม จำนวน 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ตำแหน่งช่างไฟฟ้า ช่างกล พนักงานควบคุมเครื่องจักร/ช่างเครื่อง และพนักงานฝ่ายผลิต รวม 15 อัตรา มีค่าล่วงเวลาตามกฎหมายยูเออี โดยนายจ้างจะจัดหาที่พัก อาหารวันละ 3 มื้อ พร้อมจ่ายค่าโดยสารเครื่องบินจากกรุงเทพฯไปดูไบ และตั๋วขากลับเมื่อทำงานครบตามสัญญาจ้าง ผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล uaeapply.doe@gmail.com ได้ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน - 10 ตุลาคม 2566 ตลอด 24 ชั่วโมง
อธิบดีกรมการจัดหางาน เน้นย้ำว่า การรับสมัครในครั้งนี้เป็นการดำเนินการโดยวิธีรัฐจัดส่ง คนหางานไม่เสียค่าสมัครหรือค่าบริการใดๆ ยกเว้นค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ได้แก่ ค่ารูปถ่าย ค่าทำหนังสือเดินทาง (กรณียังไม่มี) ค่าตรวจสุขภาพ ค่ารับรองประวัติอาชญากรรม และค่าสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 6,000 บาท โดยนายจ้างจะเดินทางคัดเลือกด้วยตัวเอง โดยการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ ทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส โปรดอย่าหลงเชื่อผู้ไม่หวังดีแอบอ้างว่าสามารถช่วยให้ไปทำงานได้ เพราะอาจถูกหลอกเสียเงินฟรี ทั้งนี้ ผู้ที่มีความประสงค์สมัครงาน สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัคร และศึกษารายละเอียดคุณสมบัติ ตำแหน่งงาน และค่าตอบแทนได้ที่ เว็บไซต์กรมการจัดหางาน doe.go.th/overseas หรือโทร 0 2245 1034 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน
สำหรับคุณสมบัติและตำแหน่งงาน ที่บริษัท CROWN EMIRATES COMPANY LTD. แจ้งความต้องการ เป็นเพศชาย อายุ 20 – 35 ปี จำนวน 4 ตำแหน่ง รวม 15 อัตรา ระยะเวลาจ้างงาน 3 ปี หากมีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ส่วนอัตราค่าจ้าง ตำแหน่งช่างไฟฟ้า จำนวน 4 อัตรา ค่าจ้างเดือนละประมาณ 29,020 บาท จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือเทียบเท่าขึ้นไป (ปวส.) หรือเทียบเท่าขึ้นไป สาขาช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างเมคคาทรอนิกส์ ,ตำแหน่งช่างกล จำนวน 6 อัตรา ค่าจ้างเดือนละประมาณ 24,183 บาท จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขึ้นไป (ปวช.) ขึ้นไป สาขาช่างกลโรงงาน สาขาช่างยนต์ ช่างซ่อมบำรุง ,ตำแหน่งพนักงานควบคุมเครื่องจักร/ช่างเครื่อง จำนวน 2 อัตรา ค่าจ้างเดือนละประมาณ 24,183 บาท จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขึ้นไป (ปวช.) ขึ้นไป สาขาช่างกลโรงงาน สาขาช่างยนต์ ช่างซ่อมบำรุง ส่วนตำแหน่งพนักงานฝ่ายผลิต จำนวน 3 อัตรา ค่าจ้างเดือนละประมาณ 18,379 บาท จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย (ม.6) ขึ้นไป หรือเทียบเท่า
เตือนประชาชนผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรค รวมถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยงรีบไปตรวจคัดกรอง
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีข่าว จั๊ก ชวิน จิตรสมบูรณ์ นักร้องและนักแต่งเพลง อดีตวง Double U หลังตรวจพบว่า ป่วยเป็นวัณโรค ซึ่งในข่าวแพทย์คาดว่าได้รับเชื้อจากเพื่อนสนิทที่พึ่งเสียชีวิตไปด้วยวัณโรค เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ว่า วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญทั่วโลกและประเทศไทย โดยองค์การอนามัยโลกให้ประเทศไทยติดอันดับใน 30 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรคสูงสุดในโลก คาดว่าไทยมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ประมาณ 103,000 รายต่อปี และเสียชีวิตกว่า 12,000 รายต่อปี ซึ่งประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรไทย ติดเชื้อวัณโรคแล้ว แต่จะมีแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ป่วยเป็นวัณโรค เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ลดลง ซึ่งประชากรอีกกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อและป่วยเป็นวัณโรคมากกว่าประชากรทั่วไป ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคร่วม ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ต้องขังหรือผู้อาศัยในสถานคุ้มครองและคนพิการ ผู้ใช้สารเสพติด ผู้ติดสุราเรื้อรัง บุคลากรสาธารณสุข กลุ่มแรงงานข้ามชาติ และที่สำคัญที่สุดคือ กลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือผู้สัมผัสร่วมบ้านกับผู้ป่วยวัณโรค
กรมควบคุมโรค มีแผนงานและกิจกรรมที่จะผลักดันขับเคลื่อนนโยบาย การตรวจคัดกรอง ดูแล รักษา ในทุกกลุ่มเสี่ยง ไปยังหน่วยงานที่ดูแล รักษาวัณโรคโดยตรง ได้แก่ โรงพยาบาลต่างๆ ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อเข้าสู่กระบวนการการรักษาและป้องกันวัณโรคตามมาตรฐาน ที่รวดเร็วและทันท่วงที ตัดวงจรการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น ลดอัตราป่วยและอัตราตายจากวัณโรคต่อไป ส่วนกรณีการป่วยเป็นวัณโรคของนักร้องและนักแสดงรายดังกล่าว กองวัณโรค กรมควบคุมโรค ได้ประสานความช่วยเหลือไปยังผู้จัดการส่วนตัวและครอบครัวโดยตรง เพื่อสนับสนุนด้านการตรวจรักษาเพิ่มเติมจากที่กำลังรักษาอยู่ ทั้งการติดเชื้อระยะแฝงและการป่วยเป็นวัณโรค ของสมาชิกในครอบครัว ผู้สัมผัสร่วมบ้าน ผู้สัมผัสใกล้ชิด เพื่อนสมาชิกวงดนตรีหรือเพื่อนนักแสดง ทั้งหมดที่ต้องการตรวจรักษา
ทั้งนี้ วัณโรคเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ แพร่จากผู้ป่วยจากการไอ จาม พูดคุย หรือร้องเพลง คนที่ได้รับเชื้อจะมีโอกาสป่วยเป็นวัณโรค แต่เป็นโรคที่รักษาหายได้ โดยต้องกินยาต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง ประมาณ 6 เดือน ย้ำ “วัณโรค รู้เร็ว รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย”
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว