สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (26-30 มิถุนายน 2566)

สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (26-30 มิถุนายน 2566)
การเมือง/มั่นคง
26 มิถุนายน 2566
วันโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร สภาฯต้องประสานงานกับพรรคการเมืองเพื่อกำหนดวันที่ชัดเจน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2566 ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ และคาดว่าจะเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 4 กรกฎาคมว่า ขณะนี้ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่ทั้งนี้วันโหวตเลือกประธานสภาฯ จะยึดวันที่ 4 กรกฎาคมหรือไม่นั้นต้องให้ทางสภาฯประสานงานกับพรรคการเมืองว่าสามารถเดินทางมาร่วมโหวตได้หรือไม่อีกครั้ง และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วทางสภาจะแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทราบ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งกลับมายังคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องของทางสภา ครม.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาด้วยหรือไม่ก็ได้
ส่วนกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรจะถูกเสนอชื่อจากพรรคเสียงข้างน้อยได้หรือไม่นั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคว่าจะเสนอมาอย่างไร
ประธานวุฒิสภา มอบหมายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนมีพิธีเปิดประชุมรัฐสภาวันที่ 3 กรกฎาคมนี้
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงพิธีเปิดการประชุมรัฐสภาในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินมายังอาคารรัฐสภา โดยใช้บริเวณชั้น 11 ทำพิธีเปิดประชุมในเวลา 17.00 น. ซึ่งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน สมาชิกวุฒิสภา 250 คน รวมทั้งหมด 750 คน นอกจากนี้ จะมีคณะทูตานุทูตอีกกว่า 200 คน ซึ่งได้ไปดูพื้นที่มาแล้วเป็นห้องโถงใหญ่ แต่ยอมรับว่า สถานที่อาจคับแคบจึงเป็นห่วง โดยเฉพาะการขึ้นลงลิฟท์ที่มีจำนวนน้อย จึงมอบหมายให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปดูแลเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่น เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และในวันที่ 4 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. จะประชุมเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน โดยจะเป็นการเลือกแบบลับสามารถทำได้ 2 รูปแบบคือ กดปุ่มเลือกหรือลงคะแนนด้วยบัตร คาดว่าจะทราบผลในช่วงเย็น ส่วนจะมีการเลื่อนการเลือกประธานสภาฯ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละพรรคการเมือง แต่จนถึงวันนี้(26 มิ.ย.)ก็ยังคงยืนยันว่าเป็นวันที่ 4 กรกฎาคมนี้
หลังจากที่มีการโหวตประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็จะมีขั้นตอนเสนอรายชื่อประธานสภาฯ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ พร้อมกันนี้ ไม่ขอให้ความเห็นคุณสมบัติประธานสภาฯ เพราะการเลือกแต่ละครั้ง มีเหตุผลต่างกัน แต่หลักที่เคยเป็นมาคือพรรคการเมืองเสียงข้างมาก เสนอชื่อผู้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ในบางครั้งไม่เป็นเช่นนั้น ต้องมีเหตุผลและอธิบายได้ ขึ้นอยู่กับพรรคที่จะพูดคุยกันและเสนอรายชื่อมา
ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) นายพรเพชร ยอมรับว่าจะไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะตนเองไม่ทราบความคิดของสมาชิกวุฒิสภาแต่ละคน แต่เชื่อมั่นสมาชิกวุฒิสภาแต่ละคนมีเหตุผลและมีวุฒิภาวะ สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภา อยู่บนหลักของกฎหมาย เข้าข่ายคุณสมบัติรัฐธรรมนูญ ต้องเลือกคนดีคนเก่ง ซึ่งการเป็นคนดีและเก่งต้องมีความสามารถนำพาประเทศชาติ ให้มีความมั่นคงตามระบอบประชาธิปไตยและการแสดงจุดยืนของว่าที่นายกรัฐมนตรีที่มีจุดมุ่งหมายทำเพื่อประชาชน เป็นสิ่งที่สมาชิกวุฒิสภานำไปวิเคราะห์ ย้ำว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมกดดันให้ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่ได้เสียงข้างมาก แต่ต้องอยู่ในขอบเขต ส่วนตัวเชื่อว่าวันโหวตนายกรัฐมนตรี จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากไม่มีการอภิปรายนอกกรอบ
27 มิถุนายน 2566
รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธไม่ทราบกระแสข่าวพลเอก ประวิตร จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการประชุมพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นการเตรียมความพร้อมทำความเข้าใจและแจ้งกำหนดการต่างๆ เกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า และมีการหารือเรื่องการโหวตเลือกประธานสภาผูัแทนราษฎร ซึ่งพรรคคงมีมติในทิศทางเดียวกัน แต่คงยังไม่ได้ข้อสรุปภายในวันนี้ เพราะการเมืองยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา สำหรับการเสนอชื่อประธานสภาฯทางกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิมยังไม่ได้พูดคุยกันว่าจะเสนอชื่อใครหรือไม่ เพราะการเสนอชื่อประธานสภาครั้งที่แล้ว เป็นการเสนอชื่อแข่งกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนกระแสข่าวที่พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อาจได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากพรรคก้าวไกลไปต่อไม่ได้ โดยมีการดีลลับกับพรรคเพื่อไทย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังเป็นแค่กระแสข่าว
เดินทางไปประเทศอังกฤษ ด้วยเรื่องสุขภาพ ปฏิเสธดีลลับจัดตั้งรัฐบาล
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงถึงกรณีเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ไปดูแลร่างกายตนเอง พร้อมปฏิเสธไม่มีดีลลับจัดตั้งรัฐบาลกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่ได้ไปพบกับใคร โดยเฉพาะนายทักษิณ รวมถึงยืนยันว่าไม่เคยโทรศัพท์พูดคุยกับนายทักษิณ
ส่วนกรณีหากมีการเสนอชื่อ พลเอก ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีความพร้อมหรือไม่ พลเอก ประวิตร กล่าวว่า ขอยังไม่พูดถึงตอนนั้น ควรรอไปก่อน ขณะที่การประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐวันนี้ ก็เป็นการประชุมเรื่องทั่วไป ของ ส.ส.ใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ โดยยึดหลักให้ปฏิบัติตามข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร และจะมีการหารือเรื่องการโหวตตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยเพราะต้องเป็นมติพรรค
พร้อมกันนี้ปฏิเสธว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีการเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และขอไม่ตอบคำถามที่ระบุว่า ชื่อของพลเอก ประวิตร จะสามารถปลดเงื่อนไขทั้งการเกิดรัฐประหาร การได้เสียงของ ส.ว. และการรับประกันในการกลับมาของนายทักษิณ ชินวัตร
คำร้องกรณีหัวหน้าพรรคก้าวไกลและพรรคก้าวไกล เสนอยกเลิกมาตรา 112 หากศาลรับคำร้อง ไม่ส่งผลโหวตนายกรัฐมนตรี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารสอบถามอัยการสูงสุดว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องภายใน 15 วัน ภายหลังนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องสอบถาม เพราะมีคนไปร้องมานานแล้ว แต่ยังไม่ทำความเห็นส่งมา เพราะถ้าไม่ส่งเอกชนจะฟ้องร้องเอง
พร้อมเห็นว่า หากศาลรับคำร้อง ไม่น่าส่งผลต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ตัวบุคคลและไม่มีเรื่องของการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนโทษจะร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับมาตรา 112 ขออย่าถามล่วงหน้าและไม่ขอตอบว่าคดีดังกล่าวเมื่อเทียบกับคดีหุ้นไอทีวี มีความรุนแรงกว่าหรือไม่ เพราะตนเองไม่รู้
หัวหน้าพรรคก้าวไกล มั่นใจได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภาในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล ทั้ง 151 คน เข้ารายการตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (27 มิ.ย.66)
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวว่า ครั้งนี้มี ส.ส.151 คน ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งมากกว่าในปี 2562 ประมาน 2 เท่า แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญคือ การที่ ส.ส.ทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อให้สิ่งที่ได้ตั้งนโยบายไว้สำเร็จและผลักดันหลายเรื่องจากปีที่แล้วถูกล้มเลิกไป ส่วนเรื่องการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยืนยันไม่มีความกังวลใจใดๆ หากเป็นไปตามกรอบคะแนนเสียงข้างมาก 251 เสียง และมั่นใจว่า คะแนนเสียงจะเพียงพอต่อการลงมติเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อจำนวนคะแนนเสียง ส.ว.นั้น มองว่า สิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อเป็นทางออกของสังคมไทยจากการรังแกผู้ที่เห็นต่าง ทั้งต่อประชาชนและเยาวชน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นเหตุให้การลงมติเลือกตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีสะดุดลง ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนำประเด็นนี้มาพิจารณา มองว่า เป็นการนำเอาเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาเป็นข้ออ้างทางการเมืองเป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริง โดยยืนยัน พรรคยังคงยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ต้องรอการหารือกับพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย.66) ก่อนแถลงต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
28 มิถุนายน 2566
นายก?รัฐมนตรี? ไม่มีคำตอบเรื่องการเมือง ขอทำหน้าที่รักษาการให้ดีที่สุด?
พลเอก ประยุทธ์? จันทร์โอชา? นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม? กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี?ครบรอบ 91 ปี ว่า ไม่มีคำตอบเรื่องการเมือง ทำหน้าที่รักษาการให้ดีที่สุด พร้อมปฏิเสธตอบคำถามกรณีต้องรักษาการนายกรัฐมนตรียาว ก่อนเดินเข้าไปยังตึกไทยคู่ฟ้า
“เสรี”ระบุ ไม่มีใครจ่ายเงินซื้อ ส.ว.แลกโหวตนายกรัฐมนตรี พร้อมมองว่า “สุชาติ” เหมาะนั่งประธานสภา เพราะมีประสบการณ์
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เจรจาต่อรองเรื่องเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นชนวนรอยร้าวของทั้งสองพรรคหรือไม่ ว่า เป็นเรื่องการตกลงของแต่ละพรรค ว่าจะให้ตำแหน่งอะไร ความแตกแยกคงไม่ถึงกับรุนแรง เพราะทางการเมืองการมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน โดยหลักแล้ว ถ้าไม่ได้อยู่พรรคเดียวกัน ก็จะต้องใช้เสียงในสภาเพื่อตัดสินปัญหา ส่วนประธานสภาฯควรจะมีคุณสมบัติอย่างไรนั้น เห็นว่า ประธานสภาฯ ควรมีคุณสมบัติเหมือนกับประธานคนก่อนๆ ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เป็นที่เคารพเชื่อถือหรือไม่ ของบรรดาสมาชิกทุกพรรคการเมืองหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือ การวางตัวที่เหมาะสม เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทุกพรรค ของคนทั้งสภา แต่หากมีการแสดงในทางก้าวร้าว ทำเพื่อประโยชน์ของพรรคตัวเอง หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ก็จะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม ทุกคนที่เป็นสมาชิกสภาก็นำข้อมูลนี้มาพิจารณาได้ เพราะจะกระทบต่อการทำงาน
นายเสรี ยังคาดการณ์ว่า นายสุชาติ ตันเจริญ น่าจะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของนายสุชาติ ถือว่ามีความสามารถ มีประสบการณ์ ทำมาหลายสมัย ไม่น่าจะติดขัดอะไร ส่วนรายชื่อของพรรคก้าวไกล มีความชัดเจนว่าจะเสนอชื่อ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นประธานสภานั้น ก็เสนอได้ เพราะมาจากแต่ละพรรคการเมืองที่เลือกตัวแทนขึ้นมา แต่การจะเป็นได้ดีหรือไม่ต้องดูที่ความรู้ ความสามารถและการวางตัว การแสดงออก
ส่วนกระแสว่ามีพรรคการเมืองซื้อตัว ส.ว.เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายเสรี กล่าวว่า เป็นเพียงข่าว แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครมาลงทุนกับ ส.ว.ได้ เพราะต้องเข้าใจว่าไม่สามารถจะปิดบังอะไรได้ สมัยนี้มีทั้งการอัดเสียง อัดคลิป ใครก็ตามถ้าหากคิดจะทำ ถือว่าคิดผิด ไม่น่าจะทำเรื่องเหล่านี้ และ ส.ว.ทุกคนไม่น่าจะซื้อได้
รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเทศไทยไม่เข้าหลักเกณฑ์เปลี่ยนวันชาติ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีคนเสนอเปลี่ยนแปลงวันชาติ เป็นวันที่ 24 มิ.ย. ว่า การเปลี่ยนวันชาติ ต้องเป็นพื้นฐานมาจากประชาชน นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วย เราเคยใช้ 24 มิ.ย.เป็นวันชาติมาก่อน จนมาถึงยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาเปลี่ยนเป็นวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งขณะนั้นได้มีการรับฟังความคิดเห็นหลายฝ่าย และเปลี่ยนโดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้นหากนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล คิดจะเปลี่ยนวันชาติ อาจจะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนก่อน ได้ความเห็นอย่างไรก็ใช้อำนาจ ครม.ในการเปลี่ยน ซึ่งในตอนนั้นใช้ธรรมเนียมในการเปลี่ยนของต่างประเทศ ประกอบไปด้วย ใช้วันชาติในวันที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มระบบเดิมไปสู่ระบบใหม่ ซึ่งของเราไม่เข้าตรงนี้ เป็นประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมและได้เอกราช ก็ใช้วันที่ประกาศเอกราช ใช้วันเกิดของประมุข เราก็กลับมาใช้อันนั้น เพราะวันที่ 24 มิ.ย.ไม่เข้าเกณฑ์ในข้อ 1 และ 2 ที่นานาประเทศใช้กัน
อย่างไรก็ตาม หากพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า จะกลับมาใช้วันที่ 24 มิ.ย. เป็นวันชาติ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ช่างเขา ถ้าเขาเสนอ และรัฐบาลเขาเห็นด้วย ก็ทำไป และถ้าประชาชน คัดค้านเดี๋ยวก็เปลี่ยนกลับมาอีก เพราะต้องรับฟังความเห็นจากประชาชน
พรรคก้าวไกล ประกาศเลื่อนประชุมวาระตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างไม่มีกำหนด
พรรคก้าวไกล ประกาศขอเลื่อนการประชุม ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ในวันนี้ (28 มิ.ย. 66) ซึ่งเป็นวาระหารือเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรออกไปก่อน และหากมีกำหนดการใหม่จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ คาดว่าการขอเลื่อนการประชุมระหว่าง 2 พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นผลจากการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย วานนี้ (27 มิ.ย.66) ที่มีมติขอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่แกนนำพรรคก้าวไกล ยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือแสดงความเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใด โดยมีเพียงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ยังไม่ขอให้ความเห็นเพราะต้องดูรายละเอียดก่อน
พรรคเพื่อไทย’ ยึดหลักการจับมือก้าวไกล เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามฉันทามติพี่น้องประชาชน
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ถึงการเจรจากับพรรคก้าวไกล กรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าท่าทีของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับเรื่องประธานสภาไม่ได้เปลี่ยนแปลง การเจรจาพูดคุยกันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น และเป็นเพียงการรับข้อเสนอของแต่ละพรรคไปพิจารณา เพราะเป็นกระบวนการพูดกันภายในของแต่ละพรรค ส่วนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและการประชุม ส.ส.ของพรรคเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา มีข้อสรุปออกมาว่า พรรคยืนยันหลักการในสิ่งที่เราได้เสนอไป ซึ่งได้มีการพิจารณาการทำงานและเฉลี่ยออกมาตามสัดส่วน ว่าแต่ละพรรคจะต้องทำอะไร ออกมาเป็น 14+1 คือ พรรคก้าวไกลเป็นรัฐมนตรี 14 ตำแหน่งกับนายกรัฐมนตรีดูแลฝ่ายบริหาร และพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรี 14 และจะรับหน้าที่ในการเป็นประธานสภาในการเจรจาครั้งแรก
นายแพทย์ชลน่าน ยืนยันว่า ประเด็นตำแหน่งประธานสภาฯ จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค อีกทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลนั้นได้รับฉันทามติมาจากพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งว่าต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย หากเพียงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาทำให้แตกแยกพี่น้องประชาชนจะรับไม่ได้ และย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ระมัดระวังไม่ให้เกิดการฟรีโหวต เพราะไม่ได้เป็นประโยชน์กับทั้งสองพรรค แล้วยังจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มที่สามที่รอโอกาสอยู่ สำหรับการเจราจาเรื่องประธานสภานั้นหากยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ละพรรคก็จะต้องนำข้อหารือไปพูดคุยภายในพรรคตัวเอง เพื่อหาแนวทางไปหารือเพื่อให้ได้สรุปร่วมกันให้ได้อย่างไร สิ่งที่พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นและประกาศตลอดเวลเมื่อจับมือกับพรรคก้าวไกลคือ เราจะทำอย่างไรให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เรามัดกันแน่นมาตลอดและต้องทำงานให้ได้
29 มิถุนายน 2566
ส.ส.รายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว 498 คน จากทั้งหมด 499 คน
การเปิดให้ ส.ส.มารายงานตัว เป็นวันที่ 10 ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยวันนี้ (29 มิ.ย.66) มี ส.ส.เข้ารายงานตัวเพิ่มเติมอีก 2 คนคือ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ และหม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยขณะนี้มี ส.ส.เข้ารายงานตัวแล้วทั้งสิ้น 498 คน จากทั้งหมด 499 คน เหลือเพียงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังไม่เข้ารายงานตัว
ยังไม่เห็นวาระนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด หากจะเปลี่ยนต้องเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ส ให้ความเห็นชอบ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้ (29 มิ.ย.66) ว่ายังไม่เห็นวาระเรื่องการนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด แต่ตามหลักการ หากจะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดต้องมีที่มาที่ไป เพราะคราวที่แล้วคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้ให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ย้ำว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจเปลี่ยน ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ป.ป.ส. ต้องเสนอเรื่องขึ้นมาพิจารณาก่อน
แกนนำพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าพรรคต่อเนื่อง คาดว่าจะร่วมหาข้อสรุปตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
ที่ทำการพรรคก้าวไกล แกนนำพรรคเดินทางเข้ามาที่ทำการพรรคก้าวไกลต่อเนื่อง เช่น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ที่เดินทางมาถึงปฏิเสธตอบคำถามหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ ตอบเพียงว่ามาทำงานเท่านั้น นอกจากนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้าได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปสำหรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ได้ข้อยุติระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากการหารือของ 2 พรรค ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งการประชุมของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่ถูกเลื่อนออกไป เป็นวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ ก่อนที่จะมีพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 และคาดว่าในวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นลำดับต่อไป
นายกรัฐมนตรี ขอให้ได้รัฐบาลใหม่โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อประเทศ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังจะได้รัฐบาลใหม่เร็วหรือช้า เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการทางการเมือง ตนเองก็ทำหน้าที่จนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม ที่จะมีพิธีเปิดประชุมรัฐสภา หลังจากนั้นก็เป็นการคัดเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนตัวก็ยินดีกับทุกคน ทุกพรรค และขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ เรียบร้อย ปลอดภัย ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักการของประเทศ เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาและเกิดความล่าช้า เพราะจะเกิดผลเสีย ขอให้ปรึกษาหารือกันให้ดีและได้รัฐบาลที่ดีเข้ามา
พร้อมย้ำว่า จะรักษาการจนกว่าคณะรัฐมนตรีใหม่ เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณประมาณเดือนหน้า หากเลื่อนระยะเวลาออกอีก ก็ยังคงรักษาการอยู่ แต่ระหว่างนี้หากสถานการณ์เรียบร้อยก็ต้องไปตามกรอบเวลาที่กำหนด
นายกรัฐมนตรี ไม่ขอมองกรณีพรรครัฐบาลเดิมหรือพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเสนอชื่อประธานสภาหรือไม่ เพราะแล้วแต่ทางพรรค และยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงทิศทางการโหวตประธานรัฐสภา ขอให้เป็นเรื่องการเมืองว่ากันไป พร้อมกล่าวว่า ไม่มีการเสนอชื่อตนเองในการโหวตนายกรัฐมนตรี
30 มิถุนายน 2566
ไทยและเยอรมนี พร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือที่มีศักยภาพร่วมกัน โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน การพัฒนาที่ยั่งยืน
นายเก-ออร์ค ชมิท เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน พร้อมเห็นควรเร่งจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจ ช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พลังงาน วิชาการและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด พร้อมขอให้เอกอัครราชทูตเยอรมนีฯ สนับสนุนการลงทุนของเยอรมนีในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ BCG ไทยยืนยันความพร้อมรองรับการลงทุนในทุกด้าน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้เยอรมนีช่วยผลักดันการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์และปัจจัยดึงดูดให้กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
ทั้งสองฝ่าย ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นความท้าทายต่างๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่ารัฐบาลได้วางรากฐานด้านการพัฒนาประเทศในระยะยาวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศในการรับมือกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ด้านการเมือง เอกอัครราชทูตเยอรมนีฯ หวังว่าการเมืองไทยภายหลังเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้มั่นใจว่า การเมืองไทยจะดำเนินการไปตามกระบวนการประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชน
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
26 มิถุนายน 2566
เชื่อมั่นปี 2566 นักท่องเที่ยวเป็นไปตามคาดการณ์ 25 ล้านคน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยภายในปี 2566 จนถึงกลางเดือนมิถุนายนนี้ มีจำนวนมากที่สุดในรอบเวลา 3 ปี เชื่อมั่นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเป็นไปตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดการณ์คือ ภายในเดือนมิถุนายน 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 12 ล้านคน และยอดนักท่องเที่ยวของทั้งปีจะสูงถึง 25 ล้านคน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมดำเนินแผนการส่งเสริมตลาด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายรายได้การท่องเที่ยวปีนี้รวม 2 ล้าน 3 แสน 8 หมื่นล้านบาท ด้วย 5 กิจกรรมส่งเสริมหลัก อาทิ เจาะกลุ่มตลาดใหม่ในจีน พิจารณาเพิ่มเที่ยวบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน ควบคู่กับการส่งเสริมการเดินทางทางบก เน้นกลุ่มตลาดศักยภาพในประเทศที่นักท่องเที่ยวเกิน 1 ล้านคน ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ สนับสนุนการท่องเที่ยวกลุ่มเมืองรอง
ดำเนินคดีเครื่องชั่งที่ไม่ได้มาตรฐาน เพิ่มความถี่ตรวจสอบ รักษาความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานชั่งตวงวัดทั่วประเทศ เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบเครื่องชั่งที่ใช้ซื้อขายผลไม้ ตามจุดรับซื้อ ตลาดขายส่ง แผงรับซื้อริมทาง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่ผลผลิตทุเรียนกำลังออกมากขณะนี้ รวมทั้งตรวจสอบเครื่องคัดขนาดลำไย ณ สถานที่รับซื้อลำไยและโรงอบลำไยในเขตภาคเหนือ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ พร้อมสั่งการให้ตรวจเครื่องชั่งร้านค้าและรถเร่ขายผลไม้ทั่วประเทศ เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรในการขายผลไม้และคุ้มครองผู้บริโภคที่ซื้อผลไม้ไปบริโภค ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ระหว่างวันที่ 1 – 24 มิถุนายน 2566 พบเครื่องชั่งที่ไม่ได้มาตรฐาน 90 เครื่อง ซึ่งได้มีการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า ยังได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อและราคาจำหน่ายปลีกผลไม้ให้ชัดเจนด้วย หากเกษตรกรหรือประชาชนผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบเกี่ยวกับการใช้เครื่องชั่งที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคา สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
27 มิถุนายน 2566
กรมการค้าภายใน บุกยึดเครื่องชั่งเถื่อนจำหน่ายผ่านออนไลน์กว่า 1,000 เครื่อง
ร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กองชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน ตรวจพบร้านค้าออนไลน์ต้องสงสัยขายเครื่องชั่งที่ไม่มีการให้คำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ. มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 จึงได้ทำการล่อซื้อเครื่องชั่งจากร้านค้าดังกล่าวและนัดรับสินค้าที่โกดังย่านบางขุนเทียน โดยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย
จากตรวจสอบภายในโกดังเก็บสินค้า พบเครื่องชั่งที่ไม่มีการให้คำรับรอง จำนวน 1,685 เครื่อง จึงได้ยึดไว้ทั้งหมดและส่งดำเนินคดีตากฎหมาย ข้อหาขายเครื่องชั่งที่ไม่มีการให้คำรับรอง พร้อมประสานกรมศุลกากรตรวจสอบเครื่องชั่งของกลาง ว่าได้นำเข้ามาโดยผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้จับกุมและยึดเครื่องชั่งที่ไม่มีการให้คำรับรอง ซึ่งขายผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว 4 คดี เครื่องชั่งของกลางทั้งหมด 7,732 เครื่อง
สำหรับกรณีผู้ขายเครื่องชั่งตวงวัด จำหน่ายเครื่องชั่งตวงวัดที่ไม่มีการให้คำรับรอง ต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ทบทวนมาตรฐานถังบรรจุก๊าซทุกชนิดใหม่หลังเกิดเหตุถังดับเพลิงระเบิด
นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า จากอุบัติเหตุถังดับเพลิงระเบิดขณะซ้อมดับเพลิงในโรงเรียนราชวินิตมัธยม ส่งผลให้ สมอ. ดำเนินการทบทวนมาตรฐานถังบรรจุก๊าซทุกชนิดใหม่เพื่อความปลอดภัยในการเลือกซื้อถังดับเพลิงของประชาชน โดยมีคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมซึ่งมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิ และส่วนราชการจาก 26 แห่งร่วมพิจารณา
ปัจจุบันมีการกำหนดมาตรฐาน 3 ประเภท ประกอบด้วย ถังเคมีแห้งชนิดหูหิ้วที่ได้ออกใบอนุญาตไปจำนวน 36 ราย ถังโฟมจำนวน 6 ราย ส่วนถังเคมีชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ เช่นเดียวกับที่เกิดเหตุโรงเรียนราชวินิตยังไม่มีผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาต และจะมีใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับการกำหนดมาตรฐานถังดับเพลิงประเภทเคมีแห้ง และโฟมกำหนดให้ผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน พร้อมย้ำ ไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกเนื่องจากปัจจุบันการจำหน่ายถังดับเพลิงจะใช้กันเพียง 2 ประเภทคือ ชนิดถังเคมีแห้งและโฟม ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจะมีมาตรฐานการนำเข้า การผลิต การจำหน่าย และมีการกำหนดโทษที่หนักหากไม่ปฏิบัติตามคือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ยังมีหน่วยออกตรวจทั้งการจำหน่ายยังร้านค้าและตลาดออนไลน์ พร้อมแนะนำให้ประชาชนที่ซื้อถังดับเพลิงให้สังเกตตราสัญลักษณ์ มอก.มีวงกลมล้อมรอบ พร้อมเลขที่ และคิวอาร์โคดกำกับด้านข้าง ที่สามารถสแกนดูบริษัทที่ผลิตและจำหน่าย
28 มิถุนายน 2566
มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ท่องเที่ยวเมืองศิลปะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 3 หมื่นล้านบาท
นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า ลงพื้นที่ร่วมประชุมคณะกรรมการดําเนินงานโครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ร่วมกับจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำภัณฑารักษ์และเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการด้านต่างๆ
เบื้องต้นได้รับการจัดสรรแล้วกว่า 100 ล้านบาท สำหรับให้ศิลปินจำนวน 60 รายจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์ผลงาน เบื้องต้น 20 ศิลปินจากนานาประเทศได้เตรียมพร้อมสร้างสรรค์งานในประเทศไทยแล้ว อีกทั้งยังมีการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ จัดทำศูนย์ข้อมูลกลางของจังหวัดเผยแพร่ข่าวสารตลอด 5 เดือนของการจัดงาน รวมถึงการจัดทำแนวทางการสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ และร่วมมือของหน่วยงาน องค์กร ศิลปิน ผู้ประกอบการสนับสนุนการจัดกิจกรรมซึ่งคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินให้กับจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงทั้ง 5 จังหวัดกว่า 3 หมื่นล้านบาท เกิดการจ้างงานในพื้นที่กว่า 8 พันอัตรา ทั้งการจ้างศิลปินและแรงงานในพื้นที่ การจัดจ้างผู้ประสานงานและระบบขนส่งต่างๆ
ด้านนายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะเชียงราย กล่าวว่า การจัดสร้างหอศิลป์เมืองเชียงรายแห่งใหม่จะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ศิลปินในพื้นที่กว่า 300 คนที่อยู่ใน 18 อำเภอได้เตรียมความพร้อมจัดเตรียมสถานที่โดยมีนายเฉลิมชัย โฆษิตพิพิฒน์ ศิลปินแห่งชาติเป็นที่ปรึกษาการจัดงาน โดยเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ โดยเฉพาะการจัดขบวนพาเหรดเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นการเปิดตัวศิลปินจากทั่วโลกที่มาร่วมกิจกรรม ในขบวนจะมีงานศิลปะขนาดใหญ่จัดแสดงก่อนที่จะไปติดตั้งยังสถานที่แลนด์มาร์กของแต่ละอำเภอ สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวที่จะมาเข้าร่วมงานตลอด 5 เดือน
“นักท่องเที่ยวที่ดี Consumer Fair ครั้งที่ 2” กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว กระจายรายได้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานออกบูธโปรโมตกิจกรรมในโครงการ “นักท่องเที่ยวที่ดี New Chapters” ในรูปแบบ Consumer Fair ที่งานไทยเที่ยวไทย วันที่ 29 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2566 ที่ไบเทคบางนา
สำหรับภายในงานจะพบกับกิจกรรม ของผู้ประกอบการ โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สปา บริการด้านความงาม รวบรวมจากผู้ประกอบการที่ผ่านการอบรมโครงการเจ้าบ้านที่ดี ให้กับนักท่องเที่ยวตลอดทั้ง 4 วัน พร้อมทั้งกิจกรรมแจกรางวัลในงาน รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท
ททท. หวังกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วง Green Season เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้เกิดท่องเที่ยวทั้งปีและเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้สามารถส่งมอบประสบการณ์และการบริการที่ดีที่ควรค่าแก่การบอกต่อ
อย่างไรก็ตาม ททท. ยังจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ภายใต้แนวคิด Happy Model ที่มุ่งเน้นการเดินทางเพื่อสร้างความยั่งยืนเท่าเทียม สร้างโอกาสและเพิ่มการเข้าถึงการท่องเที่ยว ที่สนับสนุนแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับสากล (SDG Goals)
29 มิถุนายน 2566
ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลืองได้ 3 ช่องทาง ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 3 กรกฎาคมนี้
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง พร้อมเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ ทั้ง 23 สถานี จากสถานีลาดพร้าวถึงสถานีสำโรง ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-24.00 น. โดยมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท
ผู้โดยสารสามารถชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง ได้ 3 วิธี ได้แก่ การชำระผ่านบัตรโดยสารประเภทเที่ยวเดียว (Single Journey Card) โดยออกบัตรได้ที่เครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ภายในสถานี ทั้งนี้ กรณีผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถนำบัตรประชาชนติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อออกบัตรโดยสารประเภทเที่ยวเดียว ได้ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ชำระผ่านบัตรโดยสารประเภทเติมเงิน (บัตรแรบบิท) และชำระผ่าน บัตร EMV Contactless โดยใช้บัตรเครดิตวีซ่า (VISA) หรือมาสเตอร์การ์ด(Mastercard) ของธนาคารใดก็ได้ รวมถึงบัตรเดบิตของธนาคารกรุงไทย บัตรเดบิตของธนาคารยูโอบี และบัตรเดบิต Play Card (สมัครผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังค์) ที่มีสัญลักษณ์ Contactless Payment บนหน้าบัตรหรือหลังบัตร แตะเข้าและแตะออกระบบรถไฟฟ้าที่จุดให้บริการเครื่อง EDC บริเวณประตูพิเศษ (Swing Gate) ได้
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายจุดให้บริการเพิ่มเติม ให้ครบทุกประตูจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC Gate) ในลำดับถัดไป ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางเชื่อมต่อระหว่างระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง – MRT สายสีน้ำเงิน (สายเฉลิมรัชมงคล) ที่สถานีลาดพร้าว และชำระค่าโดยสารด้วยบัตร EMV Contactless ใบเดียวกัน จะได้รับส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบ หากเดินทางเชื่อมต่อภายในระยะเวลา 30 นาที พร้อมกันนี้ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ได้เตรียมออกบูธบริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับบัตร EMV Contactless และรับสมัครบัตรเดบิต Krungthai TranXit Debit Card และบัตรเดบิต UOB TMRW ที่สถานีลาดพร้าว (YL01) ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 นี้ ผู้โดยสารยังสามารถนำรถยนต์มาจอดและเดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ได้ที่อาคารจอดรถสถานีลาดพร้าว และอาคารจอดรถสถานีศรีเอี่ยม โดยคิดอัตราค่าจอดรถสำหรับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า อัตราค่าจอดรถยนต์ 2 ชั่วโมง 15 บาท (กรณีไม่ใช้บริการรถไฟฟ้า ชั่วโมงละ 50 บาท) และอาคารจอดรถสถานีศรีเอี่ยม คิดอัตราค่าจอดรถยนต์ ชั่วโมงละ 5 บาท (กรณีไม่ใช้บริการรถไฟฟ้า ชั่วโมงละ 20 บาท)
ยกระดับการบริการด้านช่าง พัฒนา “งานทดสอบวัสดุ” รองรับการให้ประชาชนอย่างมีมาตรฐาน
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมโยธาฯ เปิดให้บริการงานวิเคราะห์วิจัยและทดสอบวัสดุ ให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2554 จัดตั้งเป็น “ศูนย์ทดสอบวัสดุ” ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค จำนวน 14 ศูนย์ สามารถให้บริการทดสอบวัสดุก่อสร้างได้ถึง 24 การทดสอบ และจัดตั้ง “หน่วยทดสอบวัสดุ” อีก 63 จังหวัด ให้บริการทดสอบวัสดุก่อสร้าง 11 การทดสอบ ต่อมาในปี 2564 กรมโยธาฯ ได้ยกระดับหน่วยทดสอบวัสดุ ให้เป็นศูนย์ทดสอบวัสดุทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการทดสอบวัสดุเพิ่มเติม โดยสามารถรองรับภารกิจงานทดสอบที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังจัดหลักสูตรอบรมบุคลากรด้านช่าง เพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการงานวิเคราะห์ วิจัย และทดสอบวัสดุ ให้มีความรู้ ความชำนาญ สามารถปฏิบัติงานทดสอบวัสดุและออกใบรายงานผลการทดสอบได้อย่างมีมาตรฐานและสอดคล้องกันทั้งประเทศ รวมทั้งมีแผนในการพัฒนาระบบการเข้ารับบริการทดสอบวัสดุที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้เข้ารับบริการต่อไป
สำหรับประเภทของการทดสอบของศูนย์ทดสอบวัสดุ เช่น การทดสอบแรงอัดของคอนกรีต การทดสอบแรงดึงของเหล็ก การทดสอบคุณสมบัติของดิน ทราย ลูกรัง หินคลุก หินใหญ่ การทดสอบความแน่นของวัสดุในสนาม การทดสอบลวดเหล็กเคลือบสังกะสี การทดสอบคุณสมบัติของแผ่นใยสังเคราะห์ การเจาะสำรวจชั้นดิน การทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็ม เป็นต้นโดยหน่วยงานต่างๆ และประชาชนทั่วไป สามารถขอรับบริการได้ที่ ศูนย์ทดสอบวัสดุต่างๆ หรือสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดทั่วประเทศ
30 มิถุนายน 2566
กรมสรรพากร นำเสนอนวัตกรรมการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ เพิ่มความสะดวกในการคืนภาษีให้ผู้ประกอบการ
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายในงานสัมมนา “ทิศทางการขับเคลื่อน Digital Tax Ecosystem ของประเทศไทย” เพื่อนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยีรูปแบบใหม่และแนวทางของระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและภาคีเครือข่ายกว่า 70 หน่วยงาน ว่า กรมสรรพากร มีเป้าหมายที่จะนำระบบการจัดเก็บภาษีเข้าสู่ระบบดิจิทัล 100 % ภายในปี 2570 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการที่ให้บริการนำส่งข้อมูลภาษี (Service provider) ให้สามารถปรับตัวและพัฒนารูปแบบการให้บริการ
จากเดิมที่ต้องนำส่งข้อมูลภาษีของผู้ใช้บริการในรูปแบบกระดาษ ซึ่งมีต้นทุนที่สูง โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบการนำส่งข้อมูลภาษีอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย สามารถให้บริการด้านภาษีแบบครบวงจร (e-Tax Service provider) อาทิ ยื่นคำขอ/จดทะเบียน จัดทำงบการเงินและนำส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งยื่นแบบชำระภาษีและขอคืนภาษี โดยผู้ที่สนใจให้บริการ สามารถยื่นขอต่อกรมได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งระบบดังกล่าวนี้ จะช่วยให้มีความสะดวกมากขึ้น ทั้งลดข้อผิดพลาดในการเสียภาษี สามารถคืนภาษีได้เร็วภายใน 3 วัน รวมทั้งช่วยลดข้อโต้แย้งกับเจ้าหน้าที่และลดต้นทุนได้มากขึ้น
เบื้องต้นมีผู้ประกอบการให้ความสนใจนำร่องใช้ระบบการนำส่งข้อมูลภาษีอิเลคทรอนิกส์แล้ว จำนวน 5 ราย โดยกรมสรรพากร เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งเปิดรับผู้ให้บริการทั้งรายเล็ก รายใหญ่ และ start up เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม พร้อมสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือนำไประบบต่อยอดพัฒนา โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการลงทุนฯ ใช้หักลดหย่อนภาษีฯได้ถึง 2 เท่า
นายลวรณ กล่าวอีกว่า ภาพรวมการจัดเก็บภาษีในปีนี้ สามารถทำได้ตามเป้าหมาย หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่าในปีงบประมาณ 2566 จะจัดเก็บภาษีได้เกินกว่าประมาณการถึง 150,000 - 200,000 ล้านบาท
ภาคธุรกิจศรีลังกาสนใจลงทุนในไทย พร้อมหวังใช้ประโยชน์จาก FTA ไทย-ศรีลังกา ช่วยการค้าการลงทุนขยายตัว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ศรีลังกา มีความคืบหน้าเกินครึ่งทางและคาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในช่วงต้นปี 2567 ตามที่ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าไว้ ล่าสุด การประชุมรอบที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ทั้งการประชุม ณ กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา และผ่านระบบประชุมทางไกล ระหว่างวันที่ 26-28 มิถุนายน 2566 ได้มีการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า และคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง 6 คณะ ได้แก่ กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า พิธีการทางศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า การค้าบริการ การลงทุนและกฎหมาย ซึ่งได้วางแผนจัดการประชุมเจรจาอีก 4 รอบ ในปีนี้ช่วงเดือนสิงหาคม ตุลาคม และธันวาคม และในปี 2567 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเดินหน้าสรุปผลการเจรจาให้ได้ตามเป้าหมาย
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวด้วยว่า คณะผู้แทนไทยได้มีโอกาสพบหารือกับหอการค้าศรีลังกา เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทย สถานะการเจรจาจัดทำ FTA ของไทย รวมทั้งประโยชน์ของการจัดทำ FTA ไทย-ศรีลังกา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับภาคเอกชนศรีลังกา ซึ่งภาคเอกชนศรีลังกาให้ความสนใจอย่างมากและเล็งเห็นถึงประโยชน์จากการจัดทำ FTA ไทย-ศรีลังกา โดยผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ มาจากภาคธุรกิจที่มีความสนใจเข้าไปลงทุนในไทยและผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าและส่งออกของศรีลังกาที่ต้องการให้ FTA เป็นกลไกช่วยให้การค้าสองฝ่ายขยายตัวเพิ่มมากขึ้น รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
สังคม
26 มิถุนายน 2566
ทำบุญตักบาตร เจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระกุศลสมเด็จพระสังฆราช
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิถุนายน 2566 กรมการศาสนา ร่วมกับจังหวัดและวัดทั้งส่วนกลางและทั่วประเทศจัดพิธีทำบุญตักบาตร เจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนาถวายพระกุศล ตลอดจนส่งเสริมการจัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ยังวัด ศาสนสถานและสถานที่สาธารณะ
พร้อมกันนี้ยังจัดโครงการเติมบุญตักบาตรพระสงฆ์ ด้วยเมนูสุขภาพบุญแห่งแทนอาหารแห่งศรัทธา 96 รายการ รณรงค์การเสริมสร้างสุขภาวะแก่พระสงฆ์ โดยจัดทำองค์ความรู้เมนูอาหารสุขภาพ การจัดสาธิตการทำอาหารสำหรับตักบาตร รวมทั้งแนวทางการขยายผลการสร้างเสริมสุขภาวะกับศาสนิกชนของศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย ให้เกิดการเรียนรู้วิธีการบริหารชีวิตเลือกบริโภคอาหารที่เหมาะสม ลด หวาน มัน เค็ม ลดโรค โดยใช้วิธี 4 เลือก 4 เลี่ยงคือ เลือกเครื่องดื่มไม่ผสมน้ำตาล เลือกข้าวกล้องแทนข้าวขาว เลือกนมจืดไขมันต่ำ ผักสดและผลไม้รสไม่หวาน เช่น ฝรั่ง ส้ม แตงโม มะละกอ เลี่ยงอาหารเลี่ยง 4 ประเภท ได้แก่ เนื้อสัตว์ติดมัน แกงใส่กะทิ ขนมน้ำกะทิ และอาหารกระป๋อง หากไม่ได้ปรุงอาหารเองควรเลือกซื้อจากร้านที่ปรุงสุก ใหม่ ใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และอุปกรณ์หยิบจับอาหารแทนการใช้มือ
นายกรัฐมนตรี ปราศรัยเนื่องใน “วันต่อต้านยาเสพติดโลก” ย้ำความสำเร็จของการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปราศรัยเนื่องใน “วันต่อต้านยาเสพติดโลก” ประจำปี 2566 โดยกล่าวว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงทุกระดับ องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประเทศไทย ในฐานะประเทศสมาชิก ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกับประชาคมโลก ต่อต้านยาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รัฐบาลมีความมุ่งมั่นป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย เน้นป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งมิติของการค้า การเสพ และไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด การปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติด โดยบูรณาการอำนาจทางกฎหมายกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบและดำเนินการต่อทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดด้วยแนวทางการยึดทรัพย์สินตามมูลค่า รวมทั้งบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพทางสังคม โดยส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างครบวงจร สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน ย้ำว่าความสำเร็จของการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ในนามรัฐบาล ขอขอบคุณประชาชน ตลอดจนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ร่วมมือกันดูแลสังคมอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด
ป.ป.ส. เชิญชวนประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระยะยาว
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ส. ได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายนมาอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดกิจกรรม "วิ่งต่อต้านยาเสพติด" เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนเห็นความสำคัญของวันต่อต้านยาเสพติดโลกและร่วมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี
ภาพรวมการปราบปรามยาเสพติด นับแต่ปี 2562 จำนวนคดีและผู้ต้องหาคดียาเสพติดลดลงต่อเนื่อง จำนวนผู้กระทำความผิดน้อยลง เนื่องจาก ป.ป.ส. ได้ดำเนินการออกพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่เน้นการบำบัดรักษาผู้เสพ ด้วยการสร้างทางเลือกในการเข้ารับการบำบัดรักษา เน้นการยึดทรัพย์ และร่วมกับประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ ในการการสกัดกั้นยาเสพติดและการป้องกันตามแนวชายแดนที่เข้มแข็ง โดยเชื่อว่า หากสามารถจับกุมผู้ขายและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังจะสามารถแก้ปัญหาได้มากขึ้น
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของผู้เสพขณะนี้ได้ประสานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำรวจจำนวนผู้ติดยาทั่วประเทศ เพื่อนำเข้ารับการบำบัดรักษา พร้อมฝากประชาชนหากพบเห็นหรือมีข้อมูลยาเสพติดขอให้แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1386 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องโดยไม่สอบถามชื่อผู้แจ้งและจะดำเนินการเข้าปราบปรามทันที
ไทย-เกาหลีใต้ ลงนาม MOU จัดส่งแรงงานเกษตรตามฤดูกาล โควตาปีละไม่น้อยกว่า 5,000 คน
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการจัดส่งแรงงานภาคเกษตรตามฤดูกาล ระหว่างกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ราชอาณาจักรไทย และอำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน และนายชุนซอง จอน นายอําเภอจินอัน ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของสาธารณรัฐเกาหลี เป็นผู้จรดปากกาลงนาม ท่ามกลางสักขีพยานทั้งสองฝ่าย ณ โรงแรม LOTTE Seoul สาธารณรัฐเกาหลี
สำหรับสาระสำคัญของการลงนาม MOU ไทย-เกาหลีใต้ จะร่วมกันขับเคลื่อนกระบวนการจัดส่งและรับแรงงานไทย เพื่อไปทำงานภาคเกษตรตามฤดูกาล ณ อำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี กำหนดมาตรการคุ้มครองแรงงานที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าแรงงานได้รับสิทธิและผลประโยชน์ตามความเหมาะสม สร้างการป้องกันและดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อต่อต้านการจัดส่งและรับแรงงานตามฤดูกาลโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการจ้างแรงงานตามฤดูกาลอย่างผิดกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการเปิดตลาดอีกประเภทให้กับแรงงานไทย โดยนำร่องจัดส่งแรงงานภาคเกษตรของไทยเข้าไปทำงานภาคเกษตรและประมงตามฤดูกาล (วีซ่า E-8) ซึ่งจะช่วยให้เกษตรไทยที่ว่างเว้นจากฤดูกาล หรือว่างงานในระหว่างรอถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวในแต่ละปี สามารถไปประกอบอาชีพอื่นๆ ชั่วคราว ช่วยให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นและเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานของทางเกาหลีใต้ ถือว่าเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ข้อดีของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานด้วยวีซ่า E – 8 คือไม่ต้องทดสอบทักษะภาษาเกาหลี ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของแรงงานไทยและผู้ที่เคยเดินทางไปทำงานแล้วยังสามารถไปซ้ำได้ในปีถัดไป โดยหลังจากนี้อำเภอจินอันจะรวบรวมความต้องการจ้างแรงงานจากนายจ้าง ตรวจสอบเอกสาร เพื่ออนุญาตการจ้างแรงงานไทย ก่อนส่งหนังสือแจ้งความต้องการแรงงาน (Demand letter) และสัญญาจ้างให้กรมการจัดหางาน (ฝ่ายไทย) เพื่อประกาศรับสมัครคนหางานต่อไป เบื้องต้นทางการเกาหลีมีความต้องการจ้างแรงงาน ปีละไม่น้อยกว่า 5,000 คน เพื่อทำงานเพาะปลูก ปศุสัตว์ และประมง มีสัญญาจ้างไม่เกิน 5 เดือน รายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคาดว่าแรงงานไทยชุดแรกจะสามารถเดินทางไปทำงานได้ ภายใน 1 เดือน
สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้น ต้องอายุ 25-45 ปี มีการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรหรือมีประสบการณ์งานเกษตร 1 ปีขึ้นไป ไม่มีประวัติอาชญากรรม หรือประวัติพำนักผิดกฎหมายในสาธารณรัฐเกาหลี หรือถูกห้ามเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลี ไม่เป็นโรคติดต่อรวมไปถึงวัณโรค ไม่ติดยาเสพติด ไม่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือให้กำเนิดบุตรไม่เกินหนึ่งปีนับจากวันสมัคร
27 มิถุนายน 2566
เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างส่วนราชการให้ชำระค่าปรับ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกกฎหมายผลักดันรัฐบาลดิจิทัล จัดทำแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล พร้อมให้หน่วยงานรัฐพัฒนาแอปฯ และบริการออนไลน์จำนวนมาก เพื่อพัฒนาภาครัฐเป็นรัฐบาลดิจิทัล ในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ทำให้มีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นส่วนราชการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อ โดยเฉพาะการแอบอ้างเรื่องการชำระค่าปรับต่างๆ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แนะวิธีสังเกตใบสั่งจราจรอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดส่งทางไปรษณีย์ไปยังเจ้าของรถถึงบ้าน ว่าฉบับไหนเป็นของจริง-ของปลอม ซึ่งการออกใบสั่งจราจรอิเล็กทรอนิกส์ครั้งแรก จะมีรูปถ่ายรถ หมายเลขทะเบียนรถ และข้อหากระทำความผิดครบ หากไม่จ่ายค่าปรับใน 7 วัน จะมีใบเตือน
ส่วนการออกครั้งที่สองนั้น เป็นใบเตือนให้ชำระค่าปรับใบสั่ง ซึ่งในเอกสารครั้งที่สองนี้ จะไม่มีรูปถ่ายรถประกอบ แต่จะมีแค่ QR code บอกวิธีการชำระเงินและมีลายเซ็นนายตำรวจระดับสารวัตรขึ้นไปเซ็นประกอบ ยืนยันว่าเป็นเอกสารทางราชการจริง ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบ โดยนำเลขที่ใบสั่ง ไปตรวจสอบได้ที่ เว็บไซต์ ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน หรือ ptm.police.go.th
ตำรวจเตือนมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อผู้เชี่ยวชาญลงทุนชวนเล่นหุ้นต่างประเทศ เหยื่อสูญเงินกว่า 6 ล้านบาท
พลตำรวจเอก สมพงษ์ ชิงดวง หัวหน้าคณะทำงานส่วนผู้บังคับบัญชาสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนภัยประชาชนกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อนายณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ชักชวนหลอกให้เหยื่อโอนเงินร่วมลงทุนซื้อหุ้นต่างประเทศโดยอ้างว่าได้รับค่าตอบแทนสูง ใช้วิธียิงโฆษณาใน Facebook แล้วให้ลิงก์ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม จากนั้นแนะนำให้ลงทุนซื้อหุ้นให้ผลตอบแทนน้อยละ 25 และเร่งรัดให้รีบซื้อเป็นเงินหลัก 100,000 บาท และแนะนำให้เพิ่มเงินขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่าไม่ให้เป็นการเสียโอกาส แต่เมื่อเหยื่อต้องการถอนเงินคนร้ายจะอ้างว่าเกิดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลและต้องโอนเงินเพิ่ม จนสุดท้ายเหยื่อสูญเสียเงินกว่า 6 ล้านบาท
ด้านนายณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานกรรมการบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธาร คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ได้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ stark ได้มีมิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อไปแอบอ้างบนโซเชียลมีเดียเพื่อหลอกลวงประชาชนให้เข้าร่วมลงทุน ในตลาดหุ้นต่างประเทศหรือในคริปโตเคอร์เรนซี่และอ้างว่าได้ผลตอบแทนรวดเร็ว โดยจะหลอกให้ลงทุนในแอปพลิเคชันปลอมมีกำไรมากแต่เมื่อถอนเงินผู้ลงทุนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน ขอเตือนผู้ที่กำลังถูกชักชวนให้ลงทุนว่า การทำธุรกรรมเกี่ยวกับลงทุนนั้นบริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน หรือโบรกเกอร์จะให้ลูกค้าโอนเข้าบัญชีบริษัทเท่านั้น
28 มิถุนายน 2566
แนวทางการแต่งกายของนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ลดรายจ่ายผู้ปกครอง
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการออกหนังสือถึงสำนักงานเขต จำนวน 2 ฉบับ ว่าด้วยการอนุโลมให้นักเรียน สามารถไว้ทรงผมได้อย่างอิสระและแต่งกายมาเรียนด้วยชุดอะไรก็ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ว่าเกิดจากเจตจำนง ในการเคารพสิทธิมนุษยชนของเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนผลักดันตั้งแต่ช่วงแรกที่ได้เข้ารับตำแหน่งแล้ว และมุ่งหวังในการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองด้วย จึงได้ให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครจัดทำข้อกำหนดให้นักเรียนแต่งกายด้วยชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับ รวมทั้งให้คำนึงถึงอัตลักษณ์ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความเชื่อทางศาสนาและเพศวีถีของนักเรียน อย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์ และกฎระเบียบเรื่องทรงผม ก็ต้องการส่งเสริมความมั่นใจให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องจากทรงผมเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ในการละเมิดสิทธิของเด็กและเยาวชน ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจ และทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียน โดยในแต่ละโรงเรียนจะมีตัวแทนนักเรียนเป็นคณะกรรมการผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดการแต่งกายในแต่ละแห่งด้วย ซึ่งหวังว่าประกาศดังกล่าวจะเป็นผลดีในเชิงของการศึกษา เช่น ครูและนักเรียน สามารถนำเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ในชั้นเรียน เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการแต่งกายของนักเรียน แทนที่จะเป็นไปตามกฎระเบียบ หรือการบังคับเพียงอย่างเดียว
สำหรับเสียงสะท้อน ในแง่ความกังวล เรื่องความเหมาะสมในการแต่งกายของเด็กนักเรียน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำหรับตนเรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย หากวางเฉยและไม่ทำอะไร ย่อมก่อให้เกิดแรงต้านจากเยาวชนเช่นกัน ดังนั้นการหยิบยกประเด็นนี้ ขึ้นมาพูดคุยโดยให้เยาวชน มีส่วนร่วมในการกำหนดการแต่งกายของตนด้วย จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดและในด้านของความเหมาะสมนั้น มองว่าจะต้องมีการปรับความเข้าใจให้ตรงกันผ่านการมีส่วนร่วมของเยาวชน
ผู้ประกันตน มาตรา 33 มาตรา 39 ป่วยโรคไตในทุกระยะ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงสิทธิผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไต ว่า สำนักงานประกันสังคมให้ความคุ้มครองผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ป่วยด้วยโรคไตทุกระยะ สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่กำหนดสิทธิโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
กรณีผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย สามารถรับสิทธิกรณีการบำบัดทดแทนไต การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ให้สิทธิในอัตราไม่เกิน 1,500 บาท ต่อครั้ง และไม่เกิน 4,500 บาท ต่อสัปดาห์ (เดือนละ 18,000 บาท) และจ่ายค่าเตรียมหลอดเลือดสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย ต่อระยะเวลา 2 ปี หากภายในระยะเวลา 2 ปี ผู้ประกันตนมีความจำเป็นต้องเตรียมหลอดเลือดหรือแก้ไขหลอดเลือด จ่ายเพิ่มอีกไม่เกิน 10,000 บาท
การล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร ให้สิทธิไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท และจ่ายค่าวางท่อรับส่งน้ำยาเข้าออกช่องท้องพร้อมอุปกรณ์ ในอัตราไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย ต่อระยะเวลา 2 ปี หากภายในระยะเวลา 2 ปี ผู้ประกันตนมีความจำเป็นต้องวางท่อรับส่งน้ำยาล้างช่องท้อง จ่ายเพิ่มอีกไม่เกิน 10,000 บาท
การปลูกถ่ายไต ให้ได้รับสิทธิการบริการทางการแพทย์ ก่อน ระหว่าง หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตและรับยากดภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต
สำหรับสิทธิประโยชน์ (เพิ่มเติม) กรณีผู้ประกันตนที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ติดเชื้อเอชไอวี จะจ่ายค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมให้แก่สถานพยาบาลที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดในอัตราที่จ่ายจริงไม่เกิน 4,000 บาท ต่อครั้ง และไม่เกิน 12,000 บาทต่อสัปดาห์
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยจำนวนผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวาย มาขอใช้สิทธิการรักษาโดยการบำบัดทดแทนไตวายเรื้อรังแล้วกว่า 17,807 ราย สำนักงานประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนไปแล้ว 364,457,357.25 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันมีสถานพยาบาลที่อยู่ในความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมเพื่อให้บริการฟอกเลือดให้กับผู้ประกันตน จำนวน 960 แห่ง แบ่งเป็น สถานพยาบาลรัฐ 392 แห่ง องค์กรมหาชน 2 แห่ง เอกชน 566 แห่ง โดยมีสถานพยาบาลที่ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมกรณีการผ่าตัดปลูกถ่ายไตจำนวน 23 แห่ง สถานพยาบาลที่ให้บริการล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวรจำนวน 103 แห่ง
สำหรับผู้ประกันตนที่ประสงค์จะใช้สิทธิบำบัดทดแทนไต จะต้องยื่นขอรับการอนุมัติก่อน ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ที่ต้องการใช้สิทธิ โดยเตรียมเอกสารประกอบ ได้แก่ แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีบำบัดทดแทนไตและปลูกถ่ายอวัยวะ หรือการดูแลหลังผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะและรับยากดภูมิคุ้มกันกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-18) สำเนาเวชระเบียนในส่วนที่เกี่ยวข้อง ใบรับรองแพทย์กรณีผู้ประกันตนขอรับการบำบัดทดแทนไต หนังสือรับรองจากอายุรแพทย์โรคไต สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน กรณีผู้ประกันตนต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย ต้องมีสำเนาหนังสือเดินทาง Passport หรือหนังสือสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (เฉพาะต่างชาติ/ต่างด้าว) ใบอนุญาตทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ หรือสายด่วนประกันสังคม โทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)
กทม.เดินหน้ารับบริจาคคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเก่า สนับสนุนการศึกษาของเยาวชน ลดการใช้งบประมาณ ลดขยะ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรมการสร้างความเข้าใจในโครงการพัฒนาห้องเรียนดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้และโครงการปันน้ำใจให้น้องได้เรียนรู้ พร้อมเยี่ยมชมการสอนในห้องเรียนนำร่อง Active Learning ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และเปิดตัวเว็บไซต์ digitalclassroom.bangkok.go.th พร้อมแคมเปญรับบริจาคเพื่อการศึกษา “คอมเก่าสู่คนใหม่ เรียนรู้ไกลไม่สิ้นสุด” ณ โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การส่งเสริมการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเมืองด้วยการลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการทั้งด้านสนับสนุนด้านบุคลากรและด้านอุปกรณ์การศึกษาควบคู่กันไป ซึ่งโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์จะเป็นต้นแบบที่ดีในการนำร่องพัฒนาการศึกษาของกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากมีต้นแบบที่ดีแล้ว การที่จะขยายผลการพัฒนาไปยังโรงเรียนอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ต่อไปย่อมไม่ใช่เรื่องยาก รวมถึงการเปิดรับบริจาคอุปกรณ์การศึกษา ก็เป็นการสร้างภาคีเครือข่ายด้านการสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนของทางกรุงเทพมหานครไปในตัว และเป็นการนำเครื่องคอมพิวเตอร์เก่า มาใช้ประโยชน์ทางการศึกษา แทนที่จะเป็นขยะทางเทคโนโลยีและการรับบริจาค ก็มีผลดีในแง่ของความโปร่งใสด้วย เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่า กรุงเทพมหานครใช้งบประมาณในการแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว
จากการทดสอบห้องเรียนนำร่อง Active Learning ในเบื้องต้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาที่พบจะเป็นเรื่องของความเร็วอินเทอร์เน็ต และเรื่องที่เด็กๆ ยังมีทักษะในการพิมพ์ไม่คล่องมากนัก ทำให้การตอบสนองต่อการสื่อสารในห้องเรียนและการเรียนรู้ ล่าช้าในบางราย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงกันต่อไป
สำหรับประชาชนและตัวแทนภาคเอกชน ที่ต้องการจะบริจาคคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สามารถรับทราบรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงกรอกแบบฟอร์มการบริจาคได้ที่ เว็บไซต์ digitalclassroom.bangkok.go.th เพื่อร่วมกันสนับสนุนการศึกษาให้กับเยาวชน
29 มิถุนายน 2566
หลักเกณฑ์ขั้นตอนการขอรับเงินกรณีชราภาพของผู้ประกันตนมาตรา 39
นางนิยดา เสนีย์มโนมัย โฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ส่งเงินสมทบเดือนละ 432 บาท หากจะขอรับเงินกรณีชราภาพ ผู้ประกันตนจะต้องอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน โดยสิทธิจะเกิดก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขดังกล่าวทั้งสองข้อ หมายความว่าต้องอายุครบ 55 ปี และต้องลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 แต่หากอายุครบ 55 ปี ไม่ลาออกจะยังไม่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน โดยสามารถส่งเงินสมทบต่อไปได้โดยไม่จำกัดอายุ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทั้ง 6 กรณีต่อเนื่อง โดยเฉพาะสิทธิประกันสังคมในการรักษาพยาบาลและอัตราเงินบำนาญจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการส่งเงินสมทบด้วย ซึ่งหากส่งเงินสมทบไม่ครบ 15 ปีจะได้รับเป็นเงินบำเหน็จหรือเงินก้อน แต่หากการส่งเงินสมทบครบ 15 ปีแรก จะได้รับบำนาญพื้นฐาน 20% ส่วนที่ส่งเกิน 15 ปี บำนาญจะเพิ่มขึ้นปีละ 1.5% โดยมีฐานคำนวณบำนาญอยู่ที่ 4,800 บาท
หากผู้ประกันตนมาตรา 39 จะขอรับเงินบำเหน็จบำนาญชราภาพ สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่มีสิทธิรับเงินกรณีชราภาพ แต่หากเกิน 2 ปีไปแล้วมายื่นในภายหลัง จะต้องยื่นคำแจ้งเหตุที่ยื่นเกินกำหนด
โฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ขอรับเงินกรณีชราภาพไปแล้ว จะไม่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้อีก เมื่อลาออกกฎหมายจะให้ความคุ้มครองต่อไปอีกเพียง 6 เดือนนับจากวันที่ลาออกจากมาตรา 39 สำหรับผู้ประกันตนที่จะขอรับเงินบำนาญชราภาพรายเดือนไปตลอดชีวิต แนะนำให้แจ้งบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนเพื่อขอรับเงินรายเดือน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกันตนไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอนเงินในแต่ละเดือน หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันสังคม โทร.1506 กด 1 ตลอด 24 ชั่วโมง
บุหรี่ไฟฟ้า ไม่สูบ ไม่เสี่ยง แม้ถูกเพื่อนชักชวน สูบบุหรี่ไฟฟ้าบุหรี่มวนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กล่าวว่า กองสุขศึกษา กรม สบส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายระดับประเทศและระดับพื้นที่ทำการสำรวจ “พฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทย” ระหว่างวันที่ 25 เมษายน - 6 มิถุนายน 2566 มีผู้ตอบแบบสำรวจฯ 61,688 คน พบว่าในภาพรวมของประเทศเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้า ร้อยละ 9.1 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการถูกชักชวนให้สูบบุหรี่ไฟฟ้าจากคนรอบข้าง โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 92.2 ถูกชักชวนจากเพื่อน รองลงมาถูกชักชวนจากญาติ ร้อยละ 3.2 และถูกชักชวนจากคนในครอบครัว ร้อยละ 1.6 นอกจากนี้ ยังพบว่าเยาวชนที่สูบบุหรี่มวนจะสูบบุหรี่ไฟฟ้าร่วมด้วยสูงถึงร้อยละ 43.9 ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น
ด้านนายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า กรม สบส. สนับสนุนให้ยุวอาสาสมัครสาธารณสุข แกนนำสุขภาพร่วมรณรงค์และให้ความรู้กับคนในพื้นที่เกี่ยวกับโทษของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยรณรงค์สร้างกระแสในประเด็น บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ไม่สูบ ไม่เสี่ยง ผ่านเครือข่ายภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน ในทุกมิติ ซึ่งเป็นพลังที่สำคัญทำให้เยาวชนได้ตระหนักและเห็นถึงพิษภัยของบุหรี่มวน และบุหรี่ไฟฟ้า ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเยาวชนได้
30 มิถุนายน 2566
กทม.ติดตามคืบหน้าการประกวดโครงการคลองเปรมประชากร “หน้าบ้าน ริมคลอง น่ามอง น่าอยู่”
นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร ประชุมติดตามความก้าวหน้าโครงการคลองเปรมประชากร “หน้าบ้าน ริมคลอง น่ามอง น่าอยู่” โดยมีผู้บริหารกรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาคีเครือข่ายและผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) ที่ประชุมได้รายงานผลคะแนนรอบแรกการประกวด “หน้าบ้าน ริมคลอง น่ามอง น่าอยู่” ซึ่งจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยในต้นเดือนกรกฎาคม 2566 คณะกรรมการจะลงพื้นที่ติดตามการปรับปรุงชุมชนอีกครั้ง เพื่อเก็บคะแนนในรอบที่ 2 ก่อนตัดสินและประกาศผลการประกวดในวันที่ 23 กรกฎาคม 2566 ต่อไป
โครงการคลองเปรมประชากร “หน้าบ้าน ริมคลอง น่ามอง น่าอยู่” จัดขึ้นเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อดูแลที่อยู่อาศัยสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ให้ดี ส่งเสริมภาพลักษณ์การสัญจรและท่องเที่ยวในคลองเปรมประชากรในระยะยาว รวมทั้งสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสีเขียว ให้กับคลองเปรมประชากรและชุมชนที่อยู่ริมคลอง
รองปลัดกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า ได้มีการแจ้งหลักเกณฑ์การตัดสินให้กับผู้เข้าร่วมประกวดได้รับทราบอย่างชัดเจน ซึ่งคณะกรรมการจะไม่พิจารณาให้คะแนน หากผู้เข้าร่วมประกวดทำผิด กติกา หรือตกคุณสมบัติตามที่ได้ระบุไว้
กรมอนามัย รณรงค์กิจกรรมเนื่องวันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย 4 กรกฎาคม ชูกิจกรรม “ตั้งสติ ตั้งรับ ปรับตัว”
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีถวายพระพรศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2566 ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ว่า วันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของประเทศจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและระลึกถึงพระกรุณาธิคุณของเจ้าฟ้านักพัฒนาที่ทรงให้ความสำคัญและพัฒนาความรู้ทางด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มุ่งเน้นความสำคัญจากสถานการณ์ที่ผันผวนของโลก ปัญหามลพิษ สารเคมี และสาธารณภัยต่างๆ รวมทั้งโรคอุบัติใหม่ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดขึ้นนำไปสู่ความท้าทายของงานอนามัยสิ่งแวดล้อมไทยที่ทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีบทบาทเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ต้องเร่งปรับตัว ทั้งการเตรียมแผน เตรียมความพร้อม การรับมือหรือตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน และการฟื้นฟู ให้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ในการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน นำไปสู่การจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
ในปี 2566 นี้ จัดงานวันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย ภายใต้แนวคิด “ความท้าทายงานอนามัยสิ่งแวดล้อมรองรับโลกที่ผันผวน : Environmental Health, A Vital Challenges in Response to VUCA World” และเชิญชวนทุกหน่วยงานจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยและเอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดีของทุกคน สู่อนามัยสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ภายใต้กิจกรรม “ตั้งสติ ตั้งรับ และปรับตัว”
ประกันสังคม เชิญชวนผู้ประกันตนอายุ 50 ขึ้นไป ฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ฟรีที่โรงพยาบาลตามสิทธิ
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ร้อยละ 70-80 สำนักงานประกันสังคมให้สิทธิการดูแลผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรช่วงอายุที่มีความเสี่ยงอาการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรง โดยสามารถเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่สถานพยาบาลตามสิทธิของผู้ประกันตน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2566 พร้อมแนะนำให้ติดต่อนัดหมายการฉีดวัคซีนกับสถานพยาบาลตามสิทธิก่อนรับบริการ
หากผู้ประกันตนมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้วัคซีน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเข้ารับบริการ สำหรับในกรณีสถานพยาบาลตามสิทธิของผู้ประกันตนไม่มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อกับสำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม โทรศัพท์ 02-956-2502 หรือ 02-956-2509-10
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว