สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (28 สิงหาคม- 1 กันยายน 2566)

สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (28 สิงหาคม- 1 กันยายน 2566)
การเมือง/มั่นคง
28 สิงหาคม 2566
ต้องรอตั้งรัฐบาลเสร็จก่อนจึงจะนัดหารือ 3 ฝ่าย เพื่อกำหนดวันและเวลาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเตรียมข้อซักถามนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า เห็นว่าหากตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จจะมีการประสานมา จากนั้นจะนัดหารือตัวแทนวิป 3 ฝ่าย ทั้งวิปวุฒิสภา วิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้าน เพื่อกำหนดวันและเวลาในการพิจารณา ส่วนจะอภิปรายกี่วันต้องดูจากการอภิปรายในอดีตและรับฟังวิปแต่ละฝ่ายก่อนว่าต้องการเวลาเท่าไหร่ รวมทั้งฝ่ายรัฐบาลต้องใช้เวลาพอสมควรในการชี้แจง
สำหรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เห็นว่า ตามปกติรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระบุชัดว่า พรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลและไม่มีตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคที่มีจำนวน สส. มากที่สุดจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ แต่เมื่อพรรคก้าวไกลประสงค์จะดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ต้องแจ้งเพื่อสละสิทธิ์ให้พรรคฝ่ายค้านลำดับรองต่อไป เพราะจำเป็นต้องมีผู้นำฝ่ายค้านฯ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสภาและคัดเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. และ กกต. จะต้องมีผู้นำฝ่ายค้านฯ ในคณะกรรมการสรรหา รวมทั้งกรรมการจริยธรรมในสภาผู้แทนราษฎรด้วย พร้อมย้ำว่า ผู้ที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ จะต้องเป็นหัวหน้าพรรคเท่านั้น และต้องเป็น สส.ในสภา แต่หากหัวหน้าพรรคไม่ได้เป็น สส. ซึ่งเชื่อว่าพรรคการเมืองจะจัดการเรื่องนี้ได้
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังกล่าวถึงเรื่องการจัดสรรตำแหน่งในกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ว่า ขณะนี้เริ่มแต่งตั้่งได้แล้วว่าพรรคใดบ้างที่เป็นรัฐบาล ซึ่งตนเองได้หารือกับนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ไว้บ้างแล้ว และคงนัดคุยกันในสัปดาห์นี้ ซึ่งทุกพรรคสามารถจัดสรรหากรรมาธิการตามสัดส่วน สส. แต่ที่ต้องหารือกันคือ พรรคใดจะเป็นประธานกรรมาธิการตามสัดส่วน โดยคาดจะใช้เวลา 2-3 วันแล้วเสร็จ
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา เข้าพรรคเพื่อไทย ประชุมรับฟังข้อเสนอแนะ หาแนวทางแก้ไขด้านการบิน ยกระดับการท่องเที่ยว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย พบกับสมาคมชาวไร่อ้อย ที่มาแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จากนั้นกล่าวถึงรายชื่อคณะรัฐมนตรีว่า วันนี้รายชื่อ ครม. นิ่งทั้งหมดแล้ว หลังจากหารือกันเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล โดยวันนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะเข้ามารับรายชื่อทั้งหมด เพื่อไปตรวจสอบคุณสมบัติ
สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นบุคคลจากภายนอก หรือบุคคลในพรรค นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้รอความชัดเจนและไม่ทราบเรื่องการคัดค้านชื่อพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ แต่ก็ได้อ่านจากโซเชียลมีเดียบ้าง ยืนยัน หากเปิดรายชื่อออกมาจะไม่ผิดหวัง โดยขอให้ดูที่ผลงาน ใครก็ตามที่พรรคร่วมรัฐบาลเลือกกันมาแล้วก็คงจะทำงานเต็มที่ให้กับประชาชน พร้อมย้ำว่า ขอให้อดใจรอ แต่ก็ยอมรับว่า มีทั้งคนสมหวังและผิดหวังซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็พยายามเต็มที่ให้ทุกคนได้รับตำแหน่ง อีกทั้งยังมีตำแหน่งที่ปรึกษา ตำแหน่งเลขาฯ ที่จะต้องมาร่วมกันทำงานจากทุกภาคส่วน เมื่อมีคนเยอะขึ้นเราก็จะทำงานได้ดีขึ้น ส่วนจะสามารถนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้เมื่อไหร่ ส่วนตัวไม่ทราบขั้นตอน เป็นเรื่องของหน่วยงานที่ต้องตรวจสอบ เข้าใจว่าอาจจะใช้เวลา 2-3 วัน ส่วนจะทันวันที่ 1 กันยายนนี้หรือไม่นั้นคงก้าวล่วงไม่ได้
นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฝากถึงรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องการปฏิรูปกองทัพว่า ส่วนตัวย้ำมาตลอดว่า ไม่อยากใช้คำว่าปฏิรูป แต่เป็นการพัฒนาร่วมกันดีกว่า ซึ่งนโยบายนี้ได้พูดไปแล้ว แต่ยังต้องดูความเหมาะสมและพูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพทั้งหมด ซึ่งจะต้องเจรจากัน
นายเศรษฐา ยังคาดว่า จะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาได้เร็วกว่าช่วงกลางเดือนกันยายนที่วางไทม์ไลน์ไว้ โดยจะพยายามเร่งให้เต็มที่ เพราะพรรคเพื่อไทยได้เตรียมการไว้หมดแล้ว รวมถึงจะต้องเร่งให้ทันการประชุม UN ในช่วงสิ้นเดือนกันยายนนี้ด้วยหรือไม่นั้น ขอดูขั้นตอนก่อน เพราะตามมารยาทจะต้องเดินทางเยือนประเทศกลุ่มอาเซียนก่อนหรือไม่ เนื่องจากตนเองเป็นมือใหม่ จึงขอศึกษาก่อน แต่ยอมรับว่า เวทีประชุม UN เป็นเวทีใหญ่ที่จะมีโอกาสได้พบปะกับผู้นำทั่วโลก ซึ่งอาจจะได้หารือเรื่องธุรกิจการค้าไปด้วย
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังเปิดเผยว่า วันนี้ตนเองมีประชุมหลายคณะ รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะและหาแนวทางแก้ไขด้านการบิน เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวร่วมกับผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน 8 แห่ง เพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า ไตรมาสที่ 4 จะเป็นการกระตุ้นให้ภาคเอกชนเตรียมตัว และในช่วงต้นเดือนตุลาคมจะเป็นวันชาติจีน เพื่อให้ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวจับตลาดในเวลานี้ให้ได้ โดยเฉพาะสายการบินต่างๆที่ต้องมีความพร้อม และจะต้องครอบคลุมไปถึงความมั่นคงและความปลอดภัย ซึ่งการท่องเที่ยว ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีที่สุดในระยะสั้น ก่อนที่จะเริ่มเดินหน้านโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ในไตรมาสแรกของปีหน้า
29 สิงหาคม 2566
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณทุกคนที่ทำงานร่วมกันมาและไม่ต้องฝากงานกับรัฐบาลใหม่ถือเป็นมารยาท
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ว่าเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย จากการประเมินขั้นตอนเป็นไปตามกระบวนการปกติของการได้รัฐบาลใหม่ วันนี้ยังคงต้องดูแลในส่วนที่ทำได้ตามหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลรักษาการ พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนทุกคน หลายปีที่ผ่านมา เข้าใจการทำงานและไม่ไปก้าวล่วง
เห็นว่า คงไม่ต้องฝากงานกับรัฐบาลใหม่ ถือเป็นมารยาทที่ต้องให้รัฐบาลใหม่ดำเนินงานในระยะต่อไป หลังจากนี้เมื่อเกษียณจากการเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จะพักผ่อนและให้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น รวมทั้งยังเป็นประชาชนทั่วไป ไม่มีสิทธิพิเศษที่ต้องมาเคารพ หรือยกย่องตนเอง
ส่วนสิ่งที่ได้จากการเมืองที่ผ่านมาว่า ได้ทำงานทุกวัน เพื่อประเทศชาติและประชาชน และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ส่วนอนาคตก็เป็นเรื่องของรัฐบาลชุดต่อไปมาดำเนินการและไม่ขอมองย้อนกลับไปถึงอดีตที่ผ่านมา ต้องเดินหน้าอย่างเดียวและระมัดระวังในการเดินหน้า ต้องรักษาทุกคนที่ทำงานร่วมกันมาให้ปลอดภัย พร้อมขอบคุณคณะรัฐมนตรีและข้าราชการทุกคนช่วยทำงานมาโดยตลอด ด้วยความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน เพราะทำตามกฎหมายและกฎระเบียบที่มีอยู่
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความประทับใจตลอด 9 ปีที่ผ่านมาคือ ได้อยู่ร่วมกับคณะรัฐมนตรีชุดนี้ 4 ปีเต็ม ทุกคนให้ความร่วมมือ พูดจาและทักท้วงกันด้วยเหตุผล ถือเป็นความผูกพันในสิ่งที่ทำร่วมกันมา โดยไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์ใดๆ และหวังที่จะได้เห็นการเดินหน้าในอนาคต ต้องถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่สร้างความเข้าใจให้มากขึ้น
ขณะเดียวกันไม่ขอตอบเรื่องรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการทางการเมือง ในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการและไม่ได้มีการแนะนำใดๆ เพราะตนเองยังไม่ได้เห็นโผคณะรัฐมนตรี เห็นแต่ตามที่สื่อนำเสนอ และมีว่าที่รัฐมนตรี มายื่นกรอกประวัติที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดังนั้นขอให้รอดู หลังจากการโปรดเกล้าฯ ขอทุกคนอย่าไปก้าวล่วงอำนาจ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน พร้อมกล่าวถึงหน้าตาคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ดูดีทุกคน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ร่วมถ่ายภาพกับสื่อมวลชนและช่างภาพที่ทำข่าวในทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นกันเอง
นางสาวแพทองธาร ห่วงอาการป่วยนายทักษิณ เครียดเปลี่ยนที่อยู่ เหนื่อยและอ่อนเพลีย
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร หลังจากได้เข้าเยี่ยม ที่โรงพยาบาลตำรวจว่า พ่อมีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งจะเห็นอาการตั้งแต่เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว ไม่สดชื่นเหมือนเดิม ก็เข้าใจดีว่าพ่อไม่ได้อยู่เมืองไทยถึง 17 ปี ซึ่งในครอบครัวก็ได้คุยกัน รู้สึกว่าพ่อมีอาการเครียดและได้ทราบพร้อมกับสื่อ ที่พ่อถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากมีอาการเครียดและอ่อนเพลีย แต่ที่เป็นห่วงเนื่องจากเมื่อปี 2020 พ่อป่วยเป็นโรคโควิด-19 รุ่นแรกอู่ฮั่น ต้องรักษาตัวในห้อง ICU ถึง 9 วัน น้ำหนักลด 10 กิโลกรัม อยู่โรงพยาบาล 1 เดือน ทำให้ปอดมีปัญหา แม้พยายามจะออกกำลังกาย แต่ด้วยอายุ 74 ปี บวกกับความเครียด แต่ก็ยังสู้ และคุณพ่อก็ดีใจที่ได้เจออิ๊ง ทั้งนี้เชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อเจอสถานการณ์ที่จะต้องเปลี่ยนที่อยู่ การเปลี่ยนแปลงย่อมทำให้เกิดความรู้สึกกับทุกคนและขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ตอนนี้ทีมแพทย์ดูแลอย่างเต็มที่ ประวัติการรักษาทุกอย่างในต่างประเทศก็ส่งให้ทางโรงพยาบาลไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหัวใจ ปอด หรือประวัติการรักษาตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา
ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ทางครอบครัวไม่ได้เข้าไปยุ่ง ให้เป็นดุลพินิจของคุณพ่อพิจารณาเอง ว่าจะจัดทำเมื่อไหร่ ซึ่งส่วนตัวก็ยังไม่ได้เห็นร่างจดหมายดังกล่าว พร้อมยืนยัน ไม่ได้มีการขอตัวคุณพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนตามที่เป็นข่าว ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ อีกทั้งแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจเก่งๆ หลายคน ส่วนจะรักษาตัวอีกนานเท่าไหร่ ยังไม่ทราบเพราะมีหลายปัจจัย ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นอภิสิทธิ์ชนนั้น ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไร เป็นห่วงคุณพ่อมากกว่า ขณะที่เรื่องห้องพักที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็เป็นห้องปกติ แต่ได้มีการซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัว เป็นห่วงเรื่องของหัวใจมากกว่า เพราะปอดเป็นพื้นฐานเดิมที่เคยเป็นและไม่ได้มีอะไรกะทันหัน หรือน่าเป็นห่วงเท่าหัวใจ
นางสาวแพทองธาร กล่าวด้วยว่า วันนี้จะมาหารือเรื่อง soft power ที่จะต้องผลักดันให้เป็นไปตามที่บอกไว้กับประชาชน เมื่อมีคณะรัฐมนตรีแล้ว จะได้รีบทำงานได้
ทันที
รองนายกรัฐมนตรี ระบุ “พัชรวาท” เป็นรัฐมนตรีได้ คุณสมบัติไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนคุณสมบัติของพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ สุ่มเสี่ยงขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเคยถูกปลดออกจากตำแหน่งและภายหลังได้มีการยกเลิกคำสั่งปลดว่า เมื่อคำสั่ง คสช. ได้เพิกถอนคำสั่งปลดนานแล้ว ก็เท่ากับการปลดนั้นไม่เคยมี ส่วนจะขาดคุณสมบัติข้ออื่นหรือไม่นั้น ไม่ทราบ
เมื่อถามว่ามีความเห็นต่อรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่ออกมาอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า การตรวจคุณสมบัติเป็นไปตามรายชื่อที่สื่อลงข่าว โดยไม่ได้สนใจตำแหน่ง เพราะไม่สามารถตรวจสอบล่วงหน้าได้ และทางพรรคต้องยืนยันอีกครั้ง ว่าใครดำรงตำแหน่งอะไร เมื่อถามว่าสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบคุณสมบัตินานหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า ถ้าไม่มีปัญหาก็สามารถผ่านไปได้เร็ว แต่ถ้ามีปัญหาก็คงต้องใช้เวลาในการตรวจเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ส่วนที่ผ่านมามีผู้ที่คุณสมบัติไม่ผ่านหรือไม่นั้น นายวิษณุยอมรับว่าในอดีตเคยมีและบุคคลผู้นั้นก็ไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยมีการแจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ บุคคลผู้นั้นก็ไม่ได้มาเป็น
นายวิษณุยังกล่าวถึงบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายว่า วันนี้ก็มีการถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน ไม่มีความเศร้า มีแต่ดีใจ และนายกฯ และรัฐมนตรี ก็ไม่ได้มีพูดอะไรซึ้งๆ หรือเป็นพิเศษในที่ประชุม ส่วนตัวก็ไม่ได้มีการฝากให้รัฐมนตรีที่จะไปอยู่ใน ครม.ใหม่ ให้ทำอะไร เพราะทุกคนก็เก่งๆ กันอยู่แล้ว ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินไม่ยาก แต่การบริหารร่วมกันได้โดยไม่เกิดความขัดแย้งเป็นเรื่องยาก ซึ่งก็เชื่อและวางใจว่าภายใต้การนำของนายกฯคนใหม่ เข้ามาด้วยความคิดตั้งแต่ต้นที่จะสลายขั้วแล้วก็ก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าตั้งใจแบบนี้ต่อไปก็จะทำงานได้ และทำให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้คือ ขยันซื่อสัตย์ อดทน ละเอียด รอบคอบ โปร่งใส ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีตามที่กำหนดไว้ ถ้าทำตามนี้ต่อไป ก็ราบรื่น
ครม.อนุมัติงบกลาง 998.44 ล้านบาท จ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดต่อเนื่อง
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 998.442 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ให้การจ่ายเงินอุดหนุนสำหรับการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจำนวน 2,254,534 คน ในเดือนกันยายน 2566 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
สำหรับความจำเป็นที่ขออนุมัติงบกลางฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด มีจำนวนเกินกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ ทำให้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอต่อการเบิกจ่ายให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีสิทธิ์ในเดือนกันยายน 2566 กระทรวง พม. จึงจำเป็นต้องขออนุมัติงบกลางดังกล่าว ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะส่งให้สำนักงาน กกต. พิจารณาต่อไป
โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งจัดสวัสดิการพื้นฐานแก่เด็กแรกเกิดให้ได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการเหมาะสมตามวัยโดยรัฐบาลมอบเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กต่อเนื่องตั้งแต่แรกเกิด - 6 ปี ที่อยู่ในครัวเรือนยากจน ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในอัตราเดือนละ 600 บาทต่อคน
30 สิงหาคม 2566
นายกรัฐมนตรี หารือทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงาน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มาหารือเรื่องนโยบายรัฐบาลว่า มีการหารือถึงขั้นตอนการปรับลดค่าไฟฟ้าและลดราคาน้ำมันดีเซล รวมถึงด้วยพูดคุยนโยบายอื่นๆ เพื่อให้การส่งมอบงานเป็นไปอย่างราบรื่น โดยบรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ส่วนการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าจะดำเนินการได้ ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกหรือไม่ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง เพราะต้องรอดูขั้นตอนก่อน
ด้านนายสุพัฒพงษ์ ระบุว่า เป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนมากกว่า ส่วนเรื่องที่เป็นทางการต้องให้ระดับหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคได้คุยกัน อะไรที่เป็นประโยชน์และเห็นว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ สามารถทำได้ก็คงคุยกันอีกครั้ง วันนี้เป็นเพียงการเล่าสู่กันฟัง แต่ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายที่จะเสนออะไรแต่ยอมรับว่า มีการคุยเรื่องราคาพลังงาน เช่น ค่าแก๊ส ซึ่งก็คงจะมีการหารือกับกระทรวงพลังงานต่อไป ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จแล้ว ส่วนความเป็นไปได้ที่ราคาพลังงานจะลดลงภายหลังรัฐบาลใหม่เข้ามามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปหารือกันอีกครั้งกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่
31 สิงหาคม 2566
ประธานรัฐสภา ยืนยันพร้อมให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ย้ำจำเป็นต้องมีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
นายวันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏรและประธานรัฐสภา กล่าวถึงการแถลนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแจ้งมาว่ามีความพร้อมเมื่อไหร่ โดยต้องรอหลังคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการประสานมา แต่คาดว่าน่าจะเร็วๆ นี้ หากแจ้งมาจะประสานวิป 3 ฝ่าย ได้แก่ วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้านและวิปวุฒิสภา เพื่อหารือกำหนดกรอบการอภิปรายและรีบดำเนินการโดยเร็ว ส่วนจะเกิดขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ซึ่งในส่วนของรัฐสภามีความพร้อมตลอดเวลาเพื่อให้รัฐบาลมาแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการจัดสรรตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรว่า ได้มอบหมายให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นผู้ประสานกับพรรคการเมืองแล้ว เชื่อว่าจะสามารถตกลงกันได้ตามสัดส่วน สำหรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ระบุว่า ทันทีที่มีคณะรัฐมนตรีแล้ว สภาฯ จะทาบทามไปยังสมาชิกที่เป็นฝ่ายค้านต่อไปว่าประสงค์จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ โดยส่วนหากนายประดิพัทธ์ สันติภาดา ไม่ลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 1 ก็ต้องสอบถามพรรคการเมืองลำดับถัดไป และหากยังไม่มีหัวหน้าพรรคต้องรอจนกว่าจะพร้อม แต่ย้ำว่าต้องมีผู้นำฝ่ายค้านโดยเร็ว เพื่อการทำงานในสภาฯ และมีส่วนร่วมในการเลือกองค์กรอิสระ
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ขอบคุณทุกภาคส่วน ตอบรับแนวทาง ‘กระตุ้นการท่องเที่ยว-กระตุ้นเศรษฐกิจ’
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาผู้เหมาะสมเข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เข้าใจว่าพรุ่งนี้ (1 ก.ย.) น่าจะตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จเรียบร้อย ส่วนกระแสการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับชื่อนายพิชิต ชื่่นบาน นั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ท่านด้วย หากไม่ผิดข้อกฎหมาย ไม่มีความผิดและผ่านแล้วก็น่าจะไม่ถือว่าผิดจริยธรรม
ส่วนกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กังวลในเรื่องของจริยธรรม นายเศรษฐา กล่าวว่า อยู่ในระหว่างการขอความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อมีความเห็นออกมาแล้วว่าผ่านก็หวังว่าจะเป็นที่สิ้นสุด เชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครถูกใจทั้งหมด ทุกๆ ท่าน รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ที่อาสาเข้ามาช่วยเหลือประเทศชาติก็ต้องให้เกียรติและขอให้รอดูผลงาน วัดกันด้วยผลงานดีกว่า ส่วนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย มีปฏิกิริยาไม่พึงพอใจรายชื่อ ครม. นายเศรษฐา กล่าวว่า “ก็น้อมรับฟังครับ”
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้า การพิจารณาแนวทางการลดราคาพลังงานว่า เรื่องการลดราคาพลังงานเป็นหนึ่งในวาระแรกๆ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. พร้อมทั้งอีกหลายเรื่อง จึงขอให้ทุกฝ่ายอดใจรอ เพราะไม่ได้มีเพียงเรื่องของวีซ่า หรือการลดราคาพลังงานเท่านั้น ในวันนี้ (31 สิงหาคม 2566) ก็จะมีการหารือกับกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เรื่องการพักหนี้เกษตรกรว่าจะต้องมีขั้นตอนอย่างไรและดำเนินการได้ทันทีหรือไม่ เนื่องจากพี่น้องเกษตรกรเดือดร้อนเรื่องหนี้สินเยอะมากและเป็นอีกหนึ่งในวาระสำคัญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยแนวทางการลดราคาพลังงานนั้นขอเวลาให้มีการพิจารณาเรื่องตัวเลขต่างๆ ที่เหมาะสม ซึ่งต้องปรึกษากับกระทรวงการคลังในเรื่องของงบประมาณต่างๆ จึงขอให้ทุกฝ่ายรอความชัดเจนก่อน
สำหรับการเดินหน้าแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้เริ่มมีสายการบินตอบรับในเรื่องของการขยายเที่ยวบินเพิ่มขึ้นในจังหวัดท่องเที่ยว นายเศรษฐา กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากที่ได้ลงไปพื้นที่ภาคใต้แล้วกลับมาพูดคุยกับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และ 8 สายการบินเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ขอขอบคุณสายการบินต่างๆ และทุกภาคส่วนที่ตอบรับ โดยมีการเตรียมพร้อมที่เราจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นภาคส่วนที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ก็มาเข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ซึ่งได้ให้คำแนะนำในการไปดูความพร้อมของทุกภาคส่วนสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายเศรษฐา เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (31 ส.ค.) จะลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อติดตามปัญหาสินค้าราคาแพงและยังมีหน่วยงานต่างๆ อีกหลายด้านที่จะมาหารือกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ และไม่กังวลที่อาจจะพบกับมวลชนที่คัดค้าน ซึ่งเป็นธรรมดาของการอาสามาทำการเมือง เรื่องเหล่านี้เราก็ต้องรับฟัง มีทั้งคนติ มีทั้งคนชมและมีทั้งคำแนะนำ ก็อยากให้เป็นการติเพื่อก่อ ซึ่งเองก็พึ่งเข้ามาก็มีความตั้งใจจริงที่จะเข้าไปรับฟังปัญหาที่พี่น้องประชาชนประสบจริงๆ อะไรที่แก้ไขได้ก็จะรีบเร่งด่วนในการทำ ดังนั้น ครม. นัดแรกจึงเป็นเรื่องสำคัญและมีหลายเรื่องที่จะต้องพิจารณา เรื่องของการแถลงนโยบายก็สำคัญ ขณะนี้แผนกนโยบายก็กำลังรวบรวมนโยบายจากทุกๆ พรรคเข้ามา เพื่อเตรียมการแถลงนโยบายรัฐบาล ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์น่าจะเรียบร้อย
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ เป็นวันสุดท้าย
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีมีการเผยข่าวระบุว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไม่เข้าปฎิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป ว่า พลเอก ประยุทธ์ ยังคงทำหน้าที่รักษาการณ์จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ทั้งนี้ด้วยมารยาททางการเมือง นายกรัฐมนตรีมีความประสงค์อยากให้เวลาคณะทำงานของรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาเตรียมสถานที่ปฏิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ จึงจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้(31 ส.ค.66)เป็นวันสุดท้าย แต่นายกรัฐมนตรียังคงมีภารกิจในเรื่องการพิจารณาลงนามเอกสาร ซึ่งทำได้ตามปกติ ไม่ขัดต่อมาตรา 169 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ตั้งใจทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาในทุกๆ ด้าน ให้ประเทศชาติก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อความสงบสุขและเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน จากนี้จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำงานเพื่อบ้านเมือง
1 กันยายน 2566
นายก?รัฐมนตรี? เดินหน้าแก้ปัญหาให้กลุ่มชาวประมง ย้ำเป็นห่วงปัญหาปากท้องเพราะเป็นรัฐบาลของประชาชน?
นายเศรษฐา? ทวีสิน? นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากกลุ่มชาวประมงจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและกลุ่มชาวประมงที่เกี่ยวข้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จะมีการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย โดยจัดตั้งศูนย์วันสต๊อปช็อป จะให้คณะทำงานลงไปดูเพิ่มเติม รวมทั้งมีแนวคิดนำระบบออนไลน์ใช้ตรวจเอกสารเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มแรงงาน ย้ำว่าเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องแก้ไขคือ ปัญหาด้านการท่องเที่ยว การพักหนี้สิน รวมถึงเรื่องประมงที่ตนเองจะเข้ามาดูแลและเชื่อว่าร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ?พร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยบูรณาการงานร่วมกับคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยและผู้ประกอบการ ยอมรับว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่จะเร่งแก้ไขในสิ่งที่ทำได้ก่อนเพื่อแบ่งเบาภาระชาวประมง ยืนยันว่ารูปแบบการทำงานเป็นรัฐบาลของประชาชน จะร่วมแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ กับพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อว่า?รัฐมนตรีทุกคน?เป็นห่วงปัญหาปากท้องของประชาชน?และมีความปรารถนาดีกับประเทศ จึงขอแค่โอกาส
นายกรัฐมนตรี? ยังกล่าวถึงการแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานต่างด้าวว่า จะต้องปรึกษาว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่และเป็นวาระที่ต้องพูดคุยกันทุกฝ่าย ส่วนเรื่องการเจรจาการทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซีย เห็นว่า เป็นประเทศอาเซียนเหมือนกัน อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทย ถ้าสามารถร่วมงานกันได้ น่าจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย พร้อมมั่นใจสามารถแก้ปัญหา
กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาของชาวประมง หลังถูกตีตกไป โดยมอบหมายร้อยเอก ธรรมนัส เป็นผู้รับผิดชอบ
เช่นเดียวกับเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง เป็นนโยบายหลักของทุกพรรค พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย แต่จะต้องระมัดระวังในการปรับขึ้น เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายกับทุกภาคส่วน แต่มีความจำเป็นเพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้น สิ่งสำคัญ เน้นเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี หากทำได้ก็จะสามารถเพิ่มค่าแรงให้แรงงานได้ แต่จะพิจารณาถึงความเหมาะสมและหารือกับพรรคร่วมกันอีกครั้งหากพร้อมก็จะทำทันที? คาดว่าน่าจะเป็นช่วงต้นปีหน้า?
นายกรัฐมนตรี ยืนยันให้ความสำคัญงานสภาโดยมีเวลาจะมาตอบกระทู้ถามเอง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาองค์ประชุมสภาไม่ครบ วานนี้ (31 ส.ค.66) ว่า ความรับผิดชอบต่อสภาเป็นเรื่องสำคัญ โดยในการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย สัปดาห์หน้าคงมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้เพราะไม่ควรเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีแสดงความพร้อมที่จะตอบกระทู้ถามของสภาหากไม่ได้ติดภารกิจสำคัญ เพราะฝ่ายบริหารต้องมีความรับผิดชอบต่อฝ่ายนิติบัญญัติ โดยยืนยันให้ความเคารพต่อรัฐสภา
นายเศรษฐา เปิดเผยถึงกรณีที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อำลาตำแหน่งและเก็บของจากทำเนียบรัฐบาลแล้วว่า ครั้งก่อนที่ได้ไปเข้าพบได้สอบถามว่าจะไปทำอะไรและได้แนะนำให้ไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ เล่าว่า ลูกสาว 2 คน ไปเที่ยวและสนุกทุกครั้ง จึงแนะนำว่าลองให้ลูกสาวพาไปเที่ยวบ้างและขอให้รักษาสุขภาพให้ดี ส่วนเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องส่วนตัว และนายทักษิณ บอกแล้วว่าพรรคการเมืองไม่เกี่ยวข้องด้วย
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
28 สิงหาคม 2566
ภาวะสังคมไทยไตรมาส 2566 การจ้างงานดีขึ้นร้อยละ 1.7 โดยเฉพาะสาขาโรงแรม ภัตราคาร ก่อสร้าง
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2566 พบว่า การจ้างงานปรับตัวดีขึ้นและการว่างงานที่ปรับตัวดี โดยสถานการณ์ด้านแรงงานปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวในสาขานอกภาคเกษตรกรรม ส่วนภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
ขณะที่ชั่วโมงการทำงาน ค่าจ้างแรงงานและอัตราการว่างงาน ยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับการจ้างงานผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 39.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.7 จากการขยายตัวของการจ้างงานสาขานอกภาคเกษตรกรรม โดยสาขาโรงแรมและภัตตาคารยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและการเข้ามาอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นเดียวกับสาขาก่อสร้างที่มีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 6.0 และสาขาการผลิต การค้าส่งและค้าปลีกและการขนส่งและเก็บสินค้า เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ร้อยละ 0.3 0.5 และ 1.1 ตามลำดับ
ขณะที่ภาคเกษตรกรรมหดตัวเล็กน้อยจากปีที่แล้ว ร้อยละ 0.2 ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาภัยแล้ง ชั่วโมงการทำงานปรับตัวดีขึ้น โดยชั่วโมงการทำงานภาพรวมและเอกชนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนสำหรับค่าจ้างแรงงาน ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมและภาคเอกชนอยู่ที่ 15,412 และ 14,032 บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ อัตราการว่างงานมีแนวโน้มดีขึ้น การว่างงาน ลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 1.06 หรือมีผู้ว่างงานจำนวน 4.3 แสนคน
นอกจากนี้ พบว่าอัตราคาดการณ์แนวโน้มดีขึ้น สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในระยะถัดไปคือ การขาดแคลนแรงงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องซึ่งหากพิจารณาตำแหน่งงานว่างและจำนวนแรงงานที่ได้บรรจุงานในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2565 ถึงเดือนมิถุนายน ปี 2566 พบว่าผู้สมัครงาน 1 คนมีตำแหน่งงานรองรับถึง 5 ตำแหน่ง การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการเกษียณอายุของแรงงานทักษะต่ำ โดยไตรมาสสองปี 2566 มีแรงงานทักษะต่ำในภาคเอกชนที่กำลังจะเกษียณอายุกว่า 1.3 ล้านคน ขณะที่แรงงานที่จะเข้ามาทดแทนมีแนวโน้มลดลง ผลกระทบต่อการจ้างงานและรายได้ของเกษตรกรจากภัยแล้งที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยปริมาณฝนสะสมในปัจจุบันมีค่าน้อยกว่าค่าปกติในทุกภูมิภาค
29 สิงหาคม 2566
การจัดงานสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย โชว์นวัตกรรมรีไซเคิล 4-6 ตุลาคมนี้
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ร่วมกับสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ภายใต้การสนับสนุนในฐานะเจ้าภาพร่วมจากหน่วยงานที่กำกับดูแลสิ่งแวดล้อม ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย หรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ขึ้น ภายใต้ธีม ”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” โดยมุ่งหวังให้มีการตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว เพื่อให้ภาครัฐได้เข้ามาดูแล ต้นทาง ผู้กำเนิดมลพิษและขยะ ปลายทาง ผู้ที่จะช่วยลด บำบัด กำจัดมลพิษและขยะ โดยนำเครื่องมือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ ที่คำนึงถึงความคุ้มค่าการลงทุนและการคืนกำไรสู่สังคม และระหว่างทาง ที่จะต้องอาศัยนโยบายของภาครัฐในการเข้ามากำกับดูแลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธีในอนาคต และสอดคล้องตามแนวทาง BCG เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตลอดจนการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมนี้ด้วย
สำหรับงานดังกล่าว คาดการณ์ว่า จะมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน มีผู้บริหารโรงงานขนาดกลาง-ใหญ่กว่า 40,000 โรงงาน เจ้าหน้าที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ นักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจมากกว่า 300 คู่ สัมมนาและเวิร์คช้อปมากกว่า 20 หัวข้อ และมีบริษัทด้านสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 100 บริษัท
ผู้ที่สนใจ EnwastExpo 2023 จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้ ณ อาคาร 6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ททท.ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค พัฒนาการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยในการเปิดโครงการเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link Thailand’s Dream Destinations เชื่อมความสุขกับปลายทางแห่งการท่องเที่ยวว่า โครงการดังกล่าวได้รับความมือจากพันธมิตรที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ในการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวพื้นที่เชื่อมโยง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางกระจายตัวของนักท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคไปยังจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่พัฒนาและยกระดับด้านการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่
โดยเสนอผ่านเรื่องราว วิถีชีวิต วัฒนธรรม เชื่อมโยงพื้นที่ในมิติต่างๆ ทั้งด้านการคมนาคม สังคม ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตและชุมชน รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งด้านการท่องเที่ยวให้กับชุมชน ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ ซึ่งจะสามารถสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนตลอดทั้งปี และก่อให้เกิดรายได้สู่เศรษฐกิจ สังคม และชุมชน ตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน ผ่านเส้นทางท่องเที่ยว 15 พื้นที่เชื่อมโยง จำนวน 30 เส้นทาง ทั้ง 5 ภูมิภาค พร้อมผลักดันสู่การเป็น 1 ในจุดหมายใหม่ที่จะสร้างคุณค่าและประสบการณ์ในการเดินทางท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นำไปสู่การยกระดับการท่องเที่ยวไทย
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค มีเส้นทางเชื่อมโยงที่น่าสนใจ อาทิ เส้นทางเชื่อมโยง จังหวัดแพร่ คู่กับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวของแฟชั่นงานผ้าหม้อห้อมซึ่งเป็นสินค้า GI ของจังหวัด เส้นทางเชื่อมโยง จังหวัดนครพนม คู่กับจังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านการเชื่อมโยงด้วยความศรัทธา ความเชื่อ ที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม โดยนักท่องเที่ยว หรือผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเส้นทางท่องเที่ยว 15 พื้นที่เชื่อมโยง จำนวน 30 เส้นทางทั้งหมดได้ที่ www.tourismthailand.org
อัตราเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง ช่วยพยุงการใช้จ่ายและลดภาระให้กับประชาชน
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเดือนกรกฎาคม 2566 ทุกอำเภอทั่วประเทศ ในประเด็นการใช้จ่ายที่เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้น โดยพบว่า การใช้จ่ายของประชาชนในช่วงที่เงินเฟ้อลดลง ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งยังคงใช้จ่ายเท่าเดิมและลดลง สะท้อนให้เห็นว่า เงินเฟ้อที่ลดลงช่วยประคับประคองให้ประชาชนยังสามารถใช้จ่ายได้ในระดับเดิมและมีบางส่วนที่ภาระค่าใช้จ่ายลดลง
ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น กระทบต่อการใช้จ่าย การออมและการลงทุน ในระดับปานกลาง – มาก โดยมีแนวทางลดผลกระทบคือ การลดการซื้อของฟุ่มเฟือย ขณะที่ ความพึงพอใจต่อนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ในด้านต่างๆ ที่ได้ดำเนินการมาตลอดครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ในระดับปานกลาง – ดีมาก โดยเฉพาะด้านคุณภาพของบุคลากร ประสิทธิภาพการทำงานและบริการต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
นายพูนพงษ์ กล่าวสรุปว่า การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่การลดลงของเงินเฟ้อมีส่วนช่วยให้ประชาชนยังคงใช้จ่ายได้ในระดับเดิมและลดลง ทั้งนี้ ยังคงมีบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งหากภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง จะสามารถช่วยบรรเทาค่าครองชีพประชาชนกลุ่มนี้ได้
30 สิงหาคม 2566
เดินหน้าพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสาร
ภายในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 1 งานจ้างสำรวจและออกแบบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อระดมความเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้เสียและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่โครงการฯ เพื่อนำความเห็นไปประกอบในการออกแบบโครงการฯให้มีความเหมาะสม
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ระยะที่ 3 เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ ทอท. เร่งผลักดันให้สำเร็จเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานดอนเมือง ให้มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดประมาณ 50 ล้านคนต่อปี ซึ่งประกอบด้วยการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่บริเวณด้านทิศใต้และดำเนินการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 เพื่อให้บริการรองรับผู้โดยสารภายในประเทศร่วมกับอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 จะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารภายในประเทศได้ประมาณ 22 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ จะดำเนินการปรับปรุงระบบการจราจร บริเวณชานชาลาผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกในการเข้า-ออกท่าอากาศยาน รวมไปถึงก่อสร้างทางเชื่อมจากทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์เข้าสู่ชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสารโดยตรง
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 มีเป้าหมายเพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารและลดความแออัดของระบบการจราจรภายในท่าอากาศยาน ซึ่งขณะนี้ ทอท. อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียดโครงการฯ โดยใช้ระยะเวลาการออกแบบ 14 เดือน และทยอยเปิดให้บริการในปี 2572
ภาคเอกชน เชื่อมั่นรัฐบาลใหม่ จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินไปข้างหน้าได้เร็ว
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความเชื่อมั่นภาคเอกชนต่อรัฐบาลชุดใหม่ว่า คิดว่าทีมเศรษฐกิจ น่าจะมีความพร้อมในการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินไปข้างหน้าได้เร็ว โดยเรื่องเร่งด่วนคือ เรื่องการท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว(ไฮซีซัน) ประเทศจำเป็นต้องพึ่งการท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน แต่เนื่องจากมีความไม่สะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทย จากปัญหาเรื่อง อีวีซ่า เที่ยวบินไม่เพียงพอ รวมถึงกระแสข่าวที่ว่า เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยแล้วจะไม่ปลอดภัย รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด แต่การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตของนายกรัฐมนตรีถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ไปรับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการในพื้นที่โดยตรง ขณะที่ภาคการส่งออกไทยช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาติดลบถึงร้อยละ 5 แต่เชื่อว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายสถานการณ์การส่งออกจะกลับมาเป็นบวกและจะทำให้การส่งออกไทยปีนี้ไม่ได้เลวร้ายเหมือนหลายประเทศที่กำลังเผชิญอยู่
นายสนั่น เห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลควรจะเร่งดำเนินการทันทีคือ การลดค่าครองชีพให้กับประชาชน กระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงมาตรการรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง ต้องเร่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี เป็นพื้นที่น่ากังวลมากที่สุด
31 สิงหาคม 2566
กรมการค้าต่างประเทศ นำคณะเยือนหลายประเทศแจงข่าวดีข้าวไทยมีเพียงพอส่งออกตลาดข้าวได้
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตลาดข้าวโลกในขณะนี้ ปัจจุบันข้าวขาวเวียดนามแพงกว่าข้าวขาวไทย โดยตอนนี้ข้าวขาวเวียดนามอยู่ที่ 635 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ข้าวขาวไทยอยู่ที่ 620 เหรียญสหรัฐต่อตันเท่านั้น ส่งผลให้โอกาสที่ข้าวไทยจะแข่งขันในตลาดโลกและเป็นที่ต้องการของหลายประเทศแน่นอน
จากตัวเลขการส่งออกข้าวไทยปี 2566 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2566 สามารถส่งออกข้าวแล้วทั้งสิ้น 4.64 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 4.09 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.45 คิดเป็นมูลค่า 2,518 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 87,411 ล้านบาท และเมื่อได้ปรึกษากับภาคเอกชนผู้ส่งออกข้าวต่างๆยืนยันว่าปี 2566 มีคำสั้่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องตลอดทั้งปี ดังนั้น เชื่อว่ายอดการส่งออกข้าวไทยในปีนี้เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านตัน โดยแม้ว่าไทยจะประสบปัญหาด้านภัยแล้งในปีนี้ แต่ในปีหน้ายังคงต้องติดตามปัญหาภัยแล้งเพราะอาจจะมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวนาปรัง
ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทยยังได้พบหารือกับผู้นำเข้าข้าวของญี่ปุ่น ซึ่งผู้นำเข้าได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยไปญี่ปุ่นอันเนื่องมาจากสถานการณ์ภัยแล้ง เอลนีโญ โดยไทยยืนยันว่า ผลผลิตข้าวไทยในปีนี้มีปริมาณเพียงพอต่อการส่งออกและพร้อมที่จะส่งมอบข้าวคุณภาพและมาตรฐานตรงตามสัญญาให้แก่ญี่ปุ่นต่อไป
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ จัดคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางเยือนตลาดคู่ค้าสำคัญ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่น และรักษาตลาดข้าวไทย คาดคู่ค้าสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวไทยด้านการตลาดต่างประเทศ ได้เร่งผลักดันการดำเนินการตามนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ซึ่งการเยือน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ถือว่าประสบผลสำเร็จเกินคาดและหลายประเทศสนใจสั่งซื้อข้าวไทย
1 กันยายน 2566
ภาคเอกชนตอบรับนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล ช่วยส่งเสริมนักท่องเทียวเข้าไทยมากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า จากมาตรการฟรีวีซ่าของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศออกมานั้น ได้ส่งสัญญาณบวกต่อภาคการท่องเที่ยวไทยโดยบริษัทนำเที่ยวในจีนที่เริ่มตื่นตัวเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี การฟรีวีซ่ายังคงไม่ได้สามารถทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหากเที่ยวบินยังถูกจำกัด ดังนั้นการเพิ่มเที่ยวบินในช่วงนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งทำอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันในช่วงไฮซีซั่น ทั้งนี้สมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย ได้เตรียมประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 กันยายน 2566 เพื่อสรุปข้อเสนอด้านการท่องเที่ยวให้ชัดเจนและนำข้อมูลนี้เข้าหารือกับผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในวันเดียวกัน เพื่อที่จะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ซึ่งคาดว่าจะประชุมประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายนนี้ (2566) ภาคเอกชนท่องเที่ยวคาดหวังว่าจะมีพิจารณามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า เพิ่มเที่ยวบินโดยเฉพาะตลาดหลักอย่างจีน ซึ่งจะช่วยทำให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยได้มากขึ้น ร้อยละ 10 ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้ 2566 ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งปีเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 ล้านคน
กรมการท่องเที่ยวเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดที่พักนักเดินทาง ครบทั้ง 77 จังหวัด
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ที่พักนักเดินทาง หรือ Home lodge เป็นสินค้าและบริการที่กรมการท่องเที่ยวพัฒนาขึ้น โดยดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 เริ่มตั้งแต่การวางแนวคิด การกำหนดหลักเกณฑ์คุณภาพ และการประเมินตามหลักเกณฑ์คุณภาพ โดยในปัจจุบันมีที่พักนักเดินทางแล้วกว่า 2,000 แห่ง มีห้องกว่า 5,000 ห้อง ครอบคลุมทั่วทั้ง 77 จังหวัด ที่มีความหลากหลายในบริบทของแต่ละพื้นที่ทุกภูมิภาค สามารถให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรรตามความต้องการ โดยหวังว่าจะสร้างเม็ดเงินและกระจายรายได้อย่างทั่วถึง ให้กับผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็กและชุมชนทั่วประเทศ และเป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถรองรับช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงนี้ได้
โดยกรมการท่องเที่ยว คาดว่าในปีถัดไปจะมีผู้ประกอบการเข้ามาร่วมเป็น Home lodge เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งกรมการท่องเที่ยวจะดำเนินการตรวจประเมินคุณภาพที่พักนักเดินทาง เพื่อยกระดับการบริการที่พักให้มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งจะสามารถเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงชุมชนที่จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชนได้อย่างทั่วถึง
สังคม
28 สิงหาคม 2566
เชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน พุทธศาสนิกชน ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานองค์กร คณะบุคคล และเอกชนที่มีความประสงค์ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินพร้อมเครื่องบริวารพระกฐิน ไปถวายยังพระอารามหลวง จำนวน 311 พระอาราม และวัดไทยในต่างประเทศ จำนวน 31 วัด เนื่องในเทศกาลกฐิน ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 27 พฤศจิกายน 2566
ล่าสุดมีพระอารามหลวงจำนวน 35 แห่ง ยังไม่มีผู้แจ้งความประสงค์ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินพร้อมเครื่องบริวารพระกฐิน อาทิ วัดกลาง จังหวัดกาฬสินธุ์ วัดแจ้ง จังหวัดนครศรีธรรมราช วัดโพธาราม จังหวัดนครสวรรค์ วัดชลธาราสิงเห จังหวัดนราธิวาส วัดคลองวาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดมงคลนิมิต จังหวัดภูเก็ต วัดบึงพระลานชัย จังหวัดร้อยเอ็ด วัดสุวรรณคีรีวิหาร จังหวัดระนอง วัดหนองโว้ง จังหวัดสุโขทัย
โดยสามารถแจ้งขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินพร้อมเครื่องบริวารพระกฐิน และสอบถามรายละเอียดผ่านเว็บไซต์กรมการศาสนา หรือโทรศัพท์ 0-2209 3521 ในวันและเวลาราชการ
ชูนวัตกรรมยาพอกเข่า บรรเทาข้อเข่าเสื่อม พัฒนาเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์สำหรับประชาชน
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคกระดูกและข้อ (ออร์โธปิดิกส์) จัดทำโครงการศึกษาวิจัยประสิทธิผลและความปลอดภัยของหัตถการพอกเข่ากลุ่มผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม หรือโรคลมจับโปงแห้งเข่า ในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ ศึกษาเชิงการทดลอง ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาโครงร่างงานวิจัยในคนแล้ว คาดว่าผลการศึกษานี้จะทำให้การพอกเข่าเป็นหัตถการที่สำคัญของการแพทย์แผนไทยที่ช่วยลดอาการปวด อาการฝืดและเพิ่มการเคลื่อนไหวข้อเข่าให้ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจและโรคกระเพาะอาหาร ช่วยลดการใช้ยาแก้ปวด ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงสำคัญของยาแก้ปวดได้
สำหรับยาพอกเข่าตำรับนี้ เป็นยาพอกเข่าสูตรร้อน เหมาะสำหรับการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรคลมจับโปงแห้งเข่า ซึ่งเป็นสูตรตำรับดั้งเดิมของอาจารย์อภิชาติ ลิมป์ติยะโยธิน อาจารย์แพทย์แผนไทยที่ได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับลูกศิษย์ตั้งแต่อดีต และมีการนำมาใช้จนถึงปัจจุบัน โดยยาพอกเข่าสูตรตำรับนี้ ทางผู้วิจัยผลิตจากโรงงานที่ผ่านมาตรฐาน GMP โดยกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นผู้ผลิตเพื่องานวิจัยครั้งนี้
ยาพอกเข่าตำรับนี้ เตรียมผลักดันให้หัตถการพอกเข่าเป็นการจัดบริการสำหรับประชาชนที่มีปัญหาปวดข้อเข่าจากภาวะข้อเข่าเสื่อม หรือโรคลมจับโปงแห้งเข่า โดยจะส่งเสริมให้หน่วยบริการทุกแห่งให้บริการด้านหัตถการพอกเข่า รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนารูปแบบยาพอกเข่าให้เป็นนวัตกรรม ที่สะดวกและง่ายต่อการนำไปใช้ได้ด้วยตนเอง เช่น แผ่นแปะ สเปรย์ เจล ลูกกลิ้ง ฯลฯ รวมทั้งนำผลการศึกษานี้เป็นข้อมูลให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ใช้พิจารณาเพิ่มเป็นชุดสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนในระบบบริการได้อย่างเท่าเทียมกันทุกคนต่อไป
สวทช. แถลงผลสำเร็จการดำเนินงาน ตลอด 1 ปี แผนปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ในฐานะเลขานุการร่วมของคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดทำแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พ.ศ 2565 - 2570 มีผลการดำเนินงานที่สำคัญในด้านต่างๆ เช่น ด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการพัฒนากำลังคน ด้านนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้ ซึ่งจากการขับเคลื่อนด้านต่างๆ ส่งผลให้ปัจจุบันมีบุคลากรเข้ารับการอบรมในโครงการและหลักสูตร AI กว่า 83,000 คน และจากการจัดอันดับดัชนีความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์ของรัฐบาล ประเทศไทยเลื่อนอันดับขึ้นจาก 59 เป็น 31 ทันทีที่มีแผนปฏิบัติการ AI ในปีที่ผ่านมา ดังนั้น ความร่วมมือ เรื่องการวิจัยพัฒนาชุดข้อมูลและนวัตกรรมเพื่อต่อยอดการใช้ประโยชน์ด้านปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ระหว่างกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และ สวทช. ในวันนี้(28 ส.ค.66) ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้นักวิจัยด้าน AI ได้เข้าถึงคลังข้อมูลทางการแพทย์และยกระดับคุณภาพด้านการแพทย์สาธารณสุขให้มีความทันสมัย รวมทั้งผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์ของเอเชีย
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ศิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว.ได้กล่าวแสดงความยินดีที่มีส่วนสำคัญในการร่วมกันผลักดันการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์เป้าหมายของแผนฯ ที่กำหนดไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาได้มีการเตรียมความพร้อมรับการเติบโตของการนำ AI มาใช้ได้เป็นอย่างดี และเห็นถึงความก้าวหน้าในการดำเนินการที่ผ่านมา และวันนี้ถือเป็นอีกหมุดหมายที่สำคัญที่จะแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงาน ที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์มการบริหารจัดการข้อมูลเปิดด้านการแพทย์ ตลอดจนส่งเสริมระบบนิเวศการวิจัยและพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ของประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
29 สิงหาคม 2566
"ซูเปอร์บลูมูน" ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปี เย็น 30 สิงหาคมถึงรุ่งเช้า 31 สิงหาคมนี้
นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 30 สิงหาคมเป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 31 สิงหาคมนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ “ซูเปอร์บลูมูน” ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปี เป็นดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือน
โดยในคืนดังกล่าวดวงจันทร์เต็มดวง จะมีขนาดปรากฎใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย หากเปรียบเทียบกับดวงจันทร์เต็มดวงในช่วงเวลาปกติ จะมีขนาดใหญ่กว่าประมาณ 7 % และความสว่างมากขึ้นประมาณ 15% เวลาที่เหมาะสมในการสังเกตุปรากฎการณ์เกี่ยวกับดวงจันทร์ในครั้งนี้ คือช่วงเวลาประมาณ 18.09 น.วันที่ 30 สิงหาคมนี้เป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 31 สิงหาคม
ขอเชิญชวนประชาชนร่วมชมปรากฎการณ์ดังกล่าว เนื่องจากเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยสามารถดูได้ด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันออก นอกจากนี้ ยังมีดาวเสาร์ปรากฎสว่างเคียงข้างดวงจันทร์อีกด้วย
สดร.ยังได้เตรียมจัดกิจกรรมสังเกตการณ์ ทั้งที่อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร เชียงใหม่ หอดูดาวภูมิภาค นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และสงขลา รวมถึงโรงเรียนในเครือข่ายกระจายโอกาสการเรียนรู้ดาราศาสตร์ทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.- 22.00 น. เข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือรับชม LIVE ปรากฏการณ์ได้ทางเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
30 สิงหาคม 2566
การแสดงโขนรามเกียรติ ตอนกุมภกรรณ 5 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2566
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สนับสนุนเปิดการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอนกุมภกรรณทดน้ำ เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2566 และวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2566 กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
สำหรับการแสดงโขนตอนกุมภกรรณทดน้ำ ยึดแนวบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 1 ตั้งแต่กุมภกรรณผู้หลงผิด หลงเชื่อคำยุยงของทศกัณฐ์ผู้เป็นพี่ให้มาขัดขวางกองทัพพระราม แท้จริงแล้วกุมภกรรณเป็นยักษ์ที่มีคุณธรรม ต่อมากุมภกรรณสำนึกได้ก่อนตายจึงสั่งสอนพิเภกให้รับราชการกับพระราม ให้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นข้อคิดแสดงให้เห็นถึงการมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ ซื่อตรง และรู้รักสามัคคี การแสดงมีความวิจิตรจากเครื่องต่างกายของนักแสดงที่เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ การบรรเลงดนตรีและขับร้องเพลงไทยและการจัดสร้างฉากที่ยิ่งใหญ่ตระการตาเช่น ฉากหนุมานแปลงกายเป็นเหยี่ยวใหญ่ ฉากหนุมานดำลงสู่ใต้น้ำ
ผู้สนใจซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา
31 สิงหาคม 2566
มหกรรม Skill Expo 2023 ผลักดันแรงงานไทยสู่ยุคดิจิทัล
ดร.จักกนิตต์ คณานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการพัฒนากำลังคนดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เปิดเผยว่า depa มุ่งผลักดันเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลผ่านมหกรรม Skill Expo 2023 ในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทักษะ เพื่อสร้างแรงงานและบุคลากรดิจิทัลให้กับประเทศ และที่สำคัญคือ การบูรณาการการทำงานกับพันธมิตรภาคเอกชน เช่น ไมโครซอฟท์ กูเกิล ฯลฯ ในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากร รวมถึงโครงการ Coding School ที่เป็นการส่งเสริมสนับสนุนและยกระดับพื้นที่การเรียนรู้ด้าน Coding เพื่อสร้างโอกาสให้กับเยาวชนในทุกระดับสามารถเข้าถึงทักษะการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เยาวชนไทยให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21
ขณะที่นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า โครงการมหกรรม Skill Expo 2023 พลิกโฉมการพัฒนาคนสู่โลกยุคใหม่ เป็นโครงการของกระทรวงแรงงานจัดขึ้นโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดขึ้นใน 9 จังหวัดทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีในอนาคต รวมทั้งเป็นการสร้างกระตุ้นให้ภาคธุรกิจ สถานประกอบการ กลุ่มแรงงานทั้งในและนอกระบบ สามารถมีพื้นที่และโอกาสในการเพิ่มขีดความสามารถในการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ตลอดจนเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แรงงานไทยและยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้า และบริการของไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานยุคดิจิทัล
กรมอนามัย เปิดคลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาวะ ส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดคลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาวะ (Lifestyle Medicine and Wellness) ณ สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง กรมอนามัย เขตบางเขน กรุงเทพฯ ว่า กรมอนามัย มีนโยบายในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพคนไทย ให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้นโยบาย 2 เร่ง 3 ยก
โดย 2 เร่ง คือ เร่งสืบสานโครงการในพระบรมวงศานุวงศ์ เร่งขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล และ 3 ยก คือ ยกระดับความรอบรู้ส่งเสริมสุขภาพทุกกลุ่มวัย ยกระดับเมืองที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ ยกระดับสู่องค์กรสมรรถนะสูง ซึ่งนอกจากจะดูแลสุขภาพประชาชนทุกกลุ่มวัยแล้ว กลุ่มคนเมืองโดยเฉพาะประชาชนในกรุงเทพฯ ที่พบปัญหาสุขภาพ ฝุ่นควัน ความเร่งรีบ กดดัน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตได้
สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง จึงจัดตั้งคลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาวะ (Lifestyle Medicine and Wellness) และพัฒนารูปแบบบริการจนเปิดให้บริการตามแนวคิดด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตได้ครบทั้ง 6 ด้าน จนกลายเป็นที่ศึกษาดูงานชั้นนำของประเทศ ที่ได้รับความสนใจจากทั้งในและนอกประเทศ เป็นแหล่งฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์วิถีชีวิต กรมอนามัย ตามเกณฑ์มาตรฐานการรับรองคุณภาพสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน โดยแพทยสภาอีกด้วย
ทั้งนี้ คลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาวะ (Lifestyle Medicine and Wellness) เป็นคลินิกเชิงรุกที่ช่วยประเมินสุขภาพของประชาชนเขตเมือง ช่วยให้ผู้รับบริการในเมืองมีตัวเลือกและปรับวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เปิดให้บริการตรวจสุขภาพและค้นหาปัจจัยเสี่ยงโรค ครอบคลุม 6 ด้านคือ โภชนาการ การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การนอนหลับ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และ การลดเลิกบุหรี่ สุรา และส่งเสริมกิจกรรมให้ผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อลดน้ำหนัก ลดการใช้ยา ป้องกันโรคก่อนป่วย เป็นคลินิกรูปแบบการบริการทางการแพทย์แนวใหม่ ที่เน้นการปรับเปลี่ยนปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมเพื่อสุขภาพดี พัฒนาความเป็นอยู่ เพื่อชีวิตทียืนยาวและมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
อย.เตือน ห้ามใช้หลอดเก็บเลือดไปบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่มสำหรับรับประทานในทุกกรณี เสี่ยงได้รับอันตรายจากสารเคมี
เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่าจากข้อมูลที่เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ว่ามีร้านค้าใกล้โรงเรียนนำหลอดเก็บเลือดมาใส่น้ำสีชมพู จำหน่ายเป็นกล่องสุ่มให้เด็กรับประทานเป็นขนมนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเตือนว่า หลอดเก็บเลือด ถูกออกแบบมาสำหรับเก็บตัวอย่างเลือดจากร่างกายมนุษย์ เพื่อวินิจฉัยทางการแพทย์ ภายในหลอดมีการเคลือบสารเคมีบางชนิด เพื่อป้องกันการแข็งตัวของเลือด ซึ่งสารเคมีนั้นอาจก่ออันตรายหากสัมผัส หรือนำเข้าสู่ร่างกาย เช่น การรับประทาน
การบริโภคอาหาร หรือเครื่องดื่มที่บรรจุในหลอดเก็บเลือด จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะอาจเกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ การนำหลอดเก็บเลือดที่เคยใช้งานจากสถานพยาบาลแล้วมาทำความสะอาดเพื่อบรรจุอาหาร หรือเครื่องดื่มจำหน่าย ยังคงมีการปนเปื้อนสารเคมีที่ใช้ในการวิเคราะห์ หรือเลือดที่ตกค้างอยู่ภายในหลอด จึงไม่สมควรนำมาใช้ซ้ำในทุกกรณี แม้จะทำความสะอาดแล้วก็ตาม แม้การนำหลอดเก็บเลือดมาเป็นภาชนะบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม อาจไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับคุณภาพมาตรฐานของภาชนะบรรจุ ทุกวันนี้คนชอบทำคอนเทนต์แปลกๆ ออกมา
อย.จึงต้องรีบแจ้งเตือนไว้ก่อน หากตรวจพบเช่นนี้อีก จะมีการเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ หากตรวจแล้วพบว่ากลายเป็นอาหารไม่ปลอดภัย ก็จะเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร ขอเตือนประชาชน อย่าซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่มที่บรรจุในภาชนะที่ไม่ได้มาตรฐาน หากพบหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย.1556 Facebook: FDAThai Line: @FDAThai หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
1 กันยายน 2566
อย. ตรวจสอบแล้วนมผงสำหรับทารกที่ USFDA แจ้งเตือนให้ผู้ผลิตเรียกคืน ไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย
เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากข่าวองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA) ได้แจ้งให้ผู้ผลิตนมผงสำหรับทารกเรียกคืน 3 ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากอาจปนเปื้อนเชื้อครอโนแบคเตอร์ ซากาซากิ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ByHeart Whole Nutrition Infant Formula, Milk Based Powder with Iron for 0-12 months ผลิตภัณฑ์ Gerber? Good Start? SootheProTM Powdered Infant Formula และ ผลิตภัณฑ์ ProSobee Simply Plant-Based Infant Formula รุ่นการผลิตที่มีการเรียกคืนตรวจสอบได้ที่คิวอาร์โค้ดนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ไม่มีการนำเข้าและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนดังกล่าว ขอให้ผู้บริโภควางใจ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมาตรการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าเพื่อจำหน่ายในประเทศอย่างเข้มงวดและตรวจสอบเฝ้าระวังความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่มีการจำหน่าย รวมทั้งติดตามรายงานสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยของอาหารในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
ผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อครอโนแบคเตอร์ ซากาซากิ ซึ่งจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน จะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ จะมีโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
หากสงสัยว่ามีการกระทำฝ่าฝืน หรือมีข้อสงสัย เรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
เชิดชู 77 เมนูอาหารถิ่นของประเทศไทย ต่อยอดยกระดับ สร้างรายได้ท้องถิ่น
นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากการจัดกิจกรรม 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) รสชาติ...ที่หายไปเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทย อาหารท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทย รวบรวมองค์ความรู้ต่อยอดสมุนไพรไทยที่เป็นมรดกภูมิปัญญาส่งเสริมความภาคภูมิใจกระตุ้นให้เกิดการยกระดับอาหารไทยพื้นถิ่น สู่อาหารจานเด็ดที่ต้องชิมผลักดันให้เป็นเมนูซอฟพาวเวอร์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้หนุนเศรษฐกิจของท้องถิ่นและประเทศนั้น
ล่าสุด พิจารณาคัดเลือกเมนูอาหารที่แต่ละจังหวัดนำเสนอมาจังหวัดละ 3 เมนูเพื่อคัดเลือกจำนวน 231 รายการ และคัดเลือกให้เป็นเมนูตัวแทนจังหวัดรวม 77 เมนู อาทิ ข้าวตอกตั้ง ของกรุงเทพมหานคร แกงมัสมั่นกล้วยไข่ จังหวัดกำแพงเพชรตำจิ๊นแห้ง จังหวัดเชียงใหม่ ปลาแดกบองสมุนไพร จังหวัดขอนแก่น หมกหม้อปลาน้ำโขง จังหวัดบึงกาฬ แกงหวาย จังหวัดสกลนคร แกงคั่วส้มหน่อธูปฤาษีกับปลาช่อนย่าง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แกงรัญจวน จังหวัดสมุทรสงคราม แกงเลียงกระแท่งหอยนางรม จังหวัดตราด น้ำชุบเมืองหลาง 9 อย่าง จังหวัดภูเก็ต รวมถึงแกงขมิ้นไตปลาโบราณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
หลังจากนี้ จะรวบรวมองค์ความรู้ที่เพื่อจัดพิมพ์ หนังสือ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น และจัดทำโล่รางวัลมอบให้แก่จังหวัดและเกียรติบัตรมอบให้แก่ผู้เสนอรายการ จากทุกจังหวัดรวมถึงจัดประชุมยกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทยระหว่างวันที่ 20- 22 กันยายนนี้ และจัดงานประกาศยกย่องสร้างการรับรู้ให้สังคมไทย ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในวันที่ 21 กันยายนนี้
วช. สนับสนุนทุนวิจัยให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ขับเคลื่อนพัฒนาและบ่มเพาะ “วิศวกรสังคม” เพิ่มศักยภาพการพัฒนาพื้นที่
พลเอก กนก ภู่ม่วง ประธานผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ลงพื้นที่ติดตามผลสำเร็จในการขับเคลื่อนโครงการวิจัย เรื่อง “การบ่มเพาะเพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย” ซึ่ง วช.ให้ทุนสนับสนุนทุนวิจัย ที่บ้านห้วยเหล็ก จังหวัดเลย พร้อมกล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. ได้สนับสนุนทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่งทั่วประเทศ ในการบ่มเพาะวิศวกรสังคมด้วยกระบวนการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อแก้โจทย์ปัญหาเชิงพื้นที่ โดยอาศัยแนวทางกระบวนการ “วิศวกรสังคม” ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาคุณลักษณะนักศึกษาให้กลายเป็น นักคิด นักสื่อสาร นักประสาน นักสร้างนวัตกรรมเพื่อชุมชน สามารถดำเนินการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ณ บ้านห้วยเหล็ก ตำบลกกดู่ อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย โดยนำหลักแนวคิดวิศวกรสังคมมาสู่การสร้างโจทย์และการปฏิบัติงานร่วมกับท้องถิ่นได้อย่างมีส่วนร่วมสร้างความเข้มแข็งการพัฒนาเชิงพื้นที่โดยใช้นวัตกรรมมาช่วยสร้างความเข้มแข็งในทุกมิติ
ผศ.ดร.ยิ่งศักดิ์ คชโคตร หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า คณะนักวิจัย มรภ.เลย ดำเนินการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย” แก้โจทย์ปัญหาเชิงพื้นที่ โดยอาศัยแนวทางกระบวนการวิศวกรสังคม เพื่อสร้างคุณลักษณะสำคัญ 4 ประการได้แก่ การคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการทำงานร่วมกับคนอื่นและการสื่อสาร อันเป็นทักษะจำเป็นเพื่อศตวรรษที่ 21 เพื่อใช้เป็นแบบอย่างในการสร้างบัณฑิตของ มรภ.เลย ที่มีคุณลักษณะสำคัญ 4 ด้านคือ มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม มีงานทำ มีอาชีพ และเป็นพลเมืองที่ดี ตามพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้ ตัวแทนนักศึกษาวิศวกรสังคม ได้นำเสนอการดำเนินงานผลการการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม โครงการที่ได้ดำเนินการในพื้นที่ อาทิ การร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิตข้าวหลามบ้านห้วยเหล็กให้เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนไปสู่ข้าวหลามพันล้าน โดยการเพิ่มไส้ข้าวหลามให้มีความหลากหลาย สู่การคิดค้นการทำสูตรข้าวหลามไส้สังขยาและการคิดค้นทำสูตรข้าวหลามไส้ฝอยทอง และการพัฒนาวิธีการเก็บรักษาข้าวหลามยืดอายุให้สามารถเก็บรักษาข้าวหลามให้ได้นานยิ่งขึ้น
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว