สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (5-9 มิถุนายน 2566)

สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (5-9 มิถุนายน 2566)
การเมือง/มั่นคง
5 มิถุนายน 2566
พรรคไทยสร้างไทย ประกาศผลักดันพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แก้ปัญหา PM2.5
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เนื่องในวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) โดยจะผลักดันให้มีการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อบังคับให้มีการเปิดเผยและจัดส่งข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงาน โดยภาครัฐต้องช่วยให้ความรู้ทางเทคนิคพร้อมบังคับใช้การเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) นโยบายการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ประกอบด้วย 2 มาตรการคือ มาตรการด้านการเกษตร ส่งเสริมให้เกษตรใช้เครืองมือแทนการเผาป่าเผาไร่และให้เกษตรกรปลูกไม้ยืนต้น ไม้ป่า ไม้หายากเพื่อทดแทนการเกษตรที่ต้องเผาตอซัง ส่งเสริมการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง (Wet & Dry) ช่วยลดก๊าซมีเทนในดินและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมาตรการด้านการจราจร การขนส่งสาธารณะและการเดินทาง โดยออกมาตรการทางภาษีให้สิทธิลดหย่อนภาษีและการหักค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกอบการที่สนับสนุนนโยบาย "สลับ-เหลื่อมเวลาการทำงานและเวลาเรียน" และนโยบายทำงาน หรือเรียนจากที่พักอาศัย (Work from home หรือ Learn from home) รวมทั้งออก "โครงการสร้างไทยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า" สามารถกู้เงินดอกเบี้ยต่ำไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้จำนวน 1 ล้านคัน เพิ่มการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ โดยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV และนโยบายสุดท้ายคือ ผลักดันการติดตั้ง Solar Rooftop ให้ฟรี และให้ใช้ไฟฟรี โดยรัฐบาบเป็นผู้ลงทุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการติดตั้ง Solar Rooftop ให้กับประชาชน การดำเนินการจะทำผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยการไฟฟ้าฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาระบบและทำการติดตั้งระบบบนหลังคาบ้านของประชาชนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเงินลงทุนทั้งหมดจะมาจากงบประมาณของรัฐไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 เป็นเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำที่กองทุนปล่อยกู้ให้การไฟฟ้าฯ ซึ่งการไฟฟ้าฯ จะต้องส่งคืนเงินต้นให้กองทุนในระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี สำหรับรายได้หลักของการไฟฟ้าฯ คือ ค่าไฟฟ้าที่ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาผลิตได้เฉพาะส่วนที่เกินจาก 210 หน่วย ที่ประชาชนมีสิทธิ์ใช้ไฟฟรี
ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ยื่นหนังสือถึงพรรคก้าวไกล ติดตามความคืบหน้าของนโยบายที่ทางกลุ่มได้นำเสนอ
วันนี้ ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล กลุ่มตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) ซึ่งมีองค์กรสมาชิกเครือข่ายสลัม 4 ภาค สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง มายื่นหนังสือสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นนายกรัฐมนตรีและสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลและอีก 8 พรรคร่วมรัฐบาล ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล
นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานกลุ่มพีมูฟ กล่าวกับสื่อมวลชน พร้อมทั้งแถลงการณ์เรื่องสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุดและติดตามนโยบายที่ทางพีมูฟได้เสนอต่อพรรคก้าวไกล เนื่องจากพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น สามารถผลักดันนโยบายที่พีมูฟเสนอให้เป็นจริงได้ ดังที่มีวาระว่าด้วย ความหลากหลายทางเพศ การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การปฏิรูปกองทัพ การสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า การปรับปรุงค่าไฟฟ้าเพื่อลดค่าครองชีพ การปฏิรูประบบการศึกษา เป็นต้น รวมถึงแสดงเจตจำนงที่ต้องการให้ กกต. เร่งรับรอง ส.ส. โดยเร็ว เพื่อจะได้มีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การดำเนินนโยบายในการบริหารประเทศ รวมถึงแก้ไขปัญหาต่างๆ นั้น สามารถเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วที่สุด
ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคในการรับคำร้องของ กลุ่มพีมูฟ กล่าวขอบคุณทางกลุ่มพีมูฟที่มาติดตามความคืบหน้าของนโยบายที่เสนอต่อพรรคก้าวไกล รวมทั้งกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพีมูฟในวันนี้ เป็นเหมือนเสียงสะท้อนของประชาชนอีกจำนวนมากที่ต้องการให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งพรรคก้าวไกลก็พยายามจัดตั้งรัฐบาลให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความเป็นธรรมมากขึ้นในสังคม
6 มิถุนายน 2566
รองนายกรัฐมนตรี ไม่แสดงความเห็นคดีสื่อไอทีวี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฟ้องร้องระหว่าง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กับบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ว่า รายละเอียดเรื่องนี้ตนเองไม่ทราบ ขอให้สอบถามจากปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมาผลัดกันแพ้และชนะหลายหน แต่ก็ยังมีคดีที่ค้างอยู่ ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง ตนเองไม่ทราบและไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลจะส่งผลกระทบต่อไอทีวี (itv) อย่างไร และหากชนะจะทำให้สถานะของ itv กลับมาเป็นสื่อได้หรือไม่ และนายวิษณุ ยังไม่ขอแสดงความเห็นภายหลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยอมรับว่าโอนหุ้น itv หมดแล้ว จะมีผลกระทบอย่างไรหรือไม่
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติการเซ็นรับรองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของหัวหน้าพรรค ไว้จริงๆ ซึ่งตามมาตรา56 หัวหน้าพรรคมีหน้าที่ออกใบรับรองให้กับสมาชิกพรรค แต่ในส่วนของหัวหน้าพรรคมีลักษณะต้องห้ามจำนวนมาก จึงต้องไปอิงกับรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ซึ่งมาตรา 98(3) เป็นเรื่องการถือหุ้นสื่อ และเป็นมาตราเดียวที่ไม่ได้นำมาบังคับใช้กับหัวหน้าพรรค ดังนั้นในส่วนของหัวหน้าพรรคไม่มีข้อห้ามการถือหุ้นสื่อ โดยกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรคซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร รวมถึงสมาชิกพรรค ถือหุ้นสื่อได้ แต่ผู้สมัคร ส.ส. ,นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมถึงว่าที่นายกรัฐมนตรีที่อยู่ในบัญชีถือหุ้นสื่อไม่ได้
ส่วนการที่พรรคก้าวไกล ออกข้อบังคับพรรคให้เทียบเท่าหรือเข้มข้นกว่ารัฐธรรมนูญ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของพรรคการเมืองและอาจต้องรับผลกระทบตรงนี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เป็นเช่นนั้น เนื่องจากพรรคก้าวไกลเขียนข้อบังคับเอง
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันการตรวจสอบรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงหากจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะตรวจสอบเอาผิดพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่ต้องการให้เกิดวัฒนธรรมรับผิดและรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหาร การใช้ประมวลกฎหมายมาตรา 44 เป็นต้น และหวังว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยินดีให้ตรวจสอบกระบวนการทำงานตลอดเวลาที่ผ่านมา ว่ามีการประพฤติผิดอำนาจหน้าที่ตั้งแต่รัฐบาลชุดแรกจนถึงรัฐบาลชุดที่ 2 นายกรัฐมนตรีจะยินยอมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบหรือไม่ หากสิ่งที่กระทำมีผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนหรือสิทธิอื่นๆ ต่อประชาชน ยืนยันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวและไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นเรื่องของระบบการบริหารที่จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 13 ราย
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 13 ราย อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 พบมีทรัพย์สินกว่า 4,411 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินของตนเอง กว่า 4,372 ล้านบาท และเป็นของคุ่สมรสกว่า 39 ล้านบาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่ เป็นเงินฝาก สิทธิสัมปทานและยานพาหนะ โดยเงินฝากเป็นของผู้ยื่นบัญชีจำนวน 13 บัญชี รวมกว่า 1,184 ล้านบาท และเป็นของคู่สมรส จำนวน 26 บัญชี เงินรวมกว่า 11 ล้านบาท ส่วนยานพาหนะ ผู้ยื่นบัญชีมีรถยนต์จำนวน 2 คัน เรือยนต์ 2 ลำ และเครื่องบิน 3 ลำ รวมมูลค่ากว่า 749 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินกว่า 15 ล้านบาท มาจากเงินเบิกเกินบัญชีและหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรายอื่นๆ เช่น นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 มีทรัพย์สินกว่า 75 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน นายเกียรติ สิทธีอมร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 พบว่ามีทรัพย์สินมากกว่า 237 ล้านบาท มีหนี้สินกว่า 325,000 บาท
7 มิถุนายน 2566
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและหัวหน้าพรรคก้าวไกล มั่นใจจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และไม่กังวลอุบัติเหตุทางการเมือง
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงกรณีสื่อมวลชนถามถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองส่งผลให้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะตกเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และพรรคเพื่อไทยจะเลือกใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ 8 พรรคให้ได้ และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองให้น้อยที่สุด โดยยังมั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ดังนั้นไม่อยากให้มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้
ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อุบัติเหตุทางการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกร้องเรียนถือหุ้นสื่อบริษัท ITV จำกัด(มหาชน) หรือกรณีอื่นที่ส่งผลกระทบและทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลไม่กังวลและไม่ประมาท โดยพรรคได้วางแผนรับมือเพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด มั่นใจจัดตั้งรัฐบาลได้
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ให้สื่อมวลชน สะท้อนความรู้สึกและความต้องการของประชาชนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หรือศาลรัฐธรรมนูญ เพราะอำนาจประชาธิปไตยเป็นของประชาชน และเห็นว่า กกต. เป็นเพียงผู้ช่วยให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม
คดีถือหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรคก้าวไกลอยู่ในชั้นการพิจารณารับหรือไม่รับคำร้อง
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีถือหุ้นสื่อ ITV หลังมีข่าวว่า กกต. ได้เสนอความเห็นต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กกต. พิจารณาแล้ววานนี้ (6 มิ.ย.66) โดยประธาน กกต. ระบุว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบกรณีการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ดังนั้น กกต. จึงมีหน้าที่ตามกฎหมายในการตรวจสอบคำร้องหรือเหตุอันควรสงสัยหรือมีการกระทำใดอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
โดยยืนยันว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารับคำร้องไว้ดำเนินการตามระเบียบหรือไม่เท่านั้น ยังไม่ได้พิจารณาว่ากรณีมีมูลตั้งคณะกรรมการไต่สวนหรือไม่แต่อย่างใด
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยอมรับยังไม่ได้ข้อยุติเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะหารือร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงกรณีหุ้นสื่อ ITV ว่า ต้องรอ กกต. ว่าแนวทางการพิจารณาเป็นอย่างไร ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้รับโอน เป็นเพียงแต่ผู้จัดการมรดก โดยมีหลักฐานชัดเจนในเรื่องนี้ ส่วนที่บอกว่ามีกระบวนการพยายามฟื้นฟู ITV เพื่อธุรกิจหรือเพื่อทางการเมือง ซึ่งผู้ใดอยู่เบื้องหลังนั้นไม่ทราบ แต่ยืนยันไม่น่ามีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนที่ดำเนินการโอนหุ้นให้ทายาทเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาในอนาคตและย้ำว่าในอดีตตามหลักที่ปฏิบัติมามั่นใจกรณีนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน
8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เห็นด้วยที่ กกต. จะเร่งรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส. เร็วกว่ากรอบเวลา 2-3 สัปดาห์
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล แถลงผลการประชุมร่วมกัน ว่า ได้ประเมินสถานการณ์การเมืองและกรอบระยะเวลาการจัดตั้งรัฐบาลและติดตามความคืบหน้าของคณะทำงาน ซึ่งได้ประชุมวาน (6 มิ.ย.66) โดยที่ประชุมวันนี้ หัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเร่งทำงานรับรอง ส.ส. ให้เร็วที่สุดร้อยละ 95 ซึ่งหากเป็นไปตามที่ประธาน กกต. เคยให้สัมภาษณ์ไว้จะเลื่อนเร็วขึ้น 2-3 สัปดาห์ จากครบกำหนดวันสุดท้ายในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ หากเลื่อนมาเร็วขึ้นทุกพรรคจะต้องจัดเตรียมความพร้อมในการจัดทำนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาและดูแลเรื่องเปลี่ยนผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพราะหากตั้งรัฐบาลได้เร็วจะได้บริหารจัดการงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นควรให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพิ่มอีก 2 คณะคือ คณะทำงานเกี่ยวกับการปฏิรูปประมง ที่เห็นเป็นเรื่องเร่งด่วนจะต้องดำเนินการ และคณะทำงานดูแลช่วงการเปลี่ยนผ่านของงบประมาณที่จะเข้าสู่ปีงบประมาณ 2567 โดยย้ำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังเดินหน้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับให้กับภาคเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังเห็นตรงกันให้กำหนดการประชุมครั้งต่อไป ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ที่พรรคไทยสร้างไทย เพื่อให้การติดตามความคืบหน้าการทำงานมีความต่อเนื่อง
นางสาวแพทองธาร เปิดเผยนายทักษิณ ประสานเดินทางกลับไทยไว้แล้ว แต่ขอประเมินสถานการณ์และความเหมาะสมอีกครั้ง
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการปรับรูปแบบพรรคเพื่อไทยว่า เบื้องต้นจะปรับวิธีการสื่อสารให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบันและให้รวดเร็วขึ้น
ส่วนกระบวนการเดินทางกลับประเทศไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า นายทักษิณ ประสานอะไรไว้แล้วบ้าง แต่ทราบว่า การวางแผนของนายทักษิณมีความคืบหน้าเป็นระยะ พร้อมยืนยันจะกลับมาเข้ากระบวนการตามปกติและอาจจะต้องประสานกับหน่วยงานรัฐตามขั้นตอน
ส่วนการเตรียมการของครอบครัว ขณะนี้ได้เตรียมพร้อมไว้เบื้องต้น ทั้งเรื่องความสะดวกสบาย ความปลอดภัยและยังต้องรอนายทักษิณให้สัญญาณว่าจะให้เตรียมการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ สำหรับกำหนดการกลับประเทศ เบื้องต้นคิดว่ายังเป็นเดือนกรกฎาคมตามเดิม แต่ต้องดูสถานการณ์การเมืองและเหตุการณ์ประเทศประกอบด้วย เพราะการกลับมาของนายทักษิณนั้นสำคัญ อยากให้กลับมาในช่วงเวลาที่ดี ไม่มีความขัดแย้ง โดยจะเน้นดูที่ความเหมาะสมมากกว่า
นางสาวแพทองธาร ยังมองว่า การกลับมาของนายทักษิณ ไม่ว่าจะอยู่ในรัฐบาลรักษาการของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือรัฐบาลไหนก็ไม่มีปัญหาเพราะจะกลับมาเข้ากระบวนการเข้ายุติธรรมอยู่แล้ว
8 มิถุนายน 2566
รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน 2566 ไม่ได้เอื้อต่ออดีตนายกรัฐมนตรี
นายวิษณุ? เครืองาม? รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน 2566 ว่าในกฎหมายไทยมีโทษอยู่ 5 อย่างคือ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน โดยการลงโทษแบบกักกันไม่ได้อยู่ในกฎหมายนี้ แต่เรียกว่า วิธีการเพื่อความปลอดภัยและไม่ใช่โทษ แต่ติดปัญหาว่าการกักกันจะใช้พื้นที่ใด กรมราชทัณฑ์จึงได้ออกระเบียบดังกล่าวมาใช้ในกรณีเช่นเด็กและเยาวชน ศาลสั่งกักกันจะที่บ้านกับผู้ปกครองได้ ซึ่งหลักการมีเพียงเท่านี้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่ขณะนี้มีหลายคน นำเรื่องนี้ไปโยงกับโทษ ที่นักโทษกลับเข้ามามอบตัว จะใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้ เนื่องจากถูกลงโทษ ไม่ใช่ถูกกักกัน
พร้อมชี้แจงกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาประกาศระเบียบดังกล่าวออกมา มีการโยงในประเด็นอื่นๆ ที่ไม่ถูกต้อง เช่น กรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีอำนาจปลดนายกรัฐมนตรีได้ ย้ำว่าเรื่องนี้มีการตั้งมานานแล้ว แต่ไม่มีอำนาจไปปลดใครได้ และข้อสำคัญคือ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เช่นเดียวกับกรณีมีการนำเรื่องดังกล่าวโยงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับประเทศ กล่าวว่า อย่าเอามาโยงกัน เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ประกาศนี้ควรจะออกมา 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ แต่พึ่งดำเนินการเสร็จจึงออกมาในช่วงนี้
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษทางการเมือง ว่าจะนักโทษการเมือง หรือไม่ใช่นักโทษการเมืองใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด คือจะขอเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าขอไปแล้วถูกยก จะขออีกต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะขอใหม่ได้ ซึ่งเป็นการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการส่วนตัว แต่หากเป็นขอพระราชทานอภัยโทษแบบครอบจักรวาลคือ การออกพระราชกฤษฎีกามาแล้ว กำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา ขณะนี้ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกานี้ ซึ่งอาจจะมีในปีหน้า แต่ย้ำว่าผู้ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ จะต้องรับโทษก่อน จึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ ซึ่งการขอพระราชทานอภัยโทษ จะใช้เวลาเท่าไหร่แล้วแต่กระบวนการ และไม่มีเวลากำหนด เรื่องนี้เป็นพระราชอำนาจ แต่หากเป็นการของพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกามีเกณท์คือ รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปี
ยืนยัน กกต.สั่งนับคะแนน?เลือกตั้งใหม่? 47 หน่วย ไม่กระทบไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาล?
นายวิษณุ? เครืองาม? รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง? หรือ กกต. ประกาศนับคะแนนการเลือกตั้งใหม่? 47 หน่วย ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ หลังพบผลคะแนนไม่ตรงจำนวนบัตรเลือกตั้งและผู้มาใช้สิทธิ ว่าไม่ส่งผลกระทบต่อไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาล เพราะ กกต. ต้องประกาศรับรองผลไม่เกิน 60 วัน ซึ่งก็คือวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ส่วนจะเร็วขึ้น 2 สัปดาห์อย่างที่พูดกันหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ?
รัฐบาลชุดใหม่สามารถรื้องบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจัดทำไว้ได้
นายวิษณุ? เครืองาม? รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการรื้องบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ? 2567 วงเงิน? 3 ล้าน 3 แสนล้านบาท? ของพรรคการเมืองที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาล? ว่า? ถือเป็นอำนาจของผู้ที่เป็นรัฐบาล ซึ่งก็มีนโยบายที่ต้องมาจัดลำดับในงบประมาณใหม่ เพราะงบประมาณขณะนี้เป็นงบประมาณที่รัฐบาลนี้จัดทำขึ้น เพราะต้องทำเตรียมไว้ แต่เวลานี้ได้ประกาศจะใช้นโยบายฐานศูนย์ ไม่ใช่เป็นวิถีที่รัฐบาลนี้ได้จัดนโยบายไว้ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลใหม่มาก็มีสิทธิ์รื้อได้
ขณะเดียวกัน ไม่ทราบว่าจะมีการรื้อ การจัดทำงบประมาณใหม่ทั้งหมดหรือไม่ เพราะไม่รู้นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่มีกี่ด้าน แต่ส่วนตัวมองว่าการเปลี่ยนเป็นเรื่องธรรมดา
9 มิถุนายน 2566
ประธาน กกต. ย้ำกรณีถือหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรคก้าวไกลยังอยู่ในขั้นตอนสืบสวนไต่สวน ว่าจะรับคำร้องหรือไม่
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้มีการยื่นคำร้องเข้ามา 3 คำร้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าจะรับเป็นคำร้องหรือไม่ ซึ่งหากรับคำร้องจะเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน การรวบรวมพยานหลักฐาน การเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำและสรุปความเห็นว่าคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนมีความคิดเห็นอย่างไร จากนั้นเสนอมาตามลำดับชั้นจนถึง กกต. ซึ่งขณะนี้กรณีของนายพิธา อยู่ในขั้นตอนของสำนักงาน กกต. จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องเพราะกระบวนการสืบสวนไต่สวนต้องใช้เวลา ส่วนหากรับคำร้องยืนยันไม่มีความจำเป็นที่จะไม่รับรอง ส.ส. ของนายพิธา โดยหากกระบวนการสืบสวนไต่ส่วนยังไม่แล้วเสร้จต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกร้อง ทั้งนี้ ยังย้ำว่า กกต. พร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่การทำงานต้องทำตามกฏหมายไม่สามารถละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ได้
ประธาน กกต. ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวว่า หากได้เข้าเป็นนายกรัฐมนตรีจะปรับปรุงองค์กรอิสระใหม่ ว่า ทุกคนมีสิทธิ์เสนอความเห็นและผลักดันให้เป็นไปตามนั้น ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับ กกต. ที่เป็นเพียงผู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า สโลแกนของ กกต. ไม่ได้เปลี่ยน แต่การปรับถ้อยคำให้ถูกต้องกับข้อความที่ใช้ในกฎหมายคือ การเลือกตั้งต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย
ประธาน กกต. เผยสัปดาห์หน้ามีความชัดเจนประกาศรับรอง ส.ส. ได้เมื่อไหร่
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงการสั่งนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้ง ว่า เนื่องจากจำนวนบัตรเลือกตั้งกับผู้มาใช้สิทธิ์ตรงกัน แต่ผลการนับคะแนนออกมาไม่ตรงกันจึงต้องสั่งให้นับคะแนนใหม่ โดยให้เร่งนับคะแนนใหม่และคาดว่าไม่เกิน 5 วัน จะแล้วเสร็จ เพื่อส่งผลมาให้ กกต. อีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าการนับคะแนนใหม่จะไม่ส่งผลต่อจำนวน ส.ส. เพราะทราบแล้วว่าจำนวนบัตรและผู้มาใช้สิทธิ์ตรงกัน แต่ให้นับใหม่เพื่อให้ทราบว่าคะแนนจะถูกต้องไหมและเกิดข้อผิดพลาดตรงจุดใด ยืนยันทุกอย่างทำตามกระบวนการกฎหมาย
ส่วนที่ไม่สามารถทยอยรับรอง ส.ส. ได้ เพราะกฎหมายกำหนดให้มีการประกาศพร้อมกันอย่างน้อยร้อยละ 95 ต่างจากการเลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมย้ำว่า ขณะนี้กระบวนการตรวจสอบรับรอง ส.ส. มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยมั่นใจการประกาศผลเลือกตั้งครั้งนี้จะเร็วกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนประกาศผลการรับรองได้เมื่อไหร่
ประธาน กกต. ยืนยันว่า การทำงานของ กกต. ไม่มีความกดดัน โดยเมื่อได้รับคำร้องก็ดำเนินตามกระบวนการ และย้ำ กกต. ไม่เป็นตัวถ่วงเพราะดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ หากการประกาศรับรองผลเลือกตั้งแล้วก็ไม่ตัดสิทธิ์ กกต. ในการพิจารณาคำร้องต่อไป
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
5 มิถุนายน 2566
กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวระบบแดชบอร์ดสินค้าไก่เนื้อ ใช้เป็นข้อมูลให้ผู้ประกอบการ วางแผนการผลิต การตลาด
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) และกรมปศุสัตว์ จัดทำแดชบอร์ดสินค้าเกษตร ภายใต้นโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ล่าสุดได้เผยแพร่แดชบอร์ดสินค้าไก่เนื้อ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เผยแพร่แล้วรวม 7 สินค้า ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทุเรียน กุ้งขาวแวนนาไม เพื่อใช้ติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งด้านการผลิต ราคา และการส่งออก และเปิดให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการวางแผนการผลิต การทำตลาด การทำธุรกิจ และการกำหนดนโยบายให้กับภาครัฐ โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ผ่านเว็บไซต์ www. คิดค้า.com
โดยผลการจากวิเคราะห์ของแดชบอร์ดสินค้าไก่เนื้อ พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อมากกว่า 3 หมื่นราย แต่ละปีมีผลผลิตไก่เนื้อประมาณ 3 ล้านตัน ส่วนใหญ่มาจากภาคกลาง โดย 3 จังหวัดแรก ที่มีผลผลิตสูงสุดคือ ลพบุรี กาญจนบุรีและชลบุรี ทั้งนี้ อุตสาหกรรมไก่เนื้อมีความสำคัญต่อประเทศ ทั้งด้านความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยไก่เป็นสินค้าเกษตรและอาหารส่งออกที่สำคัญลำดับต้นๆ ของไทย รองจากสินค้าเพียงไม่กี่รายการ เช่น ข้าวและทุเรียน
นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากแดชบอร์ดชี้ว่าไทยยังมีศักยภาพที่จะขยายตลาดส่งออกสินค้าเนื้อไก่ได้เพิ่มขึ้น โดยเนื้อไก่ปรุงแต่ง มีโอกาสสูงในตลาดฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เบลเยียมและเดนมาร์ก ขณะที่ชิ้นเนื้อและส่วนอื่นๆ สด แช่เย็น แช่แข็ง มีโอกาสสูงในตลาดฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เยอรมนี เนเธอร์แลนด์และเม็กซิโก และไก่ทั้งตัว สด แช่เย็น แช่แข็ง มีโอกาสสูงในตลาดซาอุดีอาระเบีย เยอรมนี อิหร่าน สหราชอาณาจักรและกาตาร์ เป็นต้น
รัฐบาลวางโครงสร้างพื้นฐานถนนเส้นประวัติศาสตร์ทางหลวงหมายเลข 12 เชื่อมต่อ 4 ประเทศอาเซียน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสำเร็จผลงาน ถนนสายเศรษฐกิจเส้นประวัติศาสตร์ ทางหลวงหมายเลข 12 สายกาฬสินธุ์-บรรจบทางหลวงหมายเลข 12 (บ้านนาไคร้) - อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่ง รองรับการเดินทางในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และจังหวัดมุกดาหาร และส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก
รัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมอย่างเชื่อมโยง โดยทางหลวงหมายเลข 12 แนวใหม่นี้ยังเชื่อมต่อ 4 ประเทศอาเซียนเข้าด้วยกัน โดยเริ่มจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ผ่านไปยังจังหวัดมุกดาหารเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไปสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในขณะที่อีกฝั่งสามารถวิ่งไปยังเมียนมาได้ รวมทั้งยังสามารถเชื่อมทะเลจีนใต้กับมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกันอีกด้วย ถือเป็นทางเศรษฐกิจใหม่ รวมทั้งยังเป็นทางลัดเชื่อมจังหวัดกาฬสินธุ์-มุกดาหาร ให้ประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและลดระยะการในการเดินทาง
นอกจากนี้ ทางหลวงหมายเลข 12 ยังเป็นเส้นทางสนับสนุนและรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สายเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก ช่วยกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค เพิ่มมูลค่าการค้าตามแนวชายแดน ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน
6 มิถุนายน 2566
ททท.ขับเคลื่อนกลยุทธ์มุ่งตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ คาดสร้างรายได้สู่ตลาดในประเทศ 880,000 ล้านบาท
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. เดินหน้าขับเคลื่อนแผนการส่งเสริมตลาด เพื่อผลักดันสู่เป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 2.38 ล้านล้านบาท สำหรับนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ ผ่าน 5 กิจกรรมส่งเสริมตลาดหลัก ได้แก่ China is back - มุ่งเจาะกลุ่มตลาดใหม่ในจีน พร้อมเพิ่มเที่ยวบินเพื่อรองรับความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน ควบคู่กับการส่งเสริมการเดินทางทางบก Digit Target เน้นกลุ่มตลาดศักยภาพในประเทศที่นักท่องเที่ยวเกิน 1 ล้านคน Color your life by Amazing Thailand - จัด Consumer Fair นำ Soft Power ไทยเข้าไปอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ Responsible Tourism – ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และ Second Tier, second to none เจาะกลุ่มเมืองรองในตลาดระยะใกล้ สำหรับตลาดระยะไกล เน้นการเพิ่มความถี่และที่นั่งสายการบินสู่เมืองหลักและเมืองรองในประเทศไทย
นอกจากนี้ ททท. มุ่งนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยว แบบ Luxury Experience ในกรุงเทพฯ จังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต รวมถึงสินค้าและบริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ควบคู่ไปกับการมุ่งนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ที่จุดหมายปลายทางคาร์บอนต่ำอีกด้วย
ททท.เชื่อมั่นว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ จะกลับสู่ร้อยละ 80 ของรายได้ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 โดยเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 880,000 ล้านบาท
7 มิถุนายน 2566
EXIM BANK ร่วมกับ NEXI คุ้มครองความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่นขยายการค้าการลงทุน
นายพสุ โลหารชุน ประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนา “EXIM Thailand and NEXI Collaboration : A New Chapter Begins” ว่า EXIM BANK ร่วมกับองค์กรรับประกันแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Export and Investment Insurance : NEXI) จัดงานสัมมนาดังกล่าวขึ้น เพื่อสนับสนุนความรู้ โอกาสและเครื่องมือทางการเงิน ทั้งสินเชื่อและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นให้เข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า หรือการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของต่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) ขยายตัวที่ร้อยละ 2.3 กัมพูชา ร้อยละ 5 และเวียดนาม ร้อยละ 8 โดยการขยายตัวแตกต่างกันตามโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับในปีนี้(2566) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) คาดการณ์ว่า สปป.ลาว เศรษฐกิจจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4 และกัมพูชา เศรษฐกิจจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.8 ขณะที่เศรษฐกิจของเวียดนามจะชะลอตัวลง ร้อยละ 5.8
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีความพร้อม ทั้งในเรื่องของค่าจ้างแรงงานราคาต่ำลง จำนวนผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคี รวมถึงการขยายตัวของชุมชนเมืองและการพัฒนาอุตสาหกรรม เสถียรภาพทางการเมืองและข้อตกลงการค้าเสรีระดับทวิภาคีและพหุภาคี ส่งผลให้สามารถดึงดูดผู้ประกอบการจากต่างประเทศทั่วโลกเดินทางเข้ามาลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ ตลอดจนใช้ตลาดต่างประเทศเป็นฐานการผลิตสินค้าและดำเนินธุรกิจบริการ รองรับการอุปโภคบริโภคภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศที่ 3 อาทิ จีนและอินเดีย ให้สามารถเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานการค้าโลกได้ในอนาคต
8 มิถุนายน 2566
ททท. ลงพื้นที่ตลาดอเมริกา ชู Soft Power ในงาน “Amazing Thailand Fest 2023” ต่อยอดส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวไทย
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ททท. จัดกิจกรรม “Amazing Thailand Fest 2023” ในรูปแบบ Consumer Fair เป็นการนำแบรนด์ Amazing Thailand เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งและใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยและมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยมุมมองใหม่ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการของพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว และ Soft Power ของไทยไปยังทั่วโลก ประกอบด้วย นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นครบาร์เซโลนา สเปน นครโอซาก้า ญี่ปุ่น และนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ประกอบกับ เมื่อวันที่ 3-4 มิถุนายนที่ผ่านมา ททท. ได้จัดกิจกรรม Amazing Thailand Fest 2023 in New York ณ World Trade Center นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการแสดงหุ่นละครเล็กการแสดงนาฎศิลป์ไทย การแสดงศิลปะการต่อสู้มวยไทยจากค่ายมวย การเดินแบบผ้าไทยและการสาธิตการทำอาหารไทย เป็นต้น
ขณะเดียวกัน จากสถิติด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในปีท่องเที่ยวไทย 2566 พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากตลาดภูมิภาคอเมริกา จำนวน 504,285 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา จำนวน 364,574 คน แคนาดา จำนวน 97,747 คน บราซิล 20,870 คน อาร์เจนติน่า9,645 คน ชิลี 5,911 คน และอื่นๆ 5,538 คน
ททท. จะเร่งผลักดันนักท่องเที่ยว จากภูมิภาคอเมริกาสู่เป้าหมายภาพรวม ปี 2566 จำนวน 1.3 ล้านคน และคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 80,000 ล้านบาท
9 มิถุนายน 2566
กรมการค้าต่างประเทศ เตือนผู้ประกอบการส่งออกทราย เตรียมพร้อมก่อนประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับใหม่
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ ทบทวนแก้ไขปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการส่งออกสินค้าทราย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าและเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจน ลดปัญหาการใช้ดุลยพินิจและลดความซ้ำซ้อนทางกฎหมายในการกำกับดูแลการส่งออก เนื่องจากปัจจุบันแร่ที่มีทรายเป็นส่วนประกอบได้กำหนดมาตรการภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2560 แล้ว ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ทรายเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2566 ซึ่งมีสาระสำคัญ กำหนดห้ามส่งออกทรายทุกชนิด ตามพิกัดศุลกากร 25.05 ยกเว้นกรณีส่งออกเป็นตัวอย่างหรือศึกษาวิจัย หรือนำติดตัวออกไปเพื่อใช้เฉพาะตัวในปริมาณไม่เกิน 2 กิโลกรัม หรือกรณีส่งออกไปเพื่อใช้ในยานพาหนะปริมาณให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จึงขอให้ผู้ประสงค์จะส่งออกสินค้าดังกล่าวศึกษาและทำความเข้าใจประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ซึ่งการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ดังกล่าว จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกฯ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ DFT Call Center โทร 1385
สังคม
5 มิถุนายน 2566
กรมทางหลวง แนะนำประชาชนโหลดแอป “NOSTRA” แจ้งพิกัดจุดพักรถบนทางหลวงทั่วประเทศ
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (5 มิ.ย.66) เป็นวันสุดท้ายของช่วงหยุดยาว คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและกลับจากการท่องเที่ยวจำนวนมาก ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางเป็นพิเศษ เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา ได้แจ้งเตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ขอให้ระวังผลกระทบจากฝนตกหนัก ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากการเดินทาง
ขอให้ประชาชนตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง รวมถึงตรวจสอบยานพาหนะ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
สำหรับผู้สัญจรบนทางหลวง สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “NOSTRA” เพื่อแจ้งพิกัดที่พักริมทางทั่วไทย 106 แห่งทั่วประเทศ โดยกรมทางหลวงได้นำข้อมูลตำแหน่งจุดบริการที่พักริมทางทั่วไทยจำนวน 106 แห่ง แสดงบนแผนที่ในแอปพลิเคชัน เพื่อแจ้งพิกัดให้ประชาชนทราบจุดที่สามารถจอดแวะพักรถ มีศาลาที่พัก ห้องน้ำสะอาดให้บริการ เป็นการสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนทางหลวง ป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน NOSTRA ทั้งระบบ IOS และ Android ได้ที่ App Store และ Google Play
รัฐบาลเชิญชวนประชาชนรักษาความสะอาดคูคลอง เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2566 ช่วยลดมลพิษ ส่งเสริมการท่องเที่ยว
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เร่งพัฒนา ปรับภูมิทัศน์ พลิกฟื้นชีวิตของประชาชนริมคลอง รวมทั้งน้อมถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ( รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงให้ความสำคัญกับน้ำและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ทั้งนี้ได้ริเริ่มปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลอง 4 คลอง ได้แก่ คลองคูเมืองเดิม เขตพระนคร คลองรอบกรุง เขตพระนคร คลองผดุงกรุงเกษม โดยมีผลงานสำคัญคือ คลองโอ่งอ่าง ที่ได้รับรางวัล 2020 Asian Townscape Awards เป็น 1 ใน 6 ประเทศ ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นต้นแบบการปรับปรุงภูมิทัศน์ที่เหมาะสมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ศิลปวัฒนธรรม ที่มีความสอดคล้องระหว่างภูมิทัศน์ของเมืองกับรูปแบบการดำเนินชีวิต
รัฐบาล ได้ริเริ่มให้พัฒนาระบบการเดินเรือไฟฟ้า ในคลองผดุงกรุงเกษมเพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะหลัก รถ ราง เรือ ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแรกในภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่มทางเลือกการเดินทางด้วยบริการเรือขนส่งสาธารณะ ช่วยลดมลพิษทางเสียงและปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 แก้ไขปัญหาการจราจร ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ
เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2566 ขอเชิญชวนประชาชน ร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการรักษาทัศนียภาพคูคลอง เพื่อความสะอาดของคูคลอง รณรงค์ไม่ทิ้งขยะมูลฝอยและไขมันลงในคูคลอง เพื่อลดมลพิษและช่วยระบายน้ำในหน้าน้ำหลาก แก้ไขปัญหาน้ำท่วมและส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
เปิดตัวดัชนีชี้วัดสถานการณ์ตลาดแรงงานตัวใหม่ ในงาน JOB EXPO THAILAND 2023
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า งาน JOB EXPO THAILAND 2023 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 8-10 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา นอกจากมีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้สมัครงาน นายจ้าง/สถานประกอบการ ได้พบกันและพิจารณาคัดเลือกกันโดยตรง และส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระที่อยู่ในความสนใจ ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อนำไปเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพ หรือสร้างรายได้เสริมแล้ว ยังมีโซนสำคัญคือ โซน “ส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำ” ที่รวบรวมกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยจัดแสดงสถานการณ์ตลาดแรงงานในปัจจุบัน ทิศทางความต้องการแรงงานในอนาคต พร้อมเปิดตัวดัชนีชี้วัดสถานการณ์ตลาดแรงงานตัวใหม่ ชื่อว่า”ตำแหน่งงานต่อผู้ว่างงาน” (Vacancy to Unemployment Ratio) ซึ่งใช้วัดความตึงตัวของตลาดแรงงาน ช่วยสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและส่งสัญญาณเตือนให้เตรียมรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีบริการแนะแนวอาชีพ แนะนำทักษะและเทคนิคเกี่ยวกับการสมัครงาน ให้คำปรึกษาด้านอาชีพ การแนะนำเส้นทางเข้าสู่ระบบราชการ ขั้นตอนการเข้ารับราชการ รวมถึงการรับสมัครสอบของส่วนราชการต่างๆ โดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและการแสดงนิทรรศการระบบส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
สำหรับผู้ที่ต้องการหางาน หาไอเดียสร้างรายได้เสริม หรือหาความรู้เท่าทันทิศทางตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต สามารถร่วมงาน JOB EXPO THAILAND 2023 ได้ระหว่างวันที่ 8-10 มิถุนายน 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.– 20.00 น. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา Hall EH 100 – 102 กรุงเทพมหานคร โดยสามารถลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อสะดวกในการสมัครงานให้รวดเร็ว ที่เว็บไซต์ jobit.doe.go.th/jobexpothailand2023 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน
พม. ดูแลเด็กที่ถูกกระทำรุนแรง เข้าคุ้มครองพยาน พร้อมฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด
นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เร่งฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจเด็กทั้ง 9 คนที่ถูกกระทำความรุนแรงในสถานสงเคราะห์เด็กจังหวัดสระบุรี ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยา รวมถึงได้พาไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อประเมินสภาพจิตใจ จากนั้นได้ให้สำนักงานคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พาเด็กทั้ง 9 ราย ไปคุ้มครองพยานพร้อมมอบหมายนักสังคมสงเคราะห์ช่วยให้คำแนะนำในการดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบต่อเด็กให้มากที่สุด
สำหรับการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมุ่งหมายไม่ให้เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและสภาวะทางจิตใจจากกระบวนการยุติธรรม ซึ่งได้จัดกิจกรรมรับฟังเสียงเด็ก แทนการถามปากคำเด็ก โดยคัดกรองเด็กที่ได้รับความรุนแรง เพื่อลดความบอบช้ำทางจิตใจของเด็ก รวมจำนวนทั้งสิ้น 106 คน จากจำนวนเด็กทั้งหมด 169 คน อีกทั้งมีการสอบปากคำผู้ใหญ่อีก 12 คน
เด็กส่วนใหญ่ในสถานสงเคราะห์ฯ มีสภาพจิตใจที่ดี สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ โดยมีทีมเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจที่มีนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาคอยดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด
6 มิถุนายน 2566
รับสมัครคัดเลือกชายไทยไปฝึกงานญี่ปุ่น ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ประกาศรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2566 ครั้งที่ 4 เฉพาะเพศชาย ในตำแหน่งผู้ฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิค ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง ระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม - 18 มิถุนายน 2566 และสอบคัดเลือก ณ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร
โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคฯ เดือนแรกจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 80,000 เยน หรือประมาณ 19,893 บาท ฟรี ค่าที่พัก ค่าน้ำ-ค่าไฟ และเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 36 จะได้ค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายญี่ปุ่น ทั้งนี้ เมื่อฝึกครบตามกำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงาน และเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 600,000 เยน หรือประมาณ 149,170 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย
สำหรับการฝึกงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่น ผ่านองค์กร IM Japan มีระยะเวลาฝึกปฏิบัติงานฯ สูงสุด 3 ปี (36 เดือน) ในประเภทอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง อาทิ งานหล่อกลึงโลหะ งานปั๊มขึ้นรูปโลหะ งานเชื่อม งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ งานบำรุงรักษาเครื่องจักร งานพ่นสี งานหล่อพลาสติก งานซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ งานแปรรูปอาหาร เป็นต้น
โดยจะมีสอบคัดเลือก ณ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร ด้วยวิธีทดสอบสมรรถภาพร่างกาย และสอบความรู้ความสามารถด้านภาษาญี่ปุ่น ผู้สนใจสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th โดยสามารถศึกษาวิธีการสมัคร คุณสมบัติผู้สมัครและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ที่เมนูข่าวประกาศรับสมัคร หัวข้อ ประกาศคณะอนุกรรมการจัดส่งผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานประเทศญี่ปุ่นฯ หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อที่ กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทร. 0 2245 9428 หรือ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ โทร.1506 กด 2 หรือ โทร. 1694
สอศ. แก้ปัญหาเชิงรุกของผู้เรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาอาชีวศึกษา
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) วางมาตรการแบบเข้มข้น ป้องกันผู้เรียนหลุดออกจากระบบ หรือเด็กออกกลางคัน ในการส่งเสริมผู้เรียนได้เรียนรู้ทักษะวิชาชีพและสามารถดูแลตนเองได้ โดยมอบหมายให้สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด (สอจ.) เป็นผู้กำกับติดตามและควบคุมพร้อมรายงานผล ได้แก่ การป้องกันไม่ให้ผู้เรียนหลุดออกจากระบบ ให้สถานศึกษาในสังกัดทั้งภาครัฐและเอกชนดึงผู้เรียนกลับเข้าสู่ระบบและปรับหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดรับกับบริบทของพื้นที่ สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ตามเงื่อนเวลาและสภาพของผู้เรียน เพื่อให้มีอาชีพและมีงานทำ
ขณะนี้ สอศ.ดำเนินเนินโครงการต่างๆ รองรับผู้เรียนที่หลุดออกจากระบบให้กลับเข้าเรียนในระบบ อาทิ โครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ ให้ผู้เรียนได้มีหอพักและมีทักษะวิชาชีพ โครงการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และการขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษาเพื่อคนพิการ รวมทั้งการผลักดันและขับเคลื่อนร่วมกับภาคีภาคเอกชน ในการพัฒนากำลังคนด้านวิชาชีพ 35 กลุ่มอาชีพ ให้ครอบคลุมสาขาอาชีพที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย การจัดการเรียนการสอนทวิภาคีร่วมกับสถานประกอบการ เพื่อรองรับการมีงานทำและมีทักษะตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ
กระทรวงสาธารณสุข รับปัญหาขาดแคลนแพทย์มีจริง เร่งแก้ปัญหามาต่อเนื่องนับ 10 ปี
นพ.ทวีสิน วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัญหากำลังคนไม่ได้มีเฉพาะแพทย์ แต่พยาบาล ทันตแพทย์ นักรังสีรักษาและวิชาชีพอื่นๆ ก็ขาดแคลน เพราะสถานการณ์แพทย์ในปัจจุบันประเทศไทยมีแพทย์ทั้งหมด 50,000-60,000 คน แต่ที่อยู่ในระบบสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มี 24,649 คน ดูแลประชาชนโดยเฉพาะสิทธิ์บัตรทอง 45 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 75 ของประชากร ทำให้แพทย์ในระบบกระทรวงสาธารณสุขมีภาระงานมาก แพทย์ 1 คนต้องดูแลประชาชน 2,000 คน มากกว่ามาตรฐานที่ควรเป็นคือ แพทย์ 3 คน ดูแลประชาชน 1,000 คน ทำให้แพทย์มีภาระงานค่อนข้างมาก แต่ไม่เท่ากันตามการกระจายกำลังแพทย์ของแต่ละพื้นที่
สำหรับการแก้ปัญหาขาดแคลนกำลังคนและปัญหาภาระงานแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขเดินหน้ามาหลายปีแล้ว โดยเน้น 4 เรื่องหลักคือ เพิ่มค่าตอบแทนให้สอดคล้องภาระงานและเศรษฐกิจ เพิ่มสวัสดิการ ด้วยการปรับปรุงบ้านพักแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวก เพิ่มความก้าวหน้า เรื่องการศึกษาต่อ การเลื่อนระดับ กำหนดตำแหน่งที่สูงขึ้น และลดภาระงานคำนึงถึง work-life balance ขยายกรอบอัตรากำลัง จาก 24,000 คน เป็น 35,000 คนในปี 2569 ซึ่งได้เร่งผลิตแพทย์คุณภาพทำมานับ 10 ปี และตั้งแต่ปี 2561 ได้ร่วมกับโรงเรียนแพทย์สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ผลิตแพทย์เพิ่มเป็นปีละกว่า 3,000 คน โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมผลิตด้วย 1 ใน 3 คือปีละ 1,000 คน และอาจหารือกับ ก.พ. ทำแซนด์บล็อกซ์ ทดลองจ้างแพทย์หลายแบบเข้ามา เช่น แพทย์ที่จบจากมหาวิทยาลัยเอกชน แพทย์ที่จบจากต่างประเทศ มาบรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สามารถบรรจุแพทย์ได้เต็มจำนวนพอที่แพทย์จะ work-life balance
7 มิถุนายน 2566
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ แจ้งเตือนคนไทย ที่จะเดินทางไปทำงานยูเออี อย่าหลงเชื่อโฆษณา อาจถูกหลอก
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ แจ้งเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปทำงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ที่อาจหางานจากสื่อสังคมออนไลน์ โดยขออย่าหลงเชื่อโฆษณารับสมัครงานที่ให้ค่าตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น หรือผู้โฆษณามักออกค่าตั๋วเครื่องบินและค่าวีซ่าให้ก่อน แต่ผู้เดินทางต้องมาชำระหนี้ภายหลัง ซึ่งมักเป็นจำนวนที่สูงกว่าที่บอกไว้ตอนแรก เมื่อเดินทางมาถึงยูเออี มักมีคนมารับตัวไปยังร้านผิดกฎหมาย ลักลอบขายบริการทางเพศ โดยผู้เดินทางมักถูกยึดหนังสือเดินทาง และหลายรายถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนวีซ่าที่ผู้จัดหาให้มักเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ซึ่งการทำงานโดยวีซ่าท่องเที่ยว ผิดกฎหมาย มีโทษปรับสูงถึง 50,000 ดีแรห์ม หรือประมาณ 473,000 บาท จำคุก และอาจถูกเนรเทศไม่ให้กลับเข้ายูเออีอีก หากถูกจับและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายยูเออี สถานกงสุลใหญ่ฯ ไม่สามารถก้าวก่ายกระบวนการทางกฎหมายของยูเออีได้ รวมถึงจะไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ ตามกฎหมายแรงงาน
สำหรับข้อควรปฏิบัติก่อนตัดสินใจไปทำงาน ควรตรวจสอบการโฆษณารับสมัครงาน ว่าบุคคล/บริษัทดังกล่าว เป็นผู้รับอนุญาตจัดหางานและได้รับอนุญาตโฆษณาจัดหางานตามระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการโฆษณาการจัดหางาน พ.ศ. 2561 หรือไม่ และศึกษาข้อมูลการทำงานในต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามช่องทางของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน
พม.ตั้งเป้าปีนี้หนุนผู้ประกอบการจ้างงานคนพิการกว่า 68,000 คน สร้างรายได้ พึ่งพาตนเอง
นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มีเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในทุกมิติ โดยเฉพาะการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของคนพิการตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการ โดยพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามมาตรา 33 กำหนดให้นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปจะต้องรับคนพิการเข้าทำงาน ไม่น้อยกว่า 1 คน มาตรา 34 นายจ้างที่ไม่ประสงค์จ้างคนพิการ ให้ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และมาตรา 35 ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะรับคนพิการเข้าทำงาน และไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ากองทุนฯ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการนั้น อาจให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาบริการ โดยวิธีกรณีพิเศษ เช่น ฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการ ซึ่งปี 2565 มีการจ้างงานคนพิการ จำนวน 63,904 คน
โดยปีนี้ (2566) มีเป้าหมายการจ้างงานคนพิการ จำนวน 68,234 คน ในขณะที่การส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ส่วนหนึ่งได้นำมาให้คนพิการกู้ยืมเงินประกอบอาชีพ เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้
ทั้งนี้ จึงต้องการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้สัมฤทธิ์ผลและบรรลุเป้าหมายของการเสริมสร้างสังคมที่ปราศจากอุปสรรค โดยไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ โดยผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมีความเข้าใจ มีทัศนคติที่ไม่มองว่าคนพิการเป็นอุปสรรคและเปิดโอกาสให้คนพิการได้พัฒนาความรู้ ความสามารถ และศักยภาพอย่างเหมาะสม
8 มิถุนายน 2566
ประชาชนหลากหลายวัยให้ความสนใจร่วมมหกรรมจัดหางาน Job Expo Thailand 2023 ครบจบในที่เดียว
บรรยากาศวันแรกของการจัดงาน มหกรรมจัดหางานระดับประเทศ Job Expo Thailand 2023 จัดโดยกระทรวงแรงงานร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนให้ความสนใจมาร่วมงานกันอย่างเนืองแน่นตั้งแต่เปิดงาน พบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนที่กำลังหางานทำเข้ามาสอบถามรายละเอียดตำแหน่งงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับไฮท์ไลน์ภายในมีตำแหน่งงานว่าง จากภาคเอกชน 29,000 อัตรา ตำแหน่งจากบริษัทจัดหางานในประเทศ 81,000 อัตรา มีตำแหน่งงานหลากหลายรองรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาใหม่ ผู้ว่างงาน คนพิการ ผู้สูงอายุ ประชาชนทั่วไปที่สนใจประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงตำแหน่งงานต่างประเทศ 50,000 อัตรา ซึ่งภาพรวมประชาชนสนใจสอบถามข้อมูลตำแหน่งงาน สวัสดิการ ค่าตอบแทน และสัมภาษณ์จบภายในงาน
โดยแยกโซนบริษัทด้านต่างๆ ให้เลือกสมัครอย่างสะดวก เช่น บริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ บริษัทด้านการสื่อสาร บริษัทด้านการผลิต การเงิน ประกันภัย ขายส่งและขายปลีก ด้านก่อสร้าง สุขภาพ และวิทยาศาสต์และวิชาการ
จากการสอบถามผู้สมัครงานส่วนใหญ่ระบุว่า ต้องการทำงานกับบริษัทที่มีความมั่นคง พร้อมชื่นชมการจัดงานที่รวบรวมบริษัทจำนวนมากให้เลือกสมัครและสัมภาษณ์ครบจบในที่เดียว มีงานให้เลือกทั้งงานประจำ งานพาร์ทไทม์ อาชีพอิสระ และส่วนใหญ่ต่างคาดหวังจะที่ได้งานจากการจัดมหกรรมครั้งนี้
ขณะที่บรรยากาศบริเวณโซนสาธิตประกอบอาชีพอิสระ ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานจำนวนมาก มีประชาชนหลากหลายวัยลงมือทำอาชีพอิสระที่ตนเองสนใจ ซึ่งมีให้เลือกมากถึงวันละ 30 อาชีพ สามารถนำไปต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เช่นเดียวกับโซนงานสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ ได้รับความสนใจมีการลงทะเบียนสมัครงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครงาน ภายในงาน JOB EXPO THAILAND 2023 ให้เตรียมพร้อมเอกสารประกอบการสมัครงานไปหลายๆ ชุด ทั้งสำเนาวุฒิการศึกษาประกาศนียบัตรการฝึกอบรมต่างๆ สำเนาใบผ่านงาน หรือใบรับรองการทำงานจากที่ทำงานเก่า รูปถ่ายและเรซูเม่ โดยร่วมมหกรรมจัดหางานได้จนถึงวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายนนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-20.00 น. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค Hall EH 100 – 102 กรุงเทพมหานคร
สภากาชาดไทย เชิญชวนบริจาคโลหิตช่วยชีวิตผู้ป่วย เนื่องในวันผู้บริจาคโลหิตโลก 2566
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันที่ 14 มิถุนายนของทุกปี กำหนดให้เป็นวันผู้บริจาคโลหิตโลก เพื่อเป็นวันแห่งการขอบคุณผู้บริจาคโลหิต ในประเทศไทยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2547 ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 19 วันผู้บริจาคโลหิตโลก 2566 จัดขึ้นภายใต้สโลแกน “Give blood, give plasma, share life, share often – ให้โลหิต ให้ชีวิต ให้ประจำ” เพื่อสร้างความตระหนักถึงการบริจาคโลหิต ให้มีปริมาณเพียงพอ ปลอดภัยสำหรับรักษาผู้ป่วยและเป็นการบริจาคอย่างยั่งยืน ระหว่างวันที่ 12-16 มิถุนายน 2566 โดยบริจาคโลหิต พร้อมรับเสื้อยืดวันผู้บริจาคโลหิตโลก 2566 ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิตแห่งชาติ 8 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ ถ่ายคลิปวิดีโอ Tiktok สร้าง Content “ A B O AB เพราะเลือดทุกหมู่มีความสำคัญ” ติด #WBDD2023 #วันผู้บริจาคโลหิตโลก2566 ลุ้นรับกระเป๋า “Give more Blood, Save more lives” จำนวน 20 รางวัล
ติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตและสื่อสารองค์กร โทร. 0 2256 4300, 0 2263 9600 ต่อ 1101, 1760, 1761
ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม “รัฐฯ ทบทวนสิทธิโอนเงินเข้าบัญชี 5,000 บาทภายในเดือนมิถุนายนนี้
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีมีการแชร์และส่งต่อข้อมูล “รัฐฯ ทบทวนสิทธิโอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 5,000 บาท ภายในเดือนมิถุนายนนี้” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ออกมาชี้แจงข้อมูลดังกล่าวว่า “เป็นข้อมูลเท็จ” ยืนยัน กระทรวงการคลังไม่มีนโยบายโอนเงิน หรือแจกเงิน 5,000 บาทเข้าบัญชีในเดือนมิถุนายนนี้ เป็นข่าวปลอมจากผู้ไม่หวังดี ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว โดยประชาชนสามารถตรวจสอบและรับข้อมูลข่าวสารจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ที่เว็บไซต์ www.cgd.go.th หรือโทร 02 127 7000 หรือผ่านทางแฟนเพจ กรมบัญชีกลาง
พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือประชาชน อย่าส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หากสงสัยหรือไม่แน่ใจในข้อมูล ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องจากหน่วยงานเจ้าของเรื่องหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน นำไปสู่การหลอกลวงสร้างความเสียหายแก่ประชาชน
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เข้าถึงการศึกษา
นายไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการสำนักงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มีหน้าที่สำคัญคือ การช่วยเหลือดูแลเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยช่วยเหลือกเด็กที่มีฐานะยากจนถึงยากจนเป็นพิเศษ ตั้งแต่ระดับประถมวัยจนถึงการศึกษาภาคบังคับ หรือช่วงอายุ 3-15 ปี โดยในปี 2565 ซึ่งหลังสถานการณ์โควิด -19 และกลับเข้าสู่การเรียนปกติ โดยกองทุนฯ สามารถช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เข้าถึงการศึกษา รวมกว่า 1,390,000 คน ด้วยการดูแลให้เงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขคนละ 3,000 บาท/คน/ปี มีการติดตามให้เด็กเข้ามาอยู่ในระบบการศึกษา ตามโครงการตามน้องกลับมาโรงเรียน และดำเนินการผลิตและพัฒนาครูในโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น ปีละ 300 คน เพื่อให้ไปสอนในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล โดยมีเป้าหมายบรรจุครูให้ครบทั้ง 1,500 โรงเรียน ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานภาคประชาสังคม ในการช่วยเหลือเด็กที่มีภาวะวิกฤติทางการศึกษาโดยมีความเสี่ยงที่จะหลุดจากระบบการศึกษา เช่น บิดามารดาเสียชีวิตจากโควิด -19 บิดามารดาตกงานขาดแคลนรายได้กว่า 100,000 คน สำหรับประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนที่อยู่ในระบบการศึกษาที่ผู้ปกครองมีรายได้ต่ำกว่ากว่าเส้นความยากจน หรือต่ำกว่า 2,700 บาท ประมาณ 2,500,000 คน โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลนำมาช่วยเหลือได้ประมาณ 1,800,000 คน แบ่งเป็นเด็กยากจนพิเศษ 1,300,000 ล้านคน และเด็กยากจนประมาณ 500,000 คน โดยมีช่องว่างประมาณ 700,000 คน ที่กองทุนต้องระดมทรัพยากรเพิ่มเติมจากภาคเอกชน และพยายามทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้เด็กได้อยู่ในระบบการศึกษา โดยกองทุนฯ จะดูแลเพื่อให้จบการศึกษาภาคบังคับเพื่อส่งต่อไปยังกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ได้ทำข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถเรียนต่อระดับต่อในระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าได้ก็จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป โดยเชื่อว่าหากเด็กเหล่านี้ก้าวข้ามกับดักความยากจนได้ จะส่งผลให้ประเทศไทยก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางได้
นอกจากนี้ กองทุนฯ ยังนำนวัตกรรมมาใช้ในการคัดกรองความยากจน โดยพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้ครูเยี่ยมบ้านโดยใช้สมาร์ทโฟนบันทึกภาพบ้านและการถือครองทรัพย์สิน มีการรับรองจากครู ผู้ปกครองและผู้นำชุมชน การใช้พิกัดจีพีเอส เพื่อนำมาคัดกรองเพื่อความเชื่อถือได้ สำหรับในปี 2566 นอกจากการดูแลความเสมอภาคทางการศึกษาแล้ว จะต้องได้เร่งแก้ภาวะถดถอยทางการเรียนรู้หลังหยุดเรียนที่โรงเรียนจากสถานการณ์โควิด -19 เป็นเวลานาน โดยต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูต่อเนื่อง ทั้งการฟื้นฟูทักษะการเรียนรู้ ทักษะพัฒนาการทางด้านร่างกายและทักษะด้านจิตใจให้เด็กเรียนรู้เข้าสู่สังคมและภาวะซึมเศร้า
9 มิถุนายน 2566
1 มิถุนายน 2566 จะไม่มีการจ้างแรงงานจากกัมพูชาและลาว ไม่เป็นความจริง
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เน้นย้ำว่าไทยให้ความสำคัญกับแรงงานต่างด้าวในไทย โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เนื่องจากกรณีที่มีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลว่าหลังจากวันที่ 1 มิถุนายน 2566 จะไม่มีการจ้างแรงงานจากกัมพูชาและลาว ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยทางกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานได้ออกมาชี้แจงให้ข้อมูลแล้วว่า เป็นเพียงแค่ปรับขั้นตอนการจัดจ้างแรงงานแบบถูกกฎหมาย ที่เข้ามาทำงานผ่าน MOU จากกัมพูชาและลาว เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นความต้องการแรงงานต่างด้าวกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักงานจัดหางาน กทม. พื้นที่ 1-10 โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่ส่วนกลาง (กรมการจัดหางาน) เพื่อความสะดวกรวดเร็ว แต่สำหรับแรงงานจากเมียนมา ยังจำเป็นต้องติดต่อผ่านกรมการจัดหางานอยู่
จากสถิติในไตรมาสที่ 1/2566 ของกระทรวงแรงงาน มีแรงงานต่างชาติในไทยจำนวน 2,743,673 คน ถือเป็นร้อยละ 6.92 ของจำนวนแรงงานทั้งหมดในไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยเฉพาะด้านกิจการก่อสร้าง เกษตรและปศุสัตว์ และกิจการให้บริการต่างๆ
อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้กล่าวเสริมเกี่ยวกับเรื่องสวัสดิการแรงงานต่างด้าวในไทย ว่าไทยได้พยายามดำเนินมาตรการดูแลคุ้มครองแรงงานต่างด้าวอย่างไม่เลือกปฏิบัติมาโดยตลอด ทั้งการส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในไทย โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับสิทธิเข้าถึงประกันสังคมและประกันสุขภาพด้วย การให้ความช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวและป้องกันการตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานบังคับและการใช้แรงงานเด็ก รวมถึงการพัฒนากฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. 2565 ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลยิ่งขึ้น หรือแม้แต่ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ไทยยังช่วยส่งเสริมให้แรงงานต่างด้าวเข้าถึงวัคซีนและการตรวจคัดกรองอย่างเท่าเทียมกับคนไทยด้วย
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว