สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (19-23 มิถุนายน 2566)

สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (19-23 มิถุนายน 2566)
การเมือง/มั่นคง
19 มิถุนายน 2566
กกต.ประกาศรับรองการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวว่า กกต. ได้เสนอผลการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคการเมือง 67 พรรค พร้อมผลการพิจารณาว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ทั้งตรวจสอบรายงานคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทั้ง 77 จังหวัด และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และเรื่องร้องคัดค้านของผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด และกรุงเทพฯ รวมทั้งศึกษาแหล่งข้อมูลคัดค้านการเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการ กกต. พิจารณาแล้วให้ประกาศผลการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน
โดย กกต.ยังมีอำนาจพิจารณาสืบสวนไต่สวนได้ หากมีหลักฐานว่าผู้ใดทุจริตการเลือกตั้ง ให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของผู้นั้นได้ ทั้งนี้ให้ผู้ได้รับการประกาศได้เป็น ส.ส. รับหนังสือรับรอง 20-24 มิถุนายนนี้ 08.30 น.-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ส่วนพรรคการเมืองที่ได้รับการรับรองผลการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ มี 17 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 39 คน เพื่อไทย 29 รวมไทยสร้างชาติ 13 คน ประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคภูมิใจไทย 3 คน พรรคประชาชาติ 2 คน พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรคชาติพัฒนากล้า 1 คน พรรคท้องที่ไทย 1 คน พรรคไทยสร้างไทย 1 คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน พรรคเป็นธรรม 1 คน พรรคพลังประชารัฐ 1 คน พรรคพลังสังคมใหม่ 1 คน พรรคเสรีรวมไทย 1 คน พรรคใหม่ 1 คน รวม 100 คน ทั้งนี้ เรื่องร้องเรียนอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยจะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง
เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า การรับรอง ส.ส. ไปก่อน 400 เขต เนื่องจากกระบวนการพิจารณาเรื่องสืบสวน อาจแล้วเสร็จไม่ทัน 60 วัน แต่จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในการแก้ต่าง อีกทั้งยังมีการอ้างหลักฐานและสำนวนเป็นจำนวนมาก จึงประกาศรับรองไปก่อน โดยไม่ตัดอำนาจ กกต. ที่จะพิจารณาตามมาตรา 138
นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามข่าวฉาววงการตำรวจไทย
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฎิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับข่าวฉาววงการตำรวจไทย ทั้งเรื่องตบทรัพย์แก๊งค์พนันออนไลน์ 140 ล้านบาท รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม โดยกล่าวเพียงว่า ได้สั่งการไปแล้วให้ทำตามหน้าที่ ตามระเบียบ ตามกฎหมาย
ส่วนกรณี “น้องหยก” เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี ที่มีปัญหาไม่ได้รับสถานะนักเรียน เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไข โดยต้องแก้ไขเป็นกรณีไป แลัขออย่าไปสร้างความปั่นป่วน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ขณะนี้กำลังใจยังดีอยู่ ขอให้สื่อช่วยกัน เพราะสถานการณ์การเมืองจะเรียบร้อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสื่อ พร้อมกล่าวย้ำว่า ไม่ทราบที่มีการมองว่า หากโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ จะเกิดความวุ่นวายขึ้น โดยก่อนเดินทางกลับมีประชาชนส่วนหนึ่งสวมเสื้อสีเหลือง นำดอกไม้มารอต้อนรับพลเอก ประยุทธ์ บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟฟ้าลาดพร้าว ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ ได้หยุดรับดอกไม้และร่วมถ่ายภาพกับประชาชนก่อนเดินทางกลับ
20 มิถุนายน 2566
“วันมูหะมัดนอร์” ระบุ ประธานรัฐสภามีประสบการณ์ทางการเมืองน้อยได้ แต่ต้องมีความเป็นผู้นำ ควบคุมการประชุมได้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส. ที่สำนักงาน กกต. กล่าวขอบคุณ กกต. ที่รับรอง ส.ส.เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ที่จะทำให้การเปิดประชุมสภา เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้ไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลเร็วขึ้น ขณะที่การกำหนดนโยบายร่วมกันของคณะทำงานเปลี่ยนผ่านจาก 8 พรรคการเมืองก็มีความคืบหน้าในทุกด้าน
ส่วนการหารือร่วมกันของหัวหน้าพรรคจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ คาดว่า จะมีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ไปตกลงกันเรื่องตำแหน่ง ว่าพรรคใดจะเป็นประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ เชื่อว่า ทั้งสองพรรคได้วางตัวบุคคลไว้แล้ว และเชื่อว่า ทั้งสองพรรคการเมือง คงคัดบุคคลที่เหมาะสมมาทำหน้าที่เป็นอย่างดี เพราะต้องมาทำหน้าที่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติและต้องเป็นบุคคลที่มีศักยภาพมีความรู้ความสามารถก็จะทำให้งานของสภาคืบหน้าไปได้ด้วยดี เพราะยังมีกฎหมายอีกมากที่ต้องแก้ไข เช่น เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ขึ้นอยู่กับประธานสภาฯว่าจะกำหนดให้รวดเร็วได้อย่างไร เพื่อดำเนินการแก้ไขให้รัฐธรรมนูญเป็นฉบับที่ประชาชนต้องการและเป็นผู้นำในการปฏิรูปฝ่ายนิติบัญญัติ และในฐานะที่เคยเป็นอดีตประธานรัฐสภา มองว่า บุคคลที่จะมาทำหน้าที่ประธานสภา ไม่เกี่ยวกับอายุและประสบการณ์ทางการเมืองน้อย แต่ต้องมีบุคลิกที่เป็นผู้นำให้คนเคารพและควบคุมการประชุมได้ รวมถึงต้องศึกษาข้อบังคับและกฎหมายให้แม่นยำ และตัดสินบนพื้นฐานการให้โอกาสของสมาชิกได้แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมามากที่สุด แต่ต้องรักษาข้อบังคับของสภาด้วย ซึ่งรายชื่อบุคคลที่สื่อมวลนำเสนอ ก็เชื่อว่า จะสามารถทำหน้าที่ได้ดี
ส่วนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จะมีการพูดคุยหลังการเลือกประธานสภา ซึ่งแต่ละตำแหน่งต้องเลือกคนให้เหมาะสมกับงาน จะได้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ส่วนพรรคประชาชาติ เป็นพรรคเล็กต้องรอให้มีการพูดคุยแล้วว่า จะได้โควตาตำแหน่งใด
21 มิถุนายน 2566
การรับรองนางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐ ส.ส.พรรคก้าวไกล เมาแล้วขับ อาจขัดความรู้สึก แต่เป็นไปตามกฎหมาย ลาออกก่อนไม่ได้
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีการรับรอง ส.ส.ที่มีปัญหาคดีความ เช่น กรณี นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ทำผิดกฎหมาย เมาแล้วขับ ไม่ยอมเป่าเครื่องวัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่อมานางสาวณธีภัสร์ ได้แถลงข่าวลาออก ว่า ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ เมื่อได้รับสมัครไปแล้ว จะมาถอนตัวไม่ได้ จึงต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องทำความเข้าใจ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเหมือนข้อเท็จจริงฟังได้แล้ว กลับยังให้การรับรองเป็น ส.ส. ทั้งนี้จริงๆ คดีเมาแล้วขับไม่ใช่คุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เป็นเจตนาของผู้สมัคร ว่าจะขอลาออกจากบัญชีรายชื่อ แต่ตามกฎหมายลาออกไม่ได้ ต้องทำตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายก่อน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะกรรมการที่จัดการเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ในสายตาประชาชน ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สามารถยกเว้น หรือปฏิบัติเกินกฎหมายได้ เพราะแต่ละเรื่องจะมีเรื่องประโยชน์แต่ละฝ่ายของผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น อาจจะขัดความรู้สึก แต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดไว้
สำนักงาน ป.ป.ช. เฝ้าระวัง พัฒนารูปแบบวิธีการ ระงับยับยั้งไม่ให้เกิดการทุจริต
นายอุทิศ บัวศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวในการเป็นประธานโครงการพัฒนาการป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ ผสานพลังเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริตอย่างรวดเร็ว กิจกรรมสรุปผลการใช้ระบบเฝ้าระวังการทุจริตว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ต้องการพัฒนารูปแบบวิธีการ ในการต่อต้านการทุจริต การป้องกันและปราบปราม ให้เท่าทันในโลกยุคปัจจุบันที่มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการร่วมกับภาคพื้นที่ ทั้งหน่วยงานภายในและระหว่างหน่วยงานที่ถือข้อมูลภาครัฐ ในการตั้งศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือศูนย์ CDC ในการรับเรื่องร้องเรียนการทุจริต หรือการแจ้งเบาะแสทางโซเชียลมีเดีย อาทิ การร้องเรียนเกี่ยวกับการก่อสร้างถนน เพื่อผสานพลังเฝ้าระวังและประเมินสภาวะการทุจริตอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การหามาตรการแก้ไขปัญหาป้องนำปราบยับยั้งไม่ให้เกิดการทุจริตสำเร็จ
การจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อรายงานผลการใช้ระบบเฝ้าระวังการทุจริตและผลการลงพื้นที่ตามประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐ ให้กับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงสมาชิกชมรมจิตพอเพียงต้านทุจริตและประชาชนได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเฝ้าระวังการทุจริต ที่ประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริตได้
ตลอดทั้งวันจะมีการอภิปราย สรุปผลการดำเนินการศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ช. และการรายงานผลการลงพื้นที่เฝ้าระวังการทุจริต จากสำนักคดี สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษสำนักสื่อสารองค์กร เป็นต้น
22 มิถุนายน 2566
นายกรัฐมนตรี ย้ำยังไม่ได้หารือการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายในทหารชั้นนายพลประจำปี 2566 เพราะยังมีเวลา
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายทหารชั้นนายพลประจำปี 2566 ว่าไม่ได้หารือในการประชุมสภากลาโหมวันนี้ แต่เรื่องนี้เป็นไปตามธรรมเนียม ระเบียบ และพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เมื่อถึงเวลาจะมีการพูดคุยกัน โดยเหล่าทัพจะจัดทำบัญชีเป็นการภายในและเสนอขึ้นมายังคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ขณะนี้ถือว่ายังมีเวลา พร้อมย้ำว่า แม้จะอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ ไม่ส่งผลกระทบต่อการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร เพราะเป็นไปตามพระราชบัญญัติและขั้นตอน ขอให้เชื่อมั่นว่า กระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงหนึ่งในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
ส่วนความคืบหน้าในการปฏิรูปกองทัพ ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 มุ่งลดขนาดกองทัพและทำให้กองทัพมีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยอมรับว่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ เพราะเมื่อลดคนต้องนำเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาทดแทน ส่วนข้อสังเกตที่ว่ารัฐบาลชุดใหม่อาจจะไม่เข้าใจระบบการทำงานของกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องคือ สำนักงบประมาณดูแลอยู่แล้ว และต้องไปหารือกับรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป ซึ่งจะมีข้อมูลให้รัฐบาลใหม่รับทราบในเรื่องของการบริหารว่า สิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดใหม่จะพิจารณา พร้อมขอให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเตรียมข้อมูลให้เพียงพอสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ สิ่งใดทำแล้วหรือยังไม่ได้ทำ ต้องมีการอธิบายกับรัฐบาลใหม่และให้เกียรติซึ่งกันและกัน
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แนะเพื่อไทย ก้าวไกล ควรรักษาคำพูดกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นำทีมส.ส. ของพรรคเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกล่าวถึงกรณีตำแหน่งประธานรัฐสภา ที่ยังไม่ลงตัวระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลว่า ทั้ง 2 พรรค ต่างก็เป็นพรรคใหญ่ ซึ่งล้วนเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยและมีเป้าหมายแต่งตั้งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องยอมรับว่าตลอดที่ผ่านมาก็มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเรื่อง ส.ว. หรืออะไรก็ตามก็อยากให้ยึดมั่นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ยังเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 พรรคยังทำงานด้วยกันได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรขัดแย้ง
ส่วนที่ยังมีปัญหาเรื่องตำแหน่งประธานสภา คิดว่าทั้ง 2 พรรคตกลงกันได้แล้ว แต่เรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีใครไปคัดค้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เมื่อตกลงกันได้แล้วเชื่อว่าทุกคนจะรักษาคำพูดและทำงานให้พี่น้องประชาชน จึงอยากฝากบรรดาลูกพรรคทั้งหลายที่แสดงความคิดเห็นว่า รัฐธรรมนูญไม่ดีใครจะแสดงความคิดเห็นจะทำอะไรก็ได้ ไม่มีระเบียบวินัยพรรคและหัวหน้าพรรคก็คุมไม่ได้ จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและแตกแยก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากเห็นแต่อยากเห็นการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลเดินไปสู่เป้าหมายทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงอยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยเดินหน้าทำงานให้พี่น้องประชาชนให้ได้
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีม ส.ส. ของพรรค เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกล่าวถึงกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ในเรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกับทางพรรคก้าวไกลก่อน โดยพรรคฯได้มอบหมายหน้าที่ไว้แล้วและเป็นกระบวนการขั้นตอนภายในของแต่ละพรรค ก่อนที่จะมีการเจรจาพูดคุยซึ่งผลสรุปสุดท้ายอยู่ที่การเจรจากับทั้งสองฝ่าย
สำหรับเรื่องความขัดแย้งของสมาชิกพรรคนั้น พรรคเพื่อไทยได้ให้ความสำคัญและความระมัดระวังในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยพรรคได้เปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมามีการจัดประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพ ส.ส. ของพรรค เพื่อเปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกด้วย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะเสนอขอตำแหน่งประธานสภาเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนกรณีที่นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยต้องใส่ใจความรู้สึกของสมาชิกพรรคนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีหลักเกณฑ์ในการทำงานและใส่ใจทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกพรรค พรรคร่วมรัฐบาล และที่สำคัญที่สุดคือ พี่น้องประชาชน ซึ่งต้องมองให้ครอบคลุมรอบด้านที่สุด สำหรับกรณีที่สมาชิกพรรคบางคน รับไม่ได้ที่จะให้พรรคก้าวไกลเป็นประธานสภาและจะขอฟรีโหวตและใช้เอกสิทธิ์นั้น สำหรับพรรคการเมืองการแสดงความคิดเห็นและการลงมตินั้น ต้องยึดถือเสียงข้างมากเป็นหลัก เคารพเสียงข้างน้อยและเคารพมติพรรค ก่อนที่จะไปพูดคุย หรือเจรจา ดังนั้นประเด็นข้อกังวลว่าจะมีฟรีโหวตนั้น เมื่อพรรคได้มีมติและความเห็นแล้วเชื่อว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยจะมีวินัย โดยการเจรจากับพรรคก้าวไกลจะออกมาเป็นรูปแบบใดต้องรอขอสรุปแต่อาจจะมีข้อยุติที่ดีก็ได้
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย รายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มองการเมืองไทยต้องผสมผสานคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า
นายเฉลิม อยู่บํารุง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่เลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง น้ำใจไมตรีครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเผด็จการได้ผ่านไปประชาธิปไตยกลับมา และหากถามว่าตื่นเต้นหรือไม่นั้น 40 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2526 การเข้าสภามาทุกครั้งก็ตื่นเต้นทุกครั้ง ซึ่งตนเองเป็นคนรักสภา ชอบการอภิปรายและมองว่าการเมืองต้องมีการผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า เชื่อว่าทุกคนมีจิตสำนึก มีความรักบ้านเมืองเหมือนกัน
หากประธานสภาเป็นของพรรคก้าวไกล ก็พร้อมที่จะทำตามมติพรรค แต่สุดท้ายจะต้องมาโหวดกันที่สภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง สำหรับเงื่อนไขในตำแหน่งประธานสภา จะทำให้การร่วมรัฐบาลเป็นไปได้ยากขึ้นหรือไม่ กล่าวว่า ไม่มีรัฐบาลไหนที่จัดตั้งได้โดยง่าย วันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น การรายงานตัวยังไม่จบสิ้น ดังนั้นต้องใจเย็นๆ ส่วนที่มีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ จะเสนอนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส. พรรคเพื่อไทย เข้าชิงตำแหน่งประธานสภาด้วยนั้น ในเรื่องนี้ยังไม่กล้าพูด และเมื่อถามว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ กล่าวว่า ตนเองจะเห็นพรรคอื่นเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่าพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร ส่วนประธานสภาที่มีอายุน้อยจะเป็นอุปสรรคกับการบริหารงานในสภาหรือไม่นั้น มองว่าอยู่ที่ความชำนาญ ความมั่นคงในการทำงาน ต้องทำตัวเป็นกลางและไม่เข้าข้างพรรคที่ตนเองสังกัด ซึ่งการเป็นประธานรัฐสภาต้องเป็นประธานของสภา เป็นประธานของทุกพรรคการเมือง อีกทั้งมองว่าอายุน้อยไม่ใช่ปัญหา ถ้าเป็นคนเก่งและทำงานได้
ส่วนพรรคอันดับ 1 ควรมีสิทธิ์เสนอชื่อประธานสภาก่อนหรือไม่ ในเรื่องนี้มีการตกลงกันอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่สุดท้ายต้องมาแข่งกันในสภา ซึ่งอยู่ที่การตกลงกัน หากพรรคเพื่อไทยไม่ส่งคนลงแข่งขัน ก็เป็นอำนาจตัดสินใจของสมาชิกที่จะมีสิทธิ์เลือกพรรคอื่นๆ ขึ้นเป็นประธานสภา พรรคก้าวไกลก็เช่นเดียวกัน ส่วนประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยนั้น ในเรื่องนี้ไม่ทราบแต่สำหรับตนเองนั้นไม่ขัดแย้งกับใครและตนเองก็เป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งการกลับมาทำงานในครั้งนี้จะกลับมาด้วยการอภิปรายด้วยเนื้อหาสาระ มีความรู้ ความสามารถ
23 มิถุนายน 2566
ป.ป.ช. แจ้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครบ 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 ได้กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
สำหรับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ให้ถือวันถวายสัตย์ปฏิญาณฯ เป็นวันเข้ารับตำแหน่ง ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ให้ถือวันปฏิญาณตนในที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นวันเข้ารับตำแหน่ง ต้องยื่นภายในกําหนดเวลา 60 วันหลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง แต่หากมีเหตุผลความจำเป็น อาจยื่นขอขยายระยะเวลาได้อีกไม่เกิน 30 วัน โดยชี้แจงเหตุของการยื่นบัญชีล่าช้าต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.และต้องยื่นคำขอก่อนวันครบกำหนด
การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องยื่นพร้อมเอกสารประกอบ ซึ่งเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งหลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา กรณียื่นเป็นเอกสารผู้ยื่นจะต้องลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องกำกับไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและสำเนาหลักฐานที่ยื่นไว้ทุกหน้า พร้อมทั้งจัดทำรายละเอียดของเอกสารประกอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นด้วย สามารถยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินได้ 3 ช่องทางคือ จัดส่งด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้บุคคคลอื่นจัดส่งแทน ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง หรือสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัด จัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ และยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินออนไลน์ผ่านระบบ ODS ซึ่งสะดวกรวดเร็ว เพียงเตรียมไฟล์และเอกสารประกอบให้อยู่ในรูปแบบ PDF โดยสามารถยื่นได้ที่ เว็บไซต์ https://asset.nacc.go.th
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
19 มิถุนายน 2566
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ศุลกากรแหลมฉบังเก็บภาษีครึ่งปีทะลุเป้ากว่า 172,028 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงผลประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.6 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.6 ต่อปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องนั้น
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า จากความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มกลับมาดีขึ้นตามทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวมส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ 8 เดือนของปีงบฯ 66 (ต.ค.65 – พ.ค.66) ของสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง สามารถจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น 172,028.777 ล้านบาท โดยจัดเก็บเป็นอากรศุลกากร ค่าธรรมเนียมและรายได้เบ็ดเตล็ดรวม 35,069.377 ล้านบาท และจัดเก็บรายได้แทนหน่วยงานอื่นๆ (ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย) รวม 136,959.399 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เป็นหน่วยงานจัดเก็บรายได้ราว 40% ของรายได้ที่กรมศุลกากรจัดเก็บได้ และในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้กว่า 458 ราย รวมมูลค่าการจับกุมกว่า 620,207,417.66 บาท อาทิ ใบคัตอบแห้ง 5,600 กก., เมล็ดฝิ่น 26,000 กก., โซเดียมไซยาไนด์ 220,000 กก., กรดซัลฟูริก 131,670 กก., บุหรี่ละเมิดเครื่องหมายการค้า 31,090,000 มวน, เนื้อและชิ้นส่วนสุกร น้ำหนักราว 4,000,000 กก. เป็นต้น
นายประสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่บนพื้นฐานของ “การอำนวยความสะดวกทางการค้าควบคู่กับการควบคุมทางศุลกากร” และในไม่ช้านี้จะบูรณาการร่วมกับกองสืบสวนและปราบปราม นำเรือตรวจการณ์ศุลกากรเข้าประจำการในเขตกำกับดูแลของท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปกป้องพื้นที่ชายฝั่งทะเลและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป
“อะเมซิ่ง มูติเวิร์ส เปิดจักรวาลสายบุญ” เสริมสิริมงคลชีวิต กระตุ้นนักท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าชุมชน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยถึงข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่าในปี 2562 การท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบสูงสุดถึง 10,800 ล้านบาท ทำให้การท่องเที่ยวเชิงศรัทธามีแนวโน้มในการเติบโตแบบก้าวกระโดดโดยคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 10 ปี จากมูลค่ากว่า 13.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40.9 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2576
ททท. จึงได้จัดทำโครงการ “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ” นำเสนอภายใต้แนวคิด “เปิดจักรวาลสายบุญ” มุ่งเน้นนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมายให้แก่นักท่องเที่ยว โดยจะมีการรวบรวมสินค้าท่องเที่ยวกลุ่มศรัทธาความเชื่อและภูมิปัญญาที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของประเทศไทย ประกอบด้วย ศาสนสถานวัดสิ่งเคารพและศรัทธา วัฒนธรรมและภูมิปัญญา และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งกำหนดนำเสนอผ่านการจัดกิจกรรม“อะเมซซิ่ง มูติเวิร์ส : เปิดจักรวาลสายบุญ” ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคมนี้ ณ ลานสเเควร์ B หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ภายในงานแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ โซน 12 เส้นทางท่องเที่ยวเสริมพลังบุญหนุนพลังใจ เป็นการจำลองสิ่งศักดิ์สิทธิ์สักการะบูชาและเสริมสิริมงคล โซนตลาดสายมู โซนร้านค้า ร้านอาหารจาก 5 ภูมิภาคเข้าร่วมงาน และโซนกิจกรรมบนเวที เป็นการแสดงดนตรีผ่านศิลปินชื่อดัง
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดโครงการ “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ” เพิ่มเติมได้ที่ www.tourismproduct.tourismthailand.prg หรือ facebook fanpage : Tourism Product
20 มิถุนายน 2566
5 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนต่างชาติลงทุนในไทย เกิดการจ้างงานคนไทยเกือบ 3 พันคน
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม - พฤษภาคม 2566) ได้มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 274 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 45,392 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทย รวม 2,999 คน ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 37 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุด ยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิ บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ในช่วง 5 เดือนแรก มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 48 ราย คิดเป็นร้อยละ 18 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มูลค่าการลงทุน จำนวน 9,442 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักรและชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำนวยความสะดวกผู้เดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจย์ ประมาณ 3,200 คน
นางพาณินี ไชยสระแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายการท่าอากาศยาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวในโอกาสร่วมพิธีส่งและอำนวยพรผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2566 ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ณ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยคาดว่าในช่วงเทศกาลฮัจย์ประจำปี 2566 จะมีชาวไทยมุสลิมเดินทางออกจากประเทศไทย ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2566 ประมาณ 3,200 คน ด้วยสายการบิน Saudi Arabian Airlines ให้บริการเที่ยวบินไปยังราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย จำนวน 9 เที่ยวบิน ในส่วนของเที่ยวบินขากลับระหว่างวันที่ 26-31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวน 9 เที่ยวบิน เพื่อให้ผู้เดินทางไปแสวงบุญได้รับ ความสะดวก รวดเร็วในการใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ไว้รองรับผู้เดินทางไปแสวงบุญให้พร้อมใช้งาน อาทิ ห้องละหมาด บริเวณชั้น 3 อาคารผู้โดยสาร และภายในอาคารเทียบเครื่องบิน E ชั้น 3 และอาคารเทียบเครื่องบิน C ชั้น 2
นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสายการบิน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร และด่านควบคุมโรค โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้แสวงบุญให้ได้รับความสะดวกทั้งจัดช่องทางตรวจบัตรโดยสารสำหรับผู้แสวงบุญเป็นกรณีพิเศษ การอำนวยความสะดวกด้านการตรวจหนังสือเดินทาง การผ่านศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินระหว่างประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
21 มิถุนายน 2566
กรมการค้าภายใน จับกุมผู้ลักลอบขนกระเทียมเถื่อนกว่า 27,000 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท นำตัวส่งดำเนินคดีทันที
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ลงพื้นที่ติดตามและตรวจสอบการลักลอบขนกระเทียมเถื่อนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อนำมาจำหน่ายในตลาดสดพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยตรวจสอบพบการขนกระเทียมจากจากท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี รวมกว่า 27,000 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขนย้ายกระเทียมนำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้นำตัวพนักงานขับรถบรรทุก พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ดำเนินคดีแล้ว รวมทั้งได้ประสานกรมศุลกากรให้ดำเนินการตรวจสอบการขนย้ายดังกล่าวว่ามีการเสียภาษีนำเข้าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ได้แจ้งข้อกล่าวหา เป็นการกระทำการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เรื่อง การควบคุม การขนย้ายกระเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจสอบการขนย้ายกระเทียมดังกล่าว เป็นหนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำให้แก่สินค้ากระเทียม โดยเน้นการป้องปรามไม่ให้มีการขนย้ายนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา เกิดความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกร ขณะเดียวกัน กรมฯ ยังมีมาตรการช่วยดูแลราคากระเทียม โดยได้ช่วยรับซื้อกระเทียม หอมแดงและหอมใหญ่จากเกษตรกรไปแล้วกว่า 10,000 ตัน เพื่อให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น พร้อมเตือนผู้ประกอบการไม่ให้มีการลักลอบขนกระเทียมโดยผิดกฎหมาย รวมถึงผลผลิตเกษตรอื่นๆ เช่น ปาล์มน้ำมัน หากตรวจสอบพบการกระทำผิด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
รฟท. พร้อมเปิดสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ยกระดับเป็นแลนด์มาร์กการจัดกิจกรรมที่สำคัญของประเทศ
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯ มีนโยบายส่งเสริมและอนุรักษ์อาคารสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ให้เป็นแลนด์มาร์กทางมรดกสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศ ควบคู่การเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญของคนไทยจากอดีตก้าวไปสู่อนาคต การรถไฟฯ เตรียมเปิดพื้นที่สถานีกรุงเทพ เพื่อต่อยอดการจัดกิจกรรมให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชม เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของหัวลำโพง และระบบขนส่งทางรางของไทยให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับโลก หลังจากที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จหลายกิจกรรม อาทิ Hua Lamphong in Your Eyes , Unfolding Bangkok ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ที่มีการจัดแสดงแสง สี เสียง ดนตรี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีผู้เข้าร่วมงานสูงสุดกว่า 30,000 คนต่อวัน
นอกจากนี้ การรถไฟฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการนำรถจักรที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ หาชมได้ยากและมีความสวยงาม จำนวน 7 คัน มาจัดแสดงเป็นการถาวรที่สถานีหัวลำโพง บริเวณชานชาลาที่ 4 โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมเพื่อร่วมเรียนรู้วิวัฒนาการของรถจักรในประเทศไทย
ในอนาคต การรถไฟฯ ยังมีโครงการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนากิจการรถไฟไทย การจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ที่มีความสำคัญและทรงคุณค่าในอดีตภายในสถานีหัวลำโพง ควบคู่การให้บริการขบวนรถชานเมือง ขบวนรถท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละวันมีรถไฟให้บริการแก่ผู้โดยสารที่สถานีหัวลำโพงมากถึง 62 ขบวน ยืนยันไม่กระทบต่อการเดินทางของประชาชน
22 มิถุนายน 2566
กรมศุลกากร จับกุมการลักลอบนำเข้ากระเทียมกว่า 12,000 กิโลกรัม พื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฯ ร่วมกันตรวจค้นรถบรรทุกสิบสองล้อ บรรทุกสินค้าต้องสงสัย บริเวณ ถนนวิจิตรนคร ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ พบสินค้าเกษตรประเภทกระเทียมสดบรรจุกระสอบ ไม่ปรากฏเอกสารหลักฐานแสดงการผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง จำนวน 600 กระสอบ น้ำหนักรวม 12,000 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท จึงได้ยึดของกลางทั้งหมดและแจ้งเจ้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อดำเนินการต่อไป
กรณีดังกล่าว ถือเป็นการช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ซื้อ หรือรับไว้ โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 จึงเป็นความผิดตามมาตรา 246 ประกอบมาตรา 165 166 และ167 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560
สำหรับสถิติในการจับกุมสินค้าเกษตรประเภทกระเทียมและหอมหัวใหญ่ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 - พฤษภาคม 2566 มีจำนวน 355 ราย น้ำหนัก 513,208 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 16.5 ล้านบาท โดยกรมศุลกากรจะให้ความสำคัญกับการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร เพื่อสร้างสมดุลทางการค้า พร้อมทั้งปกป้องและส่งเสริมเกษตรกรไทยต่อไป
23 มิถุนายน 2566
“อะเมซิ่ง มูติเวิร์ส เปิดจักรวาลสายบุญ” เสริมสิริมงคลชีวิต กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. จัดทำโครงการ “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ” นำเสนอภายใต้แนวคิด “เปิดจักรวาลสายบุญ” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมายให้แก่นักท่องเที่ยว โดยจัดกิจกรรม“อะเมซิ่ง มูติเวิร์ส เปิดจักรวาลสายบุญ” ระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. – 2 ก.ค. 66 ณ ลานสเเควร์บี หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดพื้นที่รวมตัวพลังสายบุญของเมืองไทยมาไว้ในงานเดียวกัน พร้อมผลักดันให้การท่องเที่ยวเชิงศรัทธาเป็นซอฟต์พาวเวอร์(F-Faith) ตัวที่ 6 ของไทยคาดทั้งปี 66 สร้างรายได้หมุนเวียน 1.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับนักท่องเที่ยวประเทศหลัก 5 ที่นิยมท่องเที่ยวเชิงศรัทธา ได้แก่ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง อินเดีย และหลายๆ ประเทศเชื่อสายจีนที่มีความคล้ายกันกับไทย การท่องเที่ยวมูเตลู หรือการท่องเที่ยวเชิงศรัทธากำลังได้รับความสนใจของตลาดโลกในปัจจุบันและประเทศไทยก็เป็นจุดหมายปลายด้านการท่องเที่ยวที่เปี่ยมด้วยวัฒนธรรม ตอบโจทย์การท่องเที่ยวสายศรัทธาได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดโครงการ “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ” เพิ่มเติมได้ที่ www.tourismproduct.tourismthailand.prg หรือ facebook : Tourism Product หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center โทร.1672 Travel buddy
"พลอยได้..พาสุข" สนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์จากกากอุตสาหกรรม
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ. จัดกิจกรรม “พลอยได้ พาสุข” ซึ่งเป็นโครงการจำลองธุรกิจที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน หรือบุคคล ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการนำกากของเสีย หรือวัสดุพลอยได้จากภาคอุตสาหกรรม มาต่อยอดสร้างมูลค่าทำเป็นผลิตภัณฑ์ โดยครอบคลุม 54 พื้นที่ใน 39 จังหวัด ซึ่งวิสาหกิจชุมชนที่สมัครเข้าแข่งขันและผ่านเกณฑ์การคัดเลือก จะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถให้พร้อมสำหรับรอบชิงชนะเลิศ ทั้งทางด้านแผนธุรกิจและการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เน้นผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากของเหลือใช้จากอุตสาหกรรมสู่ผลิตภัณฑ์ ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดกระแสการแข่งขันทางธุรกิจสีเขียว
สำหรับผู้ที่ผ่านคัดเลือกหลังจากนี้อีก 6 เดือน กรอ. จะได้ติดตามความสำเร็จการนำแผนและโมเดลธุรกิจของทีมที่ได้รับรางวัลไปปฏิบัติและจัดทำเป็นตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จ เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนต่อไป
กรอ. มุ่งมั่นว่าจะให้การสนับสนุนในการจัดกิจกรรมรูปแบบนี้ในอนาคตต่อไป เพื่อเกิดการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 ต่อปี การเพิ่มขึ้นของรายได้ในพื้นที่ร้อยละ 20 ต่อปี ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดกากอุตสาหกรรม ร้อยละ 10 ต่อปี
สังคม
19 มิถุนายน 2566
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดี หลังร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง รวมระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร โดยนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ณ ศูนย์ซ่อมบำรุง พร้อมรับฟังสรุปภาพรวมการดำเนินงานที่ผ่านมาโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้รับผิดชอบโครงการ
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง โดยเดินทางจากศูนย์ซ่อมบำรุง สถานีศรีเอี่ยม ถึงสถานีลาดพร้าว เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สามารถดำเนินโครงการเปิดได้เต็มรูปแบบในวันนี้ (19 มิ.ย.) และขอให้ทุกคนใช้บริการด้วยความปลอดภัย ขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้ได้มีการวางแผนระบบเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้า ในอนาคตแบบใยแยงมุม รวมถึงการเร่งพิจารณา นำระบบตั๋วร่วม มาชำระค่าบริการให้ครอบคลุมทุกสายทาง สำหรับอัตราค่าโดยสารเริ่มต้น 15-45 บาท ค่ายกเว้นค่าแรกเข้ากรณีเปลี่ยนเส้นทางโดยสาร รวมถึงการให้บริการในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีกครั่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องให้รัฐบาลชุดใหม่มาดำเนินการต่อ
สำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง เป็นหนึ่งในโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในความรับผิดชอบของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ออกแบบให้เป็นระบบขนส่งมวลชนระบบรอง เพื่อขนส่งผู้โดยสารจากพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร และพื้นที่บางส่วนในจังหวัดสมุทรปราการ เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายหลักอื่นๆ วันนี้ได้เปิดให้บริการครบทั้ง 23 สถานี ตั้งแต่สถานีสำโรงถึงสถานีลาดพร้าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมขยายช่วงเวลาให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 21.00 น. เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนในช่วงเร่งด่วน
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีแนวเส้นทางผ่านย่านที่อยู่อาศัยและย่านธุรกิจสำคัญ เริ่มต้นที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว วิ่งไปตามถนนลาดพร้าว จนถึงแยกบางกะปิ และเลี้ยวขวาไปตามถนนศรีนครินทร์ ผ่านแยกศรีนุช ศรีอุดม ศรีเอี่ยม จนถึงแยกศรีเทพา เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเทพารักษ์ ไปสิ้นสุดที่จุดตัดถนนสุขุมวิท ที่สถานีสำโรง
ทีมนักประดิษฐ์ไทย คว้ารางวัลจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมระดับนานาชาติ
นางสาววิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. กล่าวว่า ในปีนี้ นับเป็นโอกาสที่น่ายินดีที่นักประดิษฐ์ไทยได้รับเหรียญรางวัลและ Special Prize ในผลงานที่เข้าร่วมการประกวดหลายรางวัล ได้แก่ Special Prizes on stage จากองค์กรนานาชาติ ในผลงานเรื่อง “เทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตรพื้นที่สูงควบคุมระยะไกลด้วยเครือข่าย 4G” โดยอาจารย์พิศิษย์ มิตรเกื้อกูลและคณะ จากสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ โดยได้รับรางวัลจาก World Invention Intellectual Property Associations (WIIPA Special Award) และ“กระบวนการสกัดกระเจี๊ยบเขียวเพื่อป้องกันการสร้างเมลานินใหม่และการพัฒนาตำรับเพื่อสร้างนวัตกรรมด้านความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า” โดย ดร.เดวิด มกรพงศ์ และคณะ จาก บริษัท อาร์แอนด์ดี รีเสิร์ช อินโนเวชั่นแอนด์ ซัพพลาย จำกัด โดยได้รับรางวัลจาก Macao Innovation and Invention Association (Leading Innovation Award)
พร้อมนี้ ประดิษฐกรรมและและนวัตกรรมของนักประดิษฐ์นักวิจัยไทย ยังคว้าเหรียญรางวัลจากเวที “The 6th China (Shanghai) International Invention & Innovation Expo 2023” ในประเภทต่างๆ ประกอบด้วย เหรียญทอง จำนวน 10 ผลงาน เหรียญเงิน จำนวน 4 ผลงาน และเหรียญทองแดง จำนวน 1 ผลงาน
เร่งฝึกทักษะอาชีพผู้มีรายได้น้อย หวังสร้างรายได้หมุนเวียนให้ชุมชน
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินโครงการพัฒนาทักษะแรงงานอิสระยุค 4.0 โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นแรงงานอิสระที่มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อมุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมในการเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้นผ่านการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน นอกจากมีการฝึกทักษะอาชีพแล้ว ผู้ผ่านการฝึกอบรมได้รับสิทธิ์รับมอบเครื่องมือและอุปกรณ์ต่อยอดในการประกอบอาชีพ เป็นการันตีว่าเป็นโครงการที่สามารถสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว โดยมีเป้าหมายดำเนินการฝึกอบรมจำนวน 31,500 คน ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 22,281 คน มีงานทำกว่าร้อยละ 88 และมีรายได้เฉลี่ย 8,384 บาทต่อเดือน ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ
ด้านนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ จะคัดเลือกหลักสูตรที่แรงงานสนใจและสามารถต่อยอดด้านการประกอบอาชีพในพื้นที่ได้ ซึ่งในแต่ละหลักสูตรที่จัดฝึกอบรมได้รับกระแสตอบรับที่ดีมีผู้สมัครเข้าเป็นจำนวนมาก และบางหลักสูตรมีผู้สมัครเกินกว่าที่กำหนดไว้ จึงต้องมีการเพิ่มจำนวนรุ่นในการอบรม
นอกจากนี้ ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม ยังได้รับเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อนำไปประกอบอาชีพด้วย นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ดีเป็นการติดอาวุธด้านทักษะอาชีพให้แก่ผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ การส่งเสริมให้กลุ่มเหล่านี้มีอาชีพเท่ากับเป็นสร้างรายได้หมุนเวียนให้เกิดขึ้นภายในชุมชน มีอาชีพหลากหลายมากขึ้นเพื่อบริการสังคม ลดทอนปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน
20 มิถุนายน 2566
เจริญพระพุทธมนต์ถวายพระกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี 4 กรกฎาคม 2566 กรมการศาสนา กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
โดยส่วนกลางร่วมกับวัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ ปลูกต้นไม้ในวันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. ส่วนภูมิภาคร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรม จัดกิจกรรมตามความพร้อมของแต่ละพื้นที่มีการประกอบพิธีเจริญนวัคคหายุสมธัมม์ นิทรรศการน้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณ กิจกรรมตามมิติทางศาสนาและพระกรณียกิจด้านศาสนา ในฐานะทรงอุปถัมภ์ทำนุบำรุงพระศาสนา และทรงดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พสกนิกรชาวไทย
พร้อมกันนี้ยังส่งเสริมให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมกันทำความดีถวายพระกุศล แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิตสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันหลักของชาติและเสริมสร้างความรักสามัคคีของประชาชนในชาติ พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกิจกรรมและน้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณ
แพทย์เตือนหญิงไทย หมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเอง หากตรวจเจอตั้งแต่ระยะเริ่มแรกรักษาหายขาดได้
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของหญิงไทย จากสถิติสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2559-2561 พบอัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านม 34.2 รายต่อประชากร 1 แสนคน หรือ 17,043 รายต่อปี เสียชีวิตวันละ 13 คน หรือ 4,654 คนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงควรให้ความสำคัญและใส่ใจตรวจเต้านมด้วยตนเองสม่ำเสมอ เข้ารับการตรวจคัดกรองค้นหาความเสี่ยงมะเร็งเต้านมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสรักษาให้หายและลดโอกาสการเสียชีวิต
ด้านแพทย์หญิงวิภาวี สรรพสิทธิ์วงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์เต้านม สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า อาการหรือสัญญาณเตือนมะเร็งเต้านมที่ผู้หญิงทุกคนสามารถสังเกตและตรวจหาความผิดปกติได้ด้วยตนเอง ได้แก่ การมีก้อนที่เต้านมหรือรักแร้ รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีรอยบุ๋ม ผิวหนังบวม แดงขึ้น หัวนมบุ๋ม หรือถูกดึงรั้ง มีผื่นหรือแผลที่เต้านมและหัวนม มีน้ำหรือเลือดไหลออกจากหัวนม หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
ส่วนวิธีการตรวจเต้านมด้วยตนเอง ทำได้ง่ายๆ โดยใช้วิธีการดู คลำ กด เพื่อสังเกตความผิดปกติของเต้านมควรทำเป็นประจำเดือนละครั้ง ทั้งนี้ การค้นพบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในเต้านมนั้นไม่ได้จัดเป็นมะเร็งทั้งหมด อาจเป็นเพียงถุงน้ำหรือเนื้องอกธรรมดาก็ได้ จึงรับการตรวจโดยบุคลากรทางการแพทย์ปีละครั้ง
แนะประชาชนดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน เลือกกินอาหาร ดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงหน้าฝนของประเทศไทยจะมีสภาพอากาศแปรปรวน อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ภูมิต้านทานลดต่ำลง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงวัย และผู้ที่เป็นโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง อาจติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้เป็นหวัด มีไข้ ไอ เจ็บคอได้ หากต้องออกไปนอกบ้าน ควรวางแผนการเดินทางและเตรียมตัว พกร่ม เสื้อกันฝน หรือหมวก ป้องกันไม่ให้เปียกฝน หรือควรเตรียมเสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยนกรณีจำเป็นต้องลุยฝน เพราะการอยู่ในสภาพเปียกชื้น หนาวเย็นจะทำให้การรักษาสมดุลต่างๆ ในร่างกายเสียไป ทำให้เป็นหวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ หรืออาจเกิดอาการปอดบวมแทรกซ้อนได้
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำท่วมขัง หากต้องเดินย่ำน้ำแต่ละวันเป็นเวลานานจะยิ่งมีโอกาสป่วยด้วยโรคที่มากับน้ำท่วมมากขึ้น เช่น โรคน้ำกัดเท้า อหิวาตกโรค โรคมือเท้าเปื่อย อันตรายจากเชื้อราต่างๆ เมื่อเข้าบ้าน ควรล้างมือและเท้าให้สะอาดทุกครั้ง
กรมอนามัย แนะควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถือเป็นอีกวิธีที่ดีในการดูแลสุขภาพเพราะสารอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานโรคเพียงพอ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนนี้ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เสริมด้วยสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น พริกไทยดำ หอมแดง ขิง กระเทียม และขมิ้น เพราะมีสรรพคุณ ช่วยไล่ไอเย็น เพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย ส่วนผลไม้ให้เน้นกินผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีประเภทส้ม ฝรั่ง มะละกอ สตรอเบอร์รี่ มะขามเทศ และมะขามป้อม ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดี มีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำมากๆ หรือดื่มน้ำอุ่นจะช่วยรักษาสมดุลอุณหภูมิในร่างกาย และช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ จากเหงื่อและปัสสาวะมากเกินไป
มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ 28 มิถุนายนถึง 2 กรกฎาคมนี้ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดโอกาสให้นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าพบ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประชาสัมพันธ์งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และการประชุมวิชาการประจำปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 20 วันที่ 28 มิถุนายน - 2 กรกฎาคมนี้ ที่อาคาร 11 – 12 และห้องประชุมฟีนิกซ์ 1 – 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันผลักดันการพัฒนาสมุนไพรไทยจนเป็นที่ยอมรับ ขณะนี้ได้กลายเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรองที่น่าเชื่อถือ พร้อมให้นำไปขยายต่อเกี่ยวกับพืชสมุนไพรคือ การสนับสนุนเกษตรกรปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกมาปลูกพืชสมุนไพร มีการสนับสนุนด้านการตลาด ส่งเสริมให้เกิดสินค้าชุมชน มีส่วนเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน
สำหรับการประชุมวิชาการประจำปี การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 20 จะดำเนินการทั้งในรูปแบบ On Site และ Online เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ประสบการณ์ ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านการแพทย์ทางเลือกและสมุนไพร และยังเป็นโอกาสในการส่งเสริมด้านการตลาด เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากสินค้าและบริการด้านสุขภาพ
ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การแสดงนิทรรศการและการสาธิต ภายใต้แนวคิด “สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจไทย นำเสนอในประเด็น นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความเป็นไทย ภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพและการบริการให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพ การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่ได้รับมาตรฐาน 240 ร้านค้า ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ปัญหาเยาวชนติดพนันออนไลน์ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันเร่งสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เด็กเยาวชนรู้เท่าทัน
รองศาสตราจารย์ แล ดิลกวิทยรัตน์ ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทาง กลุ่มแผนงานลดปัญหาจากการพนัน สสส. กล่าวถึงปัญหากลุ่มเยาวชนไทย อายุระหว่าง 15 -25 ปี ติดเกมและพนันออนไลน์กว่า 3 ล้านคน ว่า น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นปัญหากัดกินฐานรากของสังคมไทยส่งผลให้ขาดคนวัยทำงาน ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากสภาพแวดล้อมและการเข้าถึงได้ง่าย และพนันออนไลน์เติบโตเร็วมากทำให้มาตรการและกฎหมายยังตามไม่ทัน ขณะที่ปัจจุบันภาครัฐยังไม่ได้ตื่นตัวกับปัญหาดังกล่าวมากนัก โดยที่ผ่านมา สสส. ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนดำเนินการแก้ปัญหากลุ่มเยาวชนติดพนันออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาการติดพนันออนไลน์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงทำลายอนาคตของชาติและยังส่งผลให้เยาวชนเกิดภาวะซึมเศร้า ดังนั้น สสส. จึงพยายามส่งเสริมให้เยาวชนเรียนรู้ความเป็นจริง รู้ถึงผลเสียและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น การเปิดให้คำปรึกษาแก่เยาวชนและการส่งความรู้ให้กับผู้ปกครอง ครู และคณะสงฆ์ เพื่อเข้าไปพูดคุยให้ความรู้กับกลุ่มเยาวชน
สำหรับการแก้ปัญหาที่สำคัญ นอกจากผู้ปกครองจะต้องช่วยกันดูแลบุตรหลานแล้ว ขณะที่ภาครัฐจะต้องตระหนักและให้ความสนใจปัญหา โดยต้องกวดขันติดตามปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย
21 มิถุนายน 2566
ประกันสังคม ชี้แจงกรณีสิทธิกรณีทันตกรรมไม่ต้องสำรองจ่าย 900 บาทต่อปี ในแอปพลิเคชัน SSO Connect ยอดเป็นศูนย์
นางนิยดา เสนีย์มโนมัย โฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า จากกรณีผู้ประกันตนใช้แอปพลิเคชันของสำนักงานประกันสังคม ที่ชื่อว่า SSO Connect แต่พบว่าสิทธิกรณีทันตกรรมของปี 2566 ยอดเป็นศูนย์ คือมีการใช้สิทธิไปแล้ว ทำให้ผู้ประกันตนหลายคนกังวลว่ามีการสวมสิทธิหรือไม่ เนื่องจากข้อเท็จจริงในปีนี้ยังไม่ได้ใช้สิทธิกรณีทันตกรรมแต่อย่างใดนั้น เรื่องนี้โฆษกสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงว่า ขณะนี้แอปพลิเคชัน SSO Connect อยู่ระหว่างการพัฒนาปรับปรุง ข้อมูลในระบบจึงยังไม่อัพเดท
หากผู้ประกันตนเกิดความไม่สบายใจ สามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th หรือตรวจสอบผ่านไลน์ประกันสังคม โดยแอดไปที่ @ssothai หรือตรวจสอบได้อีกช่องทางคือโทรสายด่วน 1506 กด 1 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับกรณีทันตกรรมสิทธิประกันสังคม ผู้มีสิทธิคือ ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ส่งเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 3 เดือน รวมถึงกรณีที่ลาออกจากงานหรือถูกเลิกจ้างแล้ว ประกันสังคมยังให้สิทธิคุ้มครองค่าทำฟันฟรีต่อให้อีก 6 เดือน สำหรับการขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และผ่าฟันคุด ในวงเงินไม่เกิน 900 บาทต่อคนต่อปี โดยที่ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อน รวมถึงยังสามารถเบิกค่าใส่ฟันเทียม หรือการทำฟันปลอมได้อีกด้วย
กทม.ยกระดับกล้องวงจรปิด เน้นเข้มงวดผู้ขับขี่ขึ้นทางเท้า ควบคุมระบบไฟจราจร
นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการ "ยกระดับคุณภาพกล้องวงจรปิด ป้องปรามขับขี่บนทางเท้า" ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) โดยเป็นการนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ในการตรวจจับการกระทำผิดความกฎหมายขับขี่บนทางเท้า ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ซึ่งห้ามมิให้ผู้ใด จอด หรือขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือล้อเลื่อน บนทางเท้า และกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจจับการกระทำความผิดจะใช้กำลังคนคือ เจ้าหน้าที่เทศกิจในการดักจับ เนื่องจากเป็นความคิดซึ่งหน้า ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการกระทบกระทั่งกันของผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่และในบางกรณีก็มีความไม่โปร่งใส
ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์มีการพัฒนาไปมาก ทำให้สามารถตรวจจับได้ดียิ่งขึ้น กรุงเทพมหานคร จึงนำระบบปัญญาประดิษฐ์มาใช้กับกล้อง CCTV ที่เดิมมีอยู่แล้ว และอาจมีการติดตั้งเพิ่มเติม โดย AI จากกล้อง จะตรวจจับการกระทำความผิดบนทางเท้าและสามารถประมวลผลป้ายทะเบียนผู้กระทำความผิด เพื่อดำเนินการปรับ หรือการเอาผิดทางกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นมีจุดนำร่องที่ได้นำ AI ไปใช้ในการตรวจจับการกระทำความผิดอยู่ 5 จุดด้วยกันคือ ปากซอยรัชดาภิเษก 36 หรือซอยเสือใหญ่อุทิศ มีสถิติจักรยานยนต์ขับขึ้นทางเท้า 2,921 ครั้ง ซอยเพชรเกษม 28 มี 1,338 ครั้ง หน้าโรงเรียนนิเวศน์วารินทร์ มี 619 ครั้ง ปากซอยเพชรบุรี 9 มี 49 ครั้ง บริเวณปั๊ม ปตท. เทพารักษ์ 9 ครั้ง โดยเป็นข้อมูลตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 20 มิถุนายนที่ผ่านมา และสำหรับสถิติรถจักรยานยนต์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายในการวิ่งขึ้นทางเท้า จัดประเภทได้เป็นรถจักรยานยนต์ทั่วไป 1,884 ครั้ง วินมอเตอร์ไซค์ 592 ครั้ง นอกจากนั้นจะเป็นไรเดอร์ที่ส่งอาหาร ส่งสินค้าและส่งพัสดุ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่นำมาปรับใช้จะเปลี่ยนการทำงานของ กทม ให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้นและอาจจะต้องมีการประสานงานกับกรมการขนส่งทางบก ในกรณีที่มีผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ยอมมารับทราบการกระทำความผิดและมีแผนในการนำระบบปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ มาใช้ในการควบคุมไฟจราจร โดยใช้วิเคราะห์ หนาแน่นของรถยนต์บนท้องถนน ในการจัดการเส้นทางการจราจร ซึ่งจะช่วยให้การจราจรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า อาจต้องพิจารณาในจุดที่มีการเกิดเหตุขับขึ้นบนทางเท้าจำนวนมาก ว่าเกิดจากกายภาพของถนนหรือไม่ เช่น มีจุดกลับรถที่อยู่ไกล ซึ่งจะนำไปสู่การพิจารณาปรับปรุงกายภาพถนนในอนาคต แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้ออ้างในการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด
กระทรวงแรงงาน วางแนวทางแก้ปัญหาการทำงานของคนต่างด้าวให้สามารถอยู่ต่อ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอเกี่ยวกับการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่ แรงงานต่างด้าว MOU 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่วาระการจ้างงานครบกำหนด 4 ปี และแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งไม่สามารถจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางและการตรวจลงตราได้ทันภายในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้สามารถอยู่ต่อและทำงานเป็นการชั่วคราวได้ถึงวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
โดยแนวทางการจัดการดังกล่าว จะช่วยให้แรงงานสามารถจัดเตรียมเอกสารได้อย่างถูกต้องครบถ้วนตามขั้นตอนและเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ยังต้องการแรงงานเพื่อดำเนินกิจการในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและรองรับการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ ภายหลังรัฐบาลมีนโยบายขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเน้นย้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความคุ้มครอง ดูแลสิทธิตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม เชื่อมั่นว่า มาตรการที่สอดคล้องของรัฐบาล จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการและแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ภาคธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในระบบเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
22 มิถุนายน 2566
กทม. ดีเดย์จัดระเบียบผู้ค้าขายบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม 1 กรกฎาคมนี้
นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงการหารือด้านการจัดระเบียบผู้ค้าขายบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยมีการหารือทั้งทางคณะกรรมการของกรุงเทพมหานคร ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ค้าขายและประชาชน
โดยกรุงเทพมหานคร ต้องการจะคืนทางเท้าและพื้นผิวจราจรให้กับประชาชนที่ใช้เดินทางสัญจรในพื้นที่บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ย่านโบ๊เบ๊และย่านมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งจะมีมาตรการให้ผู้ค้าขายหาบเร่แผงลอยบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษมย้ายจุดค้าขายออกจากบริเวณดังกล่าวและมีเป้าหมายสำคัญในการปรับปรุงทัศนียภาพริมคลองผดุงกรุงเกษมให้สวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวและสามารถใช้เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของกรุงเทพมหานครได้ เช่น แผนการในการจัดกิจกรรมฤดูหนาวปลายปีนี้
ขณะนี้ยังคงมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ในการจัดระเบียบดังกล่าว แต่เชื่อมั่นว่าการจัดระเบียบจะเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชนและประชาชนจำนวนมากเห็นพ้องกับการแก้ไขปัญหานี้ เพียงแต่ต้องมีการพูดคุยหารือกันอีกระยะ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดระเบียบในครั้งนี้ไม่ได้มองว่าผู้ค้าเป็นศัตรู แต่การปรับปรุงสถานที่ดังกล่าว เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและต้องการสร้างความตระหนักให้กับผู้ค้าขายว่า การค้าขายในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ มีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้นการปรับเปลี่ยนสถานที่และการย้ายสถานที่ค้าขายไปยังที่ที่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น เป็นการทำเพื่อผู้ค้าขายเองด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากมีการดำเนินมาตรการ จัดระเบียบพื้นที่ค้าขายแล้ว อาจพิจารณาสถานที่ให้ผู้ค้าขายบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ได้ใช้ชั่วคราว ก่อนจะมีการพิจารณาสถานที่อื่นๆ ที่มีความเหมาะสมยิ่งกว่า
ผู้มีรายได้น้อยได้รับการฝึกทักษะอาชีพ พร้อมเครื่องมือทำกิน สร้างรายได้วันละกว่า 1,000 บาท
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นหรือมีรายได้ที่มั่นคงนั้น จำเป็นต้องทำให้มีอาชีพ ซึ่งนั่นหมายถึงแรงงานกลุ่มนี้ต้องมีทักษะความรู้ เพื่อนำไปประกอบอาชีพต่อไป รัฐบาลสั่งการให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน จัดทำโครงการพัฒนาทักษะให้แก่ผู้มีรายได้น้อยตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2566 ปัจจุบันมีผู้ผ่านการฝึกไปแล้วกว่า 2.2 หมื่นคน มีรายได้ตั้งแต่ 500 ถึง 1,000 บาท อาชีพที่สร้างรายได้ได้ดี เช่น ซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า ช่างเชื่อม เป็นต้น โดยรัฐบาลมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย มีอาชีพและรายได้ที่เพิ่มขึ้น มุ่งหวังให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ด้านนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า การดำเนินโครงการดังกล่าว ได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่คัดเลือกหลักสูตรการฝึกให้เหมาะสมกับกลุ่มแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมกับเพศและอายุ เนื่องจากลักษณะทางกายภาพ มีผลต่อการนำความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพด้วย จึงต้องคำนึงเป็นพิเศษ อีกด้านหนึ่งคือ เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานหรือสร้างอาชีพได้จริง เช่น การทำบาริสต้ามืออาชีพ การตัดเย็บเสื้อผ้า การทำขนมอบ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ช่างเชื่อม ช่างไฟฟ้า ช่างปูกระเบื้อง ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า จากการติดตามผลบางส่วนพบว่าช่างที่สร้างรายได้ได้ดีหลังจากอบรม เช่น ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน สามารถรับงานมาซ่อมที่บ้าน สร้างรายได้ถึงวันละกว่า 1,000 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ผู้บริหารลงพืันที่ติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อย้ำกับเจ้าหน้าที่และให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพการฝึกเป็นอันดับแรก เกิดประโยชน์และสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง
23 มิถุนายน 2566
หนังสือที่ระลึกสดุดีพระเกียรติคุณสมเด็จพระสังฆราช รวบรวมบทความจากพระวรคติธรรม
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้ร่วมกับคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ และโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ จัดทำหนังสืออัฏฐธัมมปริทัศน์ รวบรวมบทความจากพระวรคติธรรม ในสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ทรงเป็นผู้มีวิสัยทัศน์นำพาพุทธศาสนิกชนถึงพร้อมด้วยทาน ศีล และปริจจาคะ สร้างสรรค์สิ่งดีต่อสังคม เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงในกระแสโลกาภิวัตน์และทรงเป็นผู้มีความเข้าใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้
โครงการจัดทำหนังสือที่ระลึก ในวาระทูลถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิทยาการเรียนรู้ เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ เพื่อเผยแพร่บทความวิชาการสดุดีพระเกียรติคุณด้านการศึกษาและวิทยาการเรียนรู้จากพระวรคติธรรมของสมเด็จพระสังฆราช เบื้องต้นได้มอบหนังสือดังกล่าวให้แก่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามนำไปแจกให้แก่ผู้ร่วมลงนามถวายสักการะหน้าพระรูปสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ และเผยแพร่ผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ทางเว็บไซต์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกด้วย
เชิญชวนร่วมประกวดภาพถ่าย “มหัศจรรย์ภาพถ่ายดาราศาสตร์” ชิงเงินรางวัลกว่า 160,000 บาท
นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. กล่าวว่า กิจกรรมประกวดภาพถ่าย “มหัศจรรย์ภาพถ่ายดาราศาสตร์” จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เปิดโอกาสให้นักดาราศาสตร์สมัครเล่นและผู้รักการถ่ายภาพจากทั่วประเทศได้แสดงฝีมือ โดยใช้ดาราศาสตร์เป็นโจทย์ ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเงินสดมูลค่ารวมกว่า 160,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ภาพถ่ายที่ได้รับรางวัลจะได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายดาราศาสตร์ภายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2566 และจะได้ตีพิมพ์ลงปฏิทินดาราศาสตร์ประจำปี 2567
สำหรับกติกาการแข่งขัน เป็นเยาวชนและประชาชนทั่วไป ไม่จำกัดเพศและอายุ สามารถส่งภาพได้ไม่จำกัดประเภทและไม่จำกัดจำนวน โดยต้องเป็นภาพที่ถ่ายด้วยตนเองเท่านั้น แบ่งประเภทภาพถ่ายดาราศาสตร์ออกเป็น 5 ประเภท ประกอบด้วย วัตถุในห้วงอวกาศลึก ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ วัตถุในระบบสุริยะ วิวธรรมชาติกับดาราศาสตร์ ปรากฏการณ์ที่เกิดในบรรยากาศของโลก
ผู้สนใจสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ ตั้งแต่บัดนี้ - 21 กรกฎาคม 2566 รับผลงานภาพถ่ายในรูปแบบไฟล์ดิจิทัลเท่านั้น สมัครทางออนไลน์ที่ https://event.narit.or.th/ สอบถามเพิ่มเติมโทร. 053-121268-9 ต่อ 305 (ในวัน-เวลาราชการ)
อย.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดคลังยาเสพติด ตรวจสอบกว่า 32 ตัน ก่อนนำไปเผาทำลาย
นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงการเปิดคลังยาเสพติดของกลาง เพื่อตรวจสอบยาเสพติดของกลางน้ำหนักรวมกว่า 32 ตัน มูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท ก่อนนำไปเผาทำลายครั้งที่ 56 ในวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายนนี้ ว่า ตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ว่าด้วยการตรวจรับ การตรวจพิสูจน์การเก็บรักษาการทำลาย การนำไปใช้ประโยชน์และการรายงานยาเสพติด พ.ศ. 2565 ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และก่อนจะเผาทำลายทุกครั้งต้องมีการ ตรวจสอบ เพื่อให้ทราบน้ำหนัก ลักษณะ ประเภทของยาเสพติด พร้อมสุ่มตรวจตัวอย่าง เพื่อยืนยันว่าเป็นยาเสพติดจริง ไม่ได้มีการสับเปลี่ยน
การเปิดคลังยาเสพติด เพื่อตรวจสอบยาเสพติดวันนี้ ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกอย่างถูกต้องโปร่งใส พร้อมต่อการส่งมอบให้ประธานคณะทำงานทำลายยาเสพติดของกลาง ด้านขนย้ายเพื่อนำยาเสพติดของกลางไปทำลาย ด้วยระบบควบคุมสารมลพิษที่เหลือจากการทำลาย ตามมาตรฐานสากล US epa ในการกำจัดขยะอุตสาหกรรมอันตราย ให้มั่นใจว่าไม่ก่อให้เกิดพิษต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ให้สามารถนำเถ้ายาเสพติจากการเผากลับสู่การใช้เป็นยาเสพติดได้อีก
สำหรับการเผาทำลายยาเสพติดครั้งที่ 56 ที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เป็นการเผาทำลายครั้งที่ 2 แนวรอบปีงบประมาณ 2566 มียาเสพติดของกลาง ที่จะถูกเผาทำลายครั้งนี้มาจาก 192 คดี น้ำหนักรวมกว่า 32,472 กิโลกรัม มากสุดเป็นยาบ้า น้ำหนักกว่า 20,680 กิโลกรัม รองลงมาคือ ยาไอซ์ กว่า 5,942 กิโลกรัม คาทีน (นอร์ซูโดอีเฟดรีน) และคาทิโนน กว่า 5,006 กิโลกรัม คีตามีน กว่า 364 กิโลกรัม เฮโรอีน กว่า 275 กิโลกรัม เอ็มดีเอ็มเอ กว่า 85 กิโลกรัม โคเคอีน กว่า 43 กิโลกรัม ไนเมตาซีแพม กว่า 22 กิโลกรัม และฝิ่น กว่า 6 กิโลกรัม มูลค่ารวม 21,419 ล้านบาท
ปรับเปลี่ยนการโอนเงินบำนาญชราภาพให้ผู้ประกันตนแบบ “เดือนตรงเดือน” เริ่ม มิถุนายนเป็นต้นไป
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้เปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายประโยชน์ทดแทนบำนาญชราภาพให้กับผู้ประกันตน ได้รับสิทธิได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมโอนเงินให้ผู้มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพในเดือนถัดไป ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นโอนเงินของเดือนที่ได้รับสิทธิ ในวันที่ 25 ของทุกเดือน แต่หากวันที่ 25 ตรงกับวันหยุดราชการ สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินให้ในวันทำการก่อนวันหยุดราชการ ซึ่งถือเป็นการจ่ายแบบเดือนตรงเดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
สำหรับผู้ที่มีสิทธิรับบำนาญชราภาพรายเดิม จะได้รับเงินบำนาญชราภาพในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 เป็นจำนวน 2 เดือนคือ สิทธิของเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2566 ส่วนผู้มีสิทธิรับบำนาญชราภาพรายใหม่ที่ได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 4 ของเดือน จะได้รับสิทธิในงวดเดือนนั้น แต่หากมีการอนุมัติหลังวันที่ 4 ของเดือน จะได้รับสิทธิในเดือนถัดไปรวมงวดเดือนปัจจุบันอีกด้วย
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม อธิบายว่า เงินบำนาญชราภาพคือ เงินที่สำนักงานประกันสังคมจ่ายให้ผู้ประกันตนเป็นรายเดือนตลอดชีวิต โดยมีเงื่อนไขการเกิดสิทธิคือ ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง ผู้ประกันตนจะได้รับบำนาญชราภาพในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย หากส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน จะได้รับบำนาญชราภาพเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง ส่วนกรณีผู้มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพเสียชีวิตภายใน 60 เดือน (5 ปี) นับจากเดือนที่มีสิทธิ ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเป็นจำนวนเท่ากับจำนวนเงินบำนาญชราภาพที่ได้รับเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิตคูณด้วยจำนวนเดือนที่เหลือหลังจากผู้รับเงินบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายจนครบ 60 เดือน
หากผู้ประกันตนมีคุณสมบัติครบตามข้อกำหนด ของการขอรับเงินชราภาพดังกล่าวข้างต้น สามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนผ่านระบบ e-Self Service ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th และขอรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ลงทะเบียนด้วยเลขประจำตัวประชาชน หากมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ หรือสายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
ผู้ได้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ผ่านคุณสมบัติรอบแรก รีบยืนยันตัวตนที่ธนาคารภายใน 26 มิถุนายนนี้
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้ประกาศรายชื่อและเปิดให้ผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ดำเนินการยืนยันตัวตนที่ธนาคาร 3 แห่ง ผู้ผ่านคุณสมบัติยังยืนยันตัวตนได้ตลอด โดยดำเนินการที่ธนาคารกรุงไทยไม่มีกำหนดสิ้นสุด แต่ในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน จะเปิดให้ยืนยันตัวตนถึงวันที่ 27 สิงหาคมนี้เท่านั้น
ในกรณีของผู้ผ่านคุณสมบัติตั้งแต่รอบแรก ซึ่งกระทรวงการคลังเริ่มให้ยืนยันตัวตนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมา หากยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ จะยังได้รับสิทธิวงเงินสำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าเดือนละ 300 บาท ย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม ทำให้ผู้ที่จะเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 จะได้รับวงเงินส่วนนี้ทั้งสิ้น 1,200 บาท แต่หากยืนยันตัวตนหลังจากนั้น คือตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ซึ่งจะเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิวงเงินค่าซื้อสินค้า-อุปโภคบริโภคย้อนหลัง แต่จะได้รับเฉพาะวงเงินปกติตามสิทธิของเดือนที่เริ่มใช้สิทธิเท่านั้น
สำหรับผู้ผ่านคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประกาศผลและเริ่มให้ทยอยยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2466 เป็นต้นมา จำนวน 26,696 ราย หากยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ก็จะได้สิทธิวงเงินค้าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคย้อนหลัง 3 เดือนเช่นเดียวกัน และหากยืนยันตัวตนหลังจากนี้ไปจนถึง 26 กันยายน 2566 จะยังได้รับสิทธิในวงเงินค่าสินค้าอุปโภคบริโภคย้อนหลังอยู่ แต่หากดำเนินการหลังจากนั้น คือตั้งแต่ 27 กันยายนเป็นต้นไป จะไม่ได้รับวงเงินย้อนหลัง แต่ได้รับเฉพาะวงเงินปกติตามสิทธิของเดือนที่เริ่มใช้สิทธิเท่านั้น
เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานป้อนสู่ภาคเอกชน ลดผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยภาพรวมการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการจ้างแรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนตามมติคณะรัฐมนตรีและกลุ่มที่มีการเดินทางเข้ามาภายใต้การลงนามสนธิสัญญาการจ้างงานระหว่างรัฐต่อรัฐ (MOU) ทั้ง 3 สัญชาติคือ เมียนมา ลาว และกัมพูชา รวมประมาณ 2,700,000 คน แต่มีแรงงานต่างด้าวบางส่วนที่ครบอายุการทำงานแล้วไม่สามารถดำเนินการจัดหาเอกสารเพื่อต่อสัญญาได้ ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จนถึงปัจจุบันแรงงานกลุ่มดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรอย่างผิดกฎหมาย ทั้งนี้ภาคเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ หอการค้าไทย กลุ่มสมาคมผู้ก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรไทย เพื่อรองรับช่วงเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จึงขยายความร่วมมือในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวกลุ่ม MOU ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจึงสามารถนำเข้าแรงงานได้ถูกต้องตามกฎหมายตาม MOU
อธิบดีกรมการจัดหางาน ยังกล่าวถึงมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวกลุ่มที่เดินทางมาตามมติคณะรัฐมนตรี เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการที่มีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือจึงไม่สามารถดำเนินการได้ กระทรวงแรงงานโดยกรมการจัดหางานจะเร่งดำเนินการพิจารณาให้แรงงานผิดกฎหมายกลุ่มดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานให้สถานประกอบการต่างๆ สามารถดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไปเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งต้องรอรับแนวทางจากรัฐบาลชุดใหม่มาพิจารณา
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว