สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (17-21 เมษายน 2566)

สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (17-21 เมษายน 2566)
การเมือง/มั่นคง
17 เมษายน 2566
กกต. แจ้งให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส. สามารถตรวจสอบรายชื่อของตัวเองได้แล้ว ตั้งแต่ 18 เมษายนนี้
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ซึ่งกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.- 17.00 น. เป็นวันเลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2566 โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้(18 เม.ย.) เป็นต้นไป จากช่องทางต่างๆ คือ ตรวจสอบรายชื่อจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ด้วยตนเอง ณ ที่เลือกตั้งศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการเขต ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล สำนักงานเทศบาล ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หรือเขตชุมชนใกล้บ้าน
ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ที่เว็บไซต์ ของสำนักบริหารการทะเบียน www.bora.dopa.go.th หรือผ่านแอปพลิเคชัน Smart Vote ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตรวจสอบจากหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน (ส.ส. 1/6) กรณีไม่พบชื่อ หรือมีชื่อผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้งปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อให้ยื่นแบบคำร้องแจ้งเพิ่มชื่อ -ถอนชื่อ ต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น
สำหรับการตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งผ่านระบบออนไลน์ สามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วเพียงกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลแสดงรายชื่อที่ตนมีสิทธิวันที่เลือกตั้ง จังหวัดและเขตที่มีสิทธิ สถานที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1444
18 เมษายน 2566
เตือนพรรคการเมืองหาเสียงขอให้อยู่ในกรอบนโยบายหากเกินจะผิดกฎหมาย มีเรื่องร้องเรียนแล้ว 32 เรื่อง
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ประจำจังหวัดนราธิวาส ขอให้ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 นราธิวาส ปลดป้ายหาเสียงที่มีข้อความ “ปัตตานีจัดการตัวเอง” เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงท้วงติงมาว่ากรณีนี้ถือเป็นการเข้าข่ายขัดต่อระเบียบหรือไม่ ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง แต่โดยหลักการแล้วผู้สมัคร ส.ส.จะหาเสียงเกินขอบเขตของการกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองไม่ได้ ซึ่งต้องดูในเรื่องนี้ด้วย
นอกจากนี้ ประเด็นหาเสียงเป็นสิ่งที่มีความเปราะบางในพื้นที่หรือไม่ โดยย้ำว่า นโยบายของพรรคการเมืองต้องเป็นไปตามมาตรา 57 ของพระราชบัญฐัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และมาตรา 74 ของพระราชบัญฐัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่กำหนดว่าในการหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองนั้นต้องไม่ขัดหรือแย้งกับแนวทางที่กำหนดเป็นนโยบายของพรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
แต่หากหาเสียงเกินกรอบถือเป็นความผิด โดยพรรคการเมืองสามารถชี้แจงต่อ กกต. ได้
ประธาน กกต. กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้งเข้ามาแล้ว 32 เรื่อง เช่น เรื่องร้องเรียนการหาเสียงหลอกลวงใส่ร้าย 15 เรื่อง และเรื่องร้องเรียนซื้อเสียง 8 เรื่อง ทั้งนี้หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจะพิจารณาไม่ได้ทันที เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการตามระเบียบสืบสวนไต่สวน โดยดูว่าคำร้องเป็นคำร้องตามระเบียบหรือไม่ หากเป็นตามระเบียบจะพิจารณาเนื้อหาคำร้องว่าเพียงพอหรือไม่ เมื่อรับคำร้องแล้วจะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนไต่สวนและส่งให้จังหวัด ก่อนส่งกลับมาขอความเห็นจากส่วนกลางอีกครั้ง ซึ่งต้องใช้เวลาเพราะกระบวนการวินิจฉัยคำร้องเป็นเรื่องกระทบสิทธิของทุกฝ่ายจึงต้องให้ความยุติธรรม ซึ่งการพิจารณาคำร้องส่วนใหญ่จะไม่ทันวันเลือกตั้ง เนื่องจากกระบวนการสืบสวนไต่สวนจะต้องมีการสอบถามพยาน ซึ่งคนที่สนใจสามารถอ่านคำวินิจฉัยของ กกต.เพื่อให้ทราบกระบวนการพิจารณาคดี
กกต. จัดสรรงบประมาณให้ กกต.จังหวัด ในการจัดทำป้ายไวนิลสนับสนุนการแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการผลิตป้ายแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาซิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายซื่อ บริเวณหน่วยเลือกตั้ง จำนวน 2 ผืน ในแต่ละหน่วยเลือกตั้ง
สำหรับการดำเนินการผลิตป้ายไวนิล มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการแนะนำผู้สมัศรรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แหนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้จดจำข้อมูลของผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ได้ง่ายและชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีแนวทางการจัดทำป้ายไวนิลสนับสนุนการแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแเบ่งเขตเลือกตั้ง และผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ จำนวนหน่วยเลือกตั้งละ 2 ผืน ประกอบด้วย ป้ายไวนิล เพื่อติดตั้ง ณ บริเวณด้านหน้าที่เลือกตั้ง และป้ายไวนิล เพื่อติดตั้งในที่เลือกตั้ง ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในระดับเหนือสายตาเมื่อมองจากคูหาลงคะแนนก็สามารถมองเห็นแผ่นป้ายไวนิลที่มีข้อมูลรายะเอียด เช่น ชื่อ สกุล รูปถ่าย หมายเลขของผู้สมัคร และพรรคการเมืองที่สังกัดอยู่หน้าคูหาเลือกตั้งของทุกหน่วยเลือกตั้ง ทั้งนี้ ป้ายไวนิลในส่วนของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
ประกอบด้วยข้อมูล คำนำหน้าชื่อ ชื่อตัว และชื่อสกุล ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมายเลขประจำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ชื่อพรรคการเมืองและเครื่องหมายของพรรคการเมืองที่สังกัดของผู้สมัครรับเลือกตั้ง รูปภาพของผู้สมัคร และข้อมูลในส่วนของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ประกอบด้วยข้อมูล ชื่อพรรคการเมือง หมายเลขของพรรคการเมือง และเครื่องหมายของพรรคการเมือง
ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Facebook แฟนเพจ "สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง" หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1444
19 เมษายน 2566
ตำรวจไซเบอร์ แนะวิธีสังเกตมิจฉาชีพปลอมบัญชีโซเชียลมีเดียเป็นคนรู้จัก ป้องกันถูกหลอกลวงยืมเงิน
พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. แจ้งเตือนภัยประชาชน กรณีมิจฉาชีพปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์เป็นบุคคลที่รู้จัก บุคคลในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท หรือบุคคลอื่น เพื่อหลอกลวงยืมเงิน หรือให้โอนเงินให้โดยอ้างเหตุผลต่างๆ
โดยสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 65 – 16 เม.ย.66 พบว่ามีประชาชนแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับการถูกหลอกลวงเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงินกว่า 8,342 เรื่อง หรือร้อยละ 3.48 ของจำนวนเรื่องการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด มีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 312 ล้านบาท
ขอฝากเตือนถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกลวง ปลอมเป็นบุคคลอื่นเพื่อหลอกยืมเงิน ตรวจสอบประวัติการสนทนาที่ผ่านมา เพื่อตรวจว่าเป็นบัญชีของบุคคลนั้นจริงหรือไม่ ตรวจสอบก่อนเพิ่มเพื่อนใหม่อย่างละเอียด ถ้ารับสายโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยแล้วถูกถามว่ารู้หรือไม่ว่าเป็นใครให้ยุติการสนทนาทันที ยืนยันตัวบุคคลก่อนโอนเงินไปให้ เช่น เปิดกล้องวีดีโอคอล สันนิษฐานได้ว่าเป็นมิจฉาชีพ หากบัญชีธนาคารปลายทางไม่ตรงกับบุคคลที่จะโอนเงินไปให้ หากหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วให้ติดต่อกับธนาคารเพื่ออายัดบัญชีคนร้ายทันที และระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก เพื่อป้องกันการถูกแฮก หรือเข้าถึงบัญชีสื่อสังคมออนไลน์
20 เมษายน 2566
เตือนจัดงานปาร์ตี้วันกัญชาโลกให้อยู่ในขอบเขตกฎหมาย พร้อมให้ตำรวจพื้นที่ทำความเข้าใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ
พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ในวันนี้ที่เป็นวันกัญชาโลก ที่มีการนัดหมายแสดงสัญลักษณ์ที่ถนนข้าวสาร โดยการนัดกันดูดบ้องกัญชานั้น ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีมาตรการในการดูแลความเหมาะสมและเรื่องดังกล่าว กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประสานกับผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ถนนข้าวสารไปก่อนหน้านี้แล้วและขอให้ทำทุกอย่างภายใต้กรอบของกฎหมาย สิ่งที่ถูกต้องสามารถดำเนินการได้ แต่หากมีสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี ซึ่งผู้ประกอบการและคนในพื้นที่ทราบกันอยู่แล้ว
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ได้กำชับให้ตำรวจท้องที่ไปดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนขอบเขตของการใช้กัญชาภายใต้กฎหมายของประเทศไทย เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศในการท่องเที่ยว
21 เมษายน 2566
ประธาน กกต. ชี้สีบัตรเลือกตั้งไม่ซ้ำกับสีพรรคการเมือง ตั้งเป้าลดบัตรเสียเหลือร้อยละ 1
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงบัตรเลือกตั้งว่า บัตรมี 2 ประเภทเลือกตั้งแบบแบ่งเขตจะเป็นสีม่วง ส่วนแบบบัญชีรายชื่อเป็นสีเขียว ซึ่งเรื่องของสีบัตรมีหลายคนสงสัยว่าทำไมต้องเป็น 2 สี ก็เพราะเวลาเราพิจารณาสีบัตรเราได้คำนึงถึงสีที่จะไม่ไปซ้ำกับสีที่พรรคการเมืองใช้ ฉะนั้นสีบัตรที่เราเลือกมาจะไม่มีความเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองใดจึงได้เป็น 2 สีนี้
ส่วนกรณีบัตรเลือกตั้งที่ต้องมีการอัดแน่นหมายเลขในกระดาษใบเดียวอาจจะเป็นอุปสรรคต่อผู้สูงอายุ นายอิทธิพร กล่าวว่า เท่าที่เห็นบัตรตัวอย่างตอนประชุม กกต. ก็ไม่ได้อัดแน่นมาก เพราะถ้าเกินจำนวนเราก็จะใช้กระดาษอีกขนาดหนึ่ง โดยหลักการถ้าในเขตเลือกตั้งนั้นมีผู้สมัครน้อยคนก็อาจจะเป็นกระดาษขนาดที่เหมาะสม หรือขนาด A4 แต่ถ้ามีจำนวนผู้สมัครเยอะก็อาจจะเป็นกระดาษขนาดที่ใหญ่ขึ้น ส่วนที่มีหลายคนกังวลเรื่องคอลัมน์ในบัตรช่องที่ต้องกาลงคะแนนทั้งคอลัมน์แรกกับคอลัมน์หลังจะทำคนสับสนหรือไม่นั้น เรื่องบัตรเลือกตั้งที่ทำมาในครั้งนี้ก็เป็นบัตรที่ทำมาในทำนองเดียวกับเลือกตั้งเมื่อปี 2554 และ 2557 ซึ่งช่วงนั้นก็จะมีบัตร 2 ใบแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อเหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และข้อกฎหมายที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
นายอิทธิพร ยังกล่าวถึงยอดบัตรเสียที่จะเกิดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า ตั้งเป้าให้เสียน้อยที่สุด ไม่เกินร้อยละ 2 ถ้าเป็นร้อยละ 1 ได้จะดีใจมาก ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเป็นร้อยละ 4 แต่ครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ ต่างจากครั้งที่แล้ว ก็เป็นความท้าทาย โดยกระบวนการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องก็ต้องทำให้มากยิ่งขึ้นและหน้าหน่วยเลือกตั้งก็จะมีบอร์ดประชาสัมพันธ์เป็นข้อมูลเบื้องต้น นอกเหนือจากประวัติของผู้สมัคร เช่น ข้อควรที่ต้องระวังไม่ไปถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งที่กาแล้ว อย่านำบัตรเลือกตั้งออกนอกหน่วย อย่าทำให้บัตรชำรุด
ขณะที่เรื่องบัตรเขย่งก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ และทราบดีว่าประชาชนให้ความสนใจ แม้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วไม่ถึงร้อยละ 0.01 แต่ กกต. ก็มีการอบรมกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง(กปน.)อย่างเข้มข้นว่าสิ่งที่พึงปฏิบัติไม่ให้เกิดบัตรเขย่งทำอย่างไร ดังนั้นหวังว่า จะไม่มีบัตรเขย่ง หรือถ้ามีก็ให้น้อยที่สุด
ไม่ขัดข้องที่นายกรัฐมนตรี จะเสนอเรื่องขอความเห็นชอบจะอนุมัติงบประมาณ บรรเทาผลกระทบค่าไฟฟ้าแพง
นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า หากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมทำเรื่องเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จัดทำรายละเอียด เพื่อขอใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชน จากปัญหาค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น จากสาเหตุหลายปัจจัย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนว่า หากนายกรัฐมนตรีส่งเรื่องมาพร้อมกับรายละเอียด ขอเงินงบประมาณที่จะใช้มา ก็สามารถดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประชุมต่อได้ทันที และเห็นว่าไม่น่ามีปัญหาเนื่องจากว่ากฎหมายในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 169 ได้ระบุไว้ชัดเจนถึงการขอใช้งบประมาณกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจะต้องขอความเห็นชอบที่จะอนุมัติการใช้งบประมาณดังกล่าวในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่แล้ว และเห็นว่าเรื่องดังกล่าวจะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมีกำหนดประชุมร่วมกันสัปดาห์ละ 3 วันอยู่แล้ว
กกต. กำลังศึกษานโยบาย 70 พรรค เตรียมส่งเข้าที่ประชุม กกต.พิจารณา หากพบเข้าข่ายหลอกลวง สามารถเอาผิดยุบพรรคได้
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองจำนวน 70 พรรคส่งรายละเอียดนโยบายหาเสียง ตามมาตรา 57 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองต่อ กกต.ว่า หลังจากนี้สำนักงาน กกต.จะต้องศึกษาว่าทั้ง 70 พรรคที่เสนอมามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งกระบวนการจะต้องทำโดยเร็ว โดยทราบว่าในสัปดาห์หน้าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ทั้งนี้ตามมาตรา 57 ระบุว่าถ้าหากเห็นว่าข้อมูลที่พรรคการเมืองส่งมายังไม่ครบถ้วน ก็จะให้โอกาสพรรคการเมืองส่งข้อมูลเพิ่มมาอีกครั้ง แต่หากส่งไม่ครบภายในระยะที่กำหนดจะปรับวันละ 10,000 บาท แต่ปรับไม่เกิน 500,000 บาท แต่ถ้าผลออกมานโยบายหาเสียงไม่ถูกต้องก็ถือว่าเข้าข่ายความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 73 (5) หลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เป็นเหตุให้นำไปสู่การพิจารณายุบพรรคได้ตามกฎหมาย แต่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่านโยบายหาเสียงที่ใช้เข้าข่ายความผิดหรือไม่
นายอิทธิพร กล่าวว่า หลักการพิจารณานโยบายพรรคการเมืองมีอยู่ 3 ข้อคือ มีการระบุวงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ ระบุความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย ระบุผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย เรื่องนี้จะต้องใช้องค์ความรู้หลายๆ ด้าน อาจจะใช้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้วยซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และมีความจำเป็น จะวินิจฉัยไปโดยไม่ได้ดูภาพกว้าง หรือฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญคงจะไม่ได้
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
17 เมษายน 2566
กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เตรียมโอนเงินงวดที่ 2 ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันพรุ่งนี้ เพื่อใช้จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับสวัสดิการของประชาชนให้ทั่วถึง โดยมุ่งแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งประสบความสำเร็จและมีกระแสตอบรับจากประชาชน ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.66) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จะได้โอนเงินงวดที่ 2 ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามกำหนดการโอนเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทุกวันที่ 1 , 18 และ 20 ของเดือน ผู้ที่ได้รับเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในงวดแรกคือ ทุกวันที่ 1 ของเดือนไปแล้ว ประชาชนที่ใช้สิทธิ์ สามารถใช้บัตรประชาชน สแกนจ่ายซื้อสินค้าได้วงเงิน 300 บาทต่อเดือน ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อ 3 เดือน วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อเดือน โดยไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้และไม่สะสมในเดือนถัดไป
ส่วนเงินที่โอนในงวดวันที่ 18 ของเดือน จะสามารถใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟได้ โดยจ่ายค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ซึ่งสามารถถอนเป็นเงินสดได้ และถ้าใช้ไม่หมดจะสะสมในเดือนถัดไป ส่วนงวดที่ 3 วันที่ 20 ของเดือนจะเป็นการโอนเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน ให้เฉพาะกับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ
ข่าวดี ฟิลิปปินส์ให้สัตยาบันความตกลง RCEP แล้ว ช่วยเพิ่มโอกาสผู้ประกอบการไทย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์ได้ยื่นสัตยาบันสารรับปฏิบัติตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนแล้ว เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสมาชิกประเทศสุดท้ายที่ให้สัตยาบันความตกลง RCEP หลังจากสมาชิก 14 ประเทศ ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เมียนมา เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ให้สัตยาบันความตกลงไปก่อนหน้านี้
โดยความตกลง RCEP จะมีผลบังคับใช้กับฟิลิปปินส์อย่างสมบูรณ์ ในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ และถือว่าสมาชิกผู้ก่อตั้ง RCEP ทั้ง 15 ประเทศ ให้สัตยาบันความตกลงครบแล้ว ทั้งนี้ การให้สัตยาบันความตกลง RCEP ครั้งนี้ จะส่งผลให้ฟิลิปปินส์ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรในกลุ่มสินค้าสินค้าประมง พลาสติก แก้ว และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ฟิลิปปินส์ยังไม่ได้เปิดตลาดภายใต้ FTA อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลีใต้ และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่จะสามารถเลือกใช้วัตถุดิบจากฟิลิปปินส์ในการผลิตสินค้า เพื่อส่งออกไปยังสมาชิก RCEP อื่นที่มิใช่อาเซียน รวมทั้งยังสามารถนำวัตถุดิบจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มาใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปฟิลิปปินส์ ซึ่งจะได้รับการลดหรือยกเว้นการเก็บภาษีศุลกากรภายใต้ RCEP ดังนั้น ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับกับฟิลิปปินส์ในอีก 2 เดือนข้างหน้า จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะสามารถขยายเครือข่ายการผลิตและการกระจายสินค้าในภูมิภาค RCEP ได้อีกด้วย
กรมการค้าต่างประเทศ ออกมาตรการเข้มงวดเฝ้าระวังการสวมสิทธิ แอบอ้างเป็นผลไม้ไทยแล้วส่งออกไปจีน
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมีนาคมซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูผลไม้ของไทย ได้รับแจ้งข้อมูลและได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มเกษตรกร ว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีลักลอบนำเข้าผลไม้หลายชนิด โดยเฉพาะทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งออกไปจีน โดยใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E เพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า โดยใช้ไทยเป็นฐานในการปลอมแปลงถิ่นกำเนิด ส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของผลไม้ไทยเป็นอย่างมาก
กรมฯ ได้เฝ้าระวังการสวมสิทธิผลไม้ไทยที่ส่งออกไปจีนอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดให้ผลไม้จำนวน 12 รายการ ได้แก่ (1) มังคุดสด (2) ทุเรียนสดและแช่แข็ง (3) ส้มโอสดหรือแห้ง (4) ลำไยสด (5) มะพร้าว (6) ขนุน (7) น้อยหน่า (8) สับปะรด (9) มะม่วง (10) กล้วย (11) ชมพู่ และ (12) เงาะ อยู่ในบัญชีรายการสินค้าเฝ้าระวัง (Watch-List) ซึ่งจะมีขั้นตอนในการพิจารณาออกหนังสือรับรองฯ ที่เข้มงวดและรัดกุมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในการส่งออกผลไม้ของไทยไปจีน ผู้ส่งออกจะต้องปฏิบัติตามประกาศกรมวิชาการเกษตร (กวก.) ที่กำหนดให้ผลไม้ที่ส่งออก ต้องมาจากสวนผลไม้หรือโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งจาก กวก. และสำนักงานศุลกากรของจีนแล้วเท่านั้น
สำหรับแนวปฏิบัติดังกล่าว เป็นการป้องกันการสวมสิทธิและการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าผลไม้ เพื่อให้ประเทศไทยได้รับความเชื่อถือและความมั่นใจจากประเทศคู่ค้า ว่าผลไม้ที่ส่งออกจากไทยเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดไทยจริง อีกทั้งยังช่วยรักษาความเชื่อมั่นในมาตรฐาน ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของผลไม้ไทยในตลาดโลก และหากพบว่ามีการปลอมแปลงหรือแสดงเอกสารอันเป็นเท็จ กรมฯ จะดำเนินคดีตามกฎหมายและเพิกถอนหนังสือรับรองฯ รวมถึงขึ้นบัญชีเป็นผู้ส่งออกที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการค้าระหว่างประเทศต่อไป
18 เมษายน 2566
อาหารสัตว์เลี้ยงมีโอกาสขยายตลาดส่งออกไปฟิลิปปินส์ แนะผู้ประกอบการคุมเข้มคุณภาพ มาตรฐาน
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยมีโอกาสส่งออกไปฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น จากแนวโน้มการเติบโตของประชากรที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ชาวฟิลิปปินส์ได้หันมาเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น ทำให้จำนวนการเลี้ยงสัตว์ในฟิลิปปินส์และตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตตามไปด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่าชาวฟิลิปปินส์ นิยมเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้า มากกว่าอาหารสัตว์ในเลี้ยงท้องถิ่น เนื่องจากเชื่อมั่นในคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพและเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย
ปัจจุบันอาหารสัตว์ของไทย ได้รับความนิยมในลำดับต้นๆ เพราะได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน โดยในปี 2565 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงไปยังฟิลิปปินส์มูลค่า 4,238.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.19 และคาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรใช้กลยุทธ์ผสมผสาน ทั้งการกำหนดราคาที่แข่งขันได้และการสร้างแบรนด์ โดยอาจร่วมกับคู่ค้าในฟิลิปปินส์จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ความตระหนักรู้ในแบรนด์สินค้าให้เป็นที่จดจำและต้องรักษาคุณภาพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจ ตรงตามที่ผู้บริโภคต้องการ จะทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้นและเป็นที่ต้องการมากขึ้น
คาดการณ์ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน ส่งผลให้เงินสะพัดถึง 3 ล้านล้านบาท
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากไม่ได้เล่นน้ำมา 3 ปี จากสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดต่างๆ เตรียมงานอย่างดี ซึ่งทางหอการค้าไทย ได้คาดการณ์ไว้แล้วจะมีเงินสะพัดถึง 125,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 17 และจะส่งผลต่อจีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 - ร้อยละ 0.7
ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย ไตรมาสแรกมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 6.5 ล้านคน ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจากจีน ดังนั้นจึงคาดว่าตลอดทั้งปี จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน และจะส่งผลให้มีรายได้เข้าประเทศถึง 3 ล้านล้านบาท ทำให้ธุรกิจบริการปรับตัวดีขึ้นทั้งระบบ รวมทั้งสินค้าเกษตร อาหารและภาพลักษณ์ของประเทศ
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ยังต้องดูที่ภาคการส่งออกด้วย ซึ่งเป็นปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่แน่นอนในประเทศต่างๆ ที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศตะวันตกชะลอตัวลง ดังนั้นการส่งออกปีนี้คาดว่ายังคงติดลบเหมือนกับปีที่แล้ว แต่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้ประชาชนตื่นตัว เนื่องจากแต่ละพรรคการเมืองนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในการหาเสียงต่างๆ ทำให้เงินสะพัด 8-9 หมื่นล้านบาท สินค้าประเภทคงทนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ฝากข้อเสนอแนะ เรื่องค่าไฟฟ้าของภาคเอกชนที่ยังสูงเกินไป ขอให้ทบทวนเรื่องค่าเอฟที งวดที่ 2 ที่แม้จะลดลงจากงวดแรก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะจะส่งผลให้สินค้าต้นทุนสูงขึ้นด้วย นอกจากนี้ อยากให้พรรคการเมือง จัดตั้งรัฐบาลเร็วที่สุดเพื่อมีงบประมาณใช้ให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจได้
19 เมษายน 2566
ส่งออกข้าวไทย 2 เดือนแรกของปี 2566 ยังเติบโตต่อเนื่อง
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยตัวเลขการส่งออกข้าวของไทย 2 เดือนแรกของปี 2566 ยังคงอยู่อันดับ 2 ประเทศผู้ส่งออกข้าวของโลก ปริมาณการส่งออกกว่า 1 ล้าน 4 แสนตัน โดยส่งออกมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ อินโดนีเซีย อิรัก บังกลาเทศ และเซเนกัล ประเทศไทยยังคงอยู่อันดับ 2 ประเทศผู้ส่งออกข้าวของโลก ตามหลังอินเดียที่ยังคงครองอันดับ 1 รัฐบาลได้ผลักดันการส่งออกข้าวไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าการส่งออกข้าวไทยทั้งปี 2566 ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าสนับสนุนสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการนำข้าวไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติทั่วโลก แสวงหาโอกาสทางการค้าทั้งตลาดเดิมและตลาดใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทย รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยอื่นๆ
กระทรวงอุตสาหกรรม ออกประกาศ ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอทในกระบวนการผลิต เปิดรับฟังความคิดเห็นถึง 30 เมษายนนี้
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้รับมอบหมายให้จัดทำร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิต และห้ามใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิต พ.ศ. .... ตามมาตรา 32 ภายใต้พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เพื่อควบคุม ลด เลิกการใช้และการปลดปล่อยปรอทจากแหล่งกำเนิดตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียจนถึง 30 เมษายนนี้ โดยคาดการณ์ว่าจะประกาศใช้ได้ปลายปีนี้
จากการตรวจสอบและยืนยันข้อเท็จจริง จากฐานข้อมูลวัตถุอันตราย ฐานข้อมูลโรงงานของ กรอ. และรายงานผลการศึกษาของกรมควบคุมมลพิษ ไม่พบการนำเข้าหรือผลิตปรอท หรือสารประกอบปรอทไปใช้ในการผลิต
MEA ชี้แจงอากาศร้อนส่งผลให้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ยืนยันไม่มีการขึ้นค่าไฟในช่วงนี้
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ในฐานะโฆษก MEA ชี้แจงกรณีที่มีผู้ใช้ไฟฟ้าสงสัยว่า ค่าไฟสูงขึ้นในช่วงนี้ เพราะการไฟฟ้าขึ้นค่าไฟ โดยยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง โดย MEA ยังคงใช้หลักเกณฑ์วิธีการคิดค่าไฟฟ้าจากหน่วยการใช้ไฟฟ้าในอัตราตามนโยบายของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนด ส่วนสาเหตุที่ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นนั้น เนื่องจากช่วงนี้ประเทศไทย มีสภาพอากาศที่ร้อนจัดและในบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำความเย็นต้องทำงานมากขึ้น และใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น โดยเห็นได้จากค่าพลังความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Maximum Demand) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ
ล่าสุด มีค่าเท่ากับ 8,904.66 เมกะวัตต์ ในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงสุด มักจะอยู่ในช่วงฤดูร้อน โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนคือ เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ เช่น ในสภาวะอากาศปกติ อุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส หากมีการปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องที่ 26 องศาเซลเซียส แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ 4 องศาเซลเซียส แต่ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด เช่น อุณหภูมิภายนอก 40 องศาเซลเซียส หากตั้งอุณหภูมิแอร์ในห้องเท่าเดิมไว้ที่ 26 องศาเซลเซียส แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ถึง 14 องศาเซลเซียล แอร์จึงทำงานหนักมากขึ้นและกินไฟมากกว่าเดิม อีกทั้งยังต้องรักษาอุณหภูมิในสภาวะที่มีความร้อนจัดจากภายนอกรบกวน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
จากการทดสอบพบว่า อุณหภูมิภายนอกที่เพิ่มขึ้นทุก 1 องศาเซลเซียสแอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ถึงแม้จะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในระยะเวลาเท่ากัน หรือปรับตั้งค่าอุณหภูมิเท่าเดิมก็ตาม ประกอบกับในช่วงอากาศร้อน พฤติกรรมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ เช่น การเปิดปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง การประกอบอาหารด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงการใช้น้ำอุปโภคบริโภคมากขึ้น ทำให้ปั๊มน้ำทำงานมากขึ้น ล้วนทำให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม MEA แนะนำการประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า โดยยึดหลัก “ปิด - ปรับ - ปลด - เปลี่ยน” โดยปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ ปรับลดอุณหภูมิแอร์มาอยู่ที่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมควบคู่ จะเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน เปลี่ยนไปใช้แอร์ที่มีค่าประสิทธิภาพสูงและหมั่นล้างแอร์ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่เปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยๆ ไม่ควรกักตุนอาหารไว้ในตู้เย็นเกินความจำเป็น ตรวจขอบยางประตูตู้เย็นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า(เบอร์ 5) ควรปิดสวิตช์และดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน หากผู้ใช้ไฟฟ้ามีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ททท. ประเมินรายได้จากการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวหลังสงกรานต์ ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติ์ไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้มีการประเมินการมูลค่าทางเศรษฐกิจก่อนที่จะจัดงานช่วงเทศกาลสงกรานต์ อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่เนื่องจากช่วงเทศกาลที่ผ่านมา ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยคึกคักมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า และมีการใช้จ่ายในทุกพื้นที่ ประกอบกับมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย เดินทางไปยังทุกจังหวัดที่มีการจัดงานเทศกาล ทำให้ตัวเลขของคนที่เข้าร่วมงานสงกรานต์เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าในช่วงสงกรานต์จะมีเงินสะพัดในประเทศมากกว่า 130,000 ล้านบาท ในส่วนของภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางช่วงสงกรานต์เพิ่มขึ้นอีกและสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท
20 เมษายน 2566
รัฐบาลพร้อมประเมินสถานการณ์ค่าไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดการคำนวณค่าไฟฟ้างวดพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2566 ทั้งในส่วนที่เป็นบ้านอยู่อาศัย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ โดยคิดค่า Ft ในอัตราเดียวกัน ที่ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ สำนักงาน กกพ. ได้ชี้แจงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการกำหนดราคาค่าไฟว่า สาเหตุหลักของค่าไฟฟ้าแพง เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงและปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงต้นทุนต่ำที่เคยใช้ผลิตไฟฟ้า จึงทำให้ต้องนำเข้า LNG มาทดแทน ซึ่ง LNG มีราคาแพง เป็นผลจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และตรงกับช่วงที่มีความต้องการ LNG มากในฤดูหนาวของทางยุโรป ส่วนโครงสร้างต้นทุนค่าไฟในปัจจุบัน ค่าไฟฟ้างวดพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2566 ค่า Ft จะอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย
หากแยกรายละเอียดการคำนวณจะมีส่วนประกอบจาก 6 ส่วนคือ ค่าเชื้อเพลิงทุกประเภทเฉลี่ย 2.74 บาทต่อหน่วย ค่าโรงไฟฟ้าเพื่อรักษาความมั่นคงของระบบ 76 สตางค์ต่อหน่วย ค่าต้นทุนระบบจำหน่าย 51 สตางค์ต่อหน่วย ค่าภาระหนี้เชื้อเพลิงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 35 สตางค์ต่อหน่วย ค่าต้นทุนระบบส่ง 24 สตางค์ต่อหน่วย และค่าใช้จ่ายตามนโยบายภาครัฐ เช่น Adder ค่าไฟฟรีสำหรับผู้มีรายได้น้อย ประมาณ 16 สตางค์ต่อหน่วย
ส่วนของค่าไฟฟ้าครัวเรือนที่ดูเหมือนสูงกว่าค่าไฟฟ้านอกภาคครัวเรือน เกิดจากค่าไฟฟ้างวดปัจจุบันมีราคาแพงเป็นผลจากปลายปี 2565 เป็นช่วงที่ต้นทุนราคาก๊าซ LNG นำเข้าสูงมากและต้องนำเข้าทดแทน ในขณะที่ปริมาณก๊าซจากอ่าวไทยเชื้อเพลิงต้นทุนต่ำลดลงมาก ทำให้ค่าไฟฟ้าที่แท้จริงในงวดปัจจุบัน (ม.ค.- เม.ย. 66) ซึ่งปกติหากเป็นอัตราเดียวจะเท่ากับ 5.24 บาทต่อหน่วย แต่รัฐบาลต้องการบรรเทาผลกระทบให้ประชาชน จึงคำนวณค่าไฟจากการจัดสรรก๊าซในอ่าวไทยที่มีราคาถูกให้ประชาชนก่อน จึงเป็นกรณีพิเศษที่ทำให้ประชาชนได้อัตราเดิม 4.72 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ ราคาต้นทุนพลังงานตั้งแต่ปี 2566 ปรับตัวลดลง แต่ กกพ. ยังคงต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์การคำนวณ ค่า Ft ที่ใช้สมมติฐานตัวเลขต้นทุนในปีก่อนหน้า (2565) ซึ่งส่วนต่างที่เกิดขึ้นก็จะถูกนำไปหักลบกลบหนี้ในการประกาศค่า Ft และค่าไฟฟ้าในงวดต่อไป
รัฐบาล ยืนยันว่า ค่าไฟฟ้าจะทยอยปรับลดลง ตามราคาเชื้อเพลิงที่ลดลงในอนาคต อีกทั้งแนวทางที่รัฐบาลได้ส่งเสริมการพัฒนาและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีการดำเนินการในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้การพึ่งพาเชื้อเพลิงแบบเดิมลดน้อยลงและส่งผลถึงการคำนวณค่าไฟฟ้าที่จะทำให้มีต้นทุนที่ต่ำลงได้อย่างแน่นอน
21 เมษายน 2566
การไฟฟ้านครหลวง ยืนยันยังไม่มีการปรับอัตราค่าไฟฟ้าในขณะนี้ ส่วนค่าไฟฟ้าแพงเพราะอากาศร้อนจัด
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวถึงสาเหตุค่าไฟฟ้าแพงในช่วงเดือนเมษายนนี้ ว่า เป็นเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น หรืออากาศร้อนจัด ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศทำงานหนักเพิ่มมากขึ้นจึงกินไฟเพิ่มมากขึ้น พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟโดยการคำนวณยังเป็นอัตราเดิมตามที่คณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้กำหนด โดยการคำนวณค่าไฟแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักคือ ค่าพลังงานไฟฟ้า ค่าบริการ เช่น การอ่านหน่วยและการบริการต่างๆ และค่าเอฟที หรือค่าไฟฟ้าผันแปร ซึ่งค่าเอฟทีเดือนที่ผ่านมายังเป็นอัตราเดิม
สำหรับปริมาณความต้องการไฟฟ้าที่คาดว่าในช่วงฤดูร้อนจะเพิ่มมากขึ้นนั้น ในส่วนนี้การไฟฟ้าได้เตรียมพร้อมรองรับไว้แล้ว พร้อมขอให้ประชาชนตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ เช่น การล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมช่วยระบายอากาศ รวมทั้งขอให้ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพและไฟฟ้าลัดวงจรและมีการติดตั้งสายดินเพื่อป้องกันไฟรั่ว
สำหรับในส่วนของการไฟฟ้านครหลวง ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจวัดกระแสไฟฟ้าและหม้อแปลงในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าการไฟฟ้านครหลวงดูแลอุปกรณ์จำหน่ายไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยของประชาชน สำหรับประชาชนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับไฟฟ้าสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ MEA Call Center 1130 หรือช่องทางโซเชียลมีเดียของการไฟฟ้านครหลวงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สถานการณ์สินค้าหลายรายการราคายังทรงตัว พร้อมติดตามค่าไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด เชื่อไม่กระทบต่อต้นทุน
ร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาสินค้ากลุ่มอาหารสด ราคายังคงทรงตัวใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหมูเนื้อแดง ราคาเฉลี่ย กก. ละ 152 บาท น่องไก่ติดสะโพก กก.ละ 76 บาท น่องไก่ กก.ละ 78 บาท สะโพกไก่ กก.ละ 81 บาท อกไก่ กก.ละ 79 บาท และไข่ไก่เบอร์ 3 ฟองละ 3.80 บาท ซึ่งราคาสอดคล้องกับภาวะต้นทุนและโครงสร้างราคาที่กำกับดูแล
สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนใหญ่ราคาทรงตัวและมีการปรับลดลงหลายรายการ เช่น ข้าวสาร นมผง ซอสปรุงรส น้ำปลา น้ำตาลทราย อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ครีมอาบน้ำ น้ำยาซักผ้า ส่วนสินค้าที่ราคาปรับลดลง เช่น ซีอิ้ว สบู่ แชมพู ผงซักฟอก เป็นต้น นอกจกานี้ยังมีการจัดโปรโมชันลดราคาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับสภาพอากาศ เช่น พัดลม เครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศ ที่มีหลายห้างจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย และช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ราคาค่าไฟฟ้า ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น กรมการค้าภายในได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยต้นทุนค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.- ส.ค.66 จะลดลงเหลือ 4.77 บาทต่อหน่วย จากงวดเดือน ม.ค. - เม.ย. 66 ที่ราคา 5.24 บาทต่อหน่วย ซึ่งผลกระทบจากค่าไฟฟ้าต่อต้นทุนสินค้า ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นและยังไม่มีผู้ประกอบการรายใด มาขอปรับราคาสินค้าจากเรื่องต้นทุนค่าไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้าเป็นอย่างดี
สังคม
17 เมษายน 2566
เปิดเส้นทางไหว้พระ ขอพรเสริมสิริมงคล 11 วัด เนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลอง 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลกำหนดจัดงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2566 บริเวณพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนา ประวัติศาสร์และวัฒนธรรม ช่วยสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรมสร้างรายได้สู่ชุมชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
สำหรับงานครั้งนี้ กรมการศาสนา จัดเส้นทางเดินรถไหว้พระขอพระเสริมสิริมงคล 11 วัดสำคัญ โดยร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม ด้วยการจัดบริการรถโดยสารหมุนเวียนรับ – ส่งประชาชนไหว้พระ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างเวลา 09.00 น.– 18.00 น. จำนวน 5 คัน ไปยัง 11 วัดสำคัญ ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดบวรนิเวศวิหาร 5) วัดสุทัศนเทพวราราม วัดชนะสงคราม วัดราชนัดดาราม วัดสระเกศราชวรวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และวัดประยุรวงศาวาส ซึ่งในแต่ละวัดจะเปิดพระอุโบสถให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งชมจิตรกรรมฝาผนังที่ช่างศิลป์ร้อยเรียงเรื่องราวทางศาสนาและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านสายด่วน วัฒนธรรม 1765
สัปดาห์ศิลปะแห่งเมืองหัวหินช่วงเทศกาลสงกรานต์ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวสร้างรายได้สู่ท้องถิ่น
นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า จากการร่วมกับกลุ่มบ้านศิลปินหัวหิน จัดงานสัปดาห์ศิลปะแห่งเมืองหัวหิน ประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปะ ระหว่างวันที่ 14-16 เมษายนที่ผ่านมา พบว่า ประสบความสำเร็จมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมงานมากกว่า 3,000 คน ช่วยประชาสัมพันธ์การรับรู้การท่องเที่ยวที่หลากหลายของอำเภอหัวหินที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย ทั้งการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อป งานประดิษฐ์ผลงานศิลปะ ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้านงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ การแสดงดนตรีร่วมสมัย สร้างความสุขให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้อย่างมาก ที่สำคัญในส่วนของการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางศิลปะจากศิลปินและสินค้าภูมิปัญญาชุมชนสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับกลุ่มศิลปินและชาวบ้านในพื้นที่ได้มากกว่า 5 ล้านบาท
จากความสำเร็จดังกล่าว จึงสนับสนุนการดำเนินงานในเทศกาลสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกระตุ้นให้คนไทย ได้เรียนรู้ ฝึกทักษะ ต่อยอดแนวความคิดทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมพื้นบ้าน และรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงศิลปะของอำเภอหัวหินอย่างยั่งยืน อีกทั้งยกระดับทำให้เมืองหัวหินเป็นหนึ่งในเมืองศิลปะที่มีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ของประเทศ
18 เมษายน 2566
สปสช.แจ้งผู้ที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถรับสิทธิ “ผ้าอ้อมผู้ใหญ่” เริ่ม 18 เมษายนนี้
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 อนุมัติให้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ล่าสุด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เริ่มแจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้กับประชาชนที่มีสิทธิทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ (18 เม.ย.66) ได้แก่ ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง/ติดบ้าน/ติดเตียง (ค่า ADL น้อยกว่าหรือเท่ากับ 6) ผู้ที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะ/อุจจาระไม่ได้ ครอบคลุมผู้ป่วยรายเก่า/ใหม่ ทุกกลุ่มอายุ
อย่างไรก็ตาม สิทธิดังกล่าวนี้ ครอบคลุมเฉพาะผู้อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) ส่วนของสิทธิประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ รอการประกาศอีกครั้ง
สำหรับการแจกจ่ายผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แก่ผู้มีสิทธิในกรุงเทพฯ และต่างจะหวัดจะแตกต่างกัน โดยส่วนของกรุงเทพฯ ซึ่งจะใช้จ่ายงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพมหานครและประชาชนแจ้งความประสงค์ขอรับผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น สำนักงานเขต โรงพยาบาลในระบบ สปสช. หรือหน่วยบริการ สำนักงานเขต หรืออาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดที่จะใช้งบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ประชาชนแจ้งความประสงค์ขอรับผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ได้ที่ รพ.สต. อบต./เทศบาล หรือ รพ.สต. รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ค้นหาผู้ป่วยในพื้นที่
ทั้งนี้ภายหลังโครงการอนุมัติ หน่วยงานที่เสนอโครงการจะดำเนินการจัดหาและส่งมอบผ้าอ้อมให้กับผู้ป่วยตามโครงการจำนวนไม่เกิน 3 ชิ้น/วัน
สถานการณ์โควิด-19 เพิ่มขึ้น สถานการณ์อยู่ในระดับที่รับมือได้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ขณะนี้เป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ไว้หลังจากที่ประชาชนมีการเดินทางพบปะทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น แต่ยังเป็นสถานการณ์ที่รับมือได้ เพราะถึงแม้จะมีการติดเชื้อมากขึ้นแต่อาการไม่มาก จำนวนผู้ใส่ท่อช่วยหายใจรวมทั้งหมดมีไม่ถึง 20 ราย และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 2 ราย ถือว่าน้อยมาก ส่วนเรื่องสายพันธุ์เชื้อที่มีรายงานสายพันธุ์ XBB ก็ถือเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิคอน การกลายพันธุ์ของไวรัสเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งองค์การอนามัยโลกยังให้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องติดตามเฉยๆ ยังไม่ถึงกับเป็นสายพันธุ์ที่ต้องกังวลมากนักไม่ว่าจะเป็น XBB.1.16 ในแง่ของความรุนแรงยังไม่มีหลักฐานว่ารุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
ส่วนเรื่องของการติดง่ายขึ้นกว่าเดิม หลบภูมิคุ้มกันได้หรือไม่ ข้อมูลทางห้องปฏิบัติการต่างๆ พบว่าอาจจะติดได้ง่ายขึ้นแต่ไม่ได้เป็นการติดง่ายแบบมีนัยยะสำคัญมากนัก ดังนั้น การดูสถานการณ์ควรดูทั้งเรื่องของสายพันธุ์ อาการทางคลินิก ระบาดวิทยาควบคู่กันไป การดูข้อมูลเพียงด้านใดด้านเดียวอาจจะไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ในการประชุมติดตามสถานการณ์วันนี้เห็นสถานการณ์ตรงกันว่าถึงแม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่อาการไม่รุนแรง ส่วนผู้ที่มีอาการรุนแรง หรือมีอาการมาก หรือกลุ่มเสี่ยงยาต้านไวรัสทั้งหลายยังใช้ได้ดีอยู่ ยังไม่มีข้อมูลว่าเชื้อไวรัสไม่ตอบสนองต่อยาต้านไวรัส ไม่ว่าจะเป็นฟาวิพิราเวียร์ โมนูลพิราเวียร์ เรมดิซีเวียร์ LAAB ยังมีประโยชน์ในการรักษา อยู่ที่ประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีการประชุมตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 ก็เห็นพ้องต้องกันว่า การรักษายังคงเหมือนเดิมคือ คนอาการน้อยหรือไม่มีอาการไม่ต้องกินยาอะไร ส่วนกลุ่มเสี่ยงอาการน้อยให้ยาตามแนวทางเดิม เพียงแต่ปรับการให้ยาบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องและเข้าใจมากขึ้น
ส่วนกรณี ที่มีโรงเรียนแพทย์ ปรับแนวทางการให้ยานั้น ได้มีการพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้วยืนยันว่าสื่อบางสื่อมีการสื่อสารข้อความของอาจารย์ออกไปไม่ครบถ้วนไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ ยืนยันว่ายาต่างๆ มีเพียงพอโมนูลพิราเวียร์ มีหลายล้านเม็ด แพ็กซโลวิดก็มีสามารถรักษาได้เป็นหมื่นคน เรมดิซีเวียร์ มีเป็นแสน ดังนั้นสบายใจได้ ไม่ขาดแคลนยารักษา
จ้างงานคนพิการปี 2566 ทะลุเป้าสร้างรายได้ให้คนพิการเกือบ 400 ล้านบาท
นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยมุ่งสร้างโอกาสแก่กลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสและผู้พิการ จึงมุ่งมั่นขับเคลื่อนโครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม เพื่อให้ผู้พิการมีงาน มีรายได้ มีหลักประกันทางสังคม สามารถพึ่งพาตนเอง และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ปีงบประมาณ 2566 กระทรวงแรงงาน เชิญชวนสถานประกอบการภาคเอกชน เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ประเภทจ้างเหมาบริการ ซึ่งมีสถานประกอบการ 341 แห่ง ให้ความสนใจตอบรับให้สิทธิแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการตามมาตรา 35 โดยจ้างงานคนพิการเป็นพนักงานเพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนในหน่วยบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้บ้าน จำนวน 3,315 คน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1,800 คน ถือว่าเกินเป้าหมายถึง 184% จะก่อให้เกิดรายได้แก่คนพิการเกือบ 400 ล้านบาทต่อปี
รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวต่อไปว่า กระทรวงแรงงานเร่งส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในคนไทยทุกกลุ่ม โดยเริ่มสนับสนุนโครงการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม มาตั้งแต่ปี 2565 เพราะเห็นถึงโอกาสและศักยภาพของผู้พิการที่ยังมีความสามารถ มีความพร้อมที่จะทำงานดูแลตนเองโดยไม่ยอมเป็นภาระใคร จึงตั้งเป้าจ้างงานผู้พิการเพิ่มขึ้นปีละ 20% เพื่อให้ผู้พิการมีงานทำถ้วนหน้า โดยเฉพาะคนพิการในพื้นที่ห่างไกล สามารถทำงานใกล้บ้าน ได้รับโอกาสมีอาชีพ มีงานทำอย่างทั่วถึง
การเกณฑ์ทหารปี 2566 ได้รับผลตอบรับดี ขอให้สื่อช่วยประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้กับประชาชน
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเกณฑ์ทหารประจำปี 2566 ว่าได้รับรายงานว่าบางพื้นที่บางเขตมีการสมัครใจเกินจำนวนที่ต้องการ ซึ่งก็ดีใจว่าหลายคนเริ่มสนใจอยากเข้ามาเป็นทหาร และมีหลายอย่างที่เป็นข้อยกเว้นในการคัดเลือกเข้าเป็นทหาร การเรียนนักศึกษาวิชาทหาร เรื่องการผ่อนผันการศึกษา รวมทั้งมีการปรับรูปแบบหลาย ได้มอบแนวนโยบายการเพิ่มคุณวุฒิทางการศึกษาให้มีการเรียน กศน. เพื่อยกระดับการศึกษาให้มากขึ้น รวมไปถึงการฝึกอาชีพทหารก่อนปลดประจำการ ซึ่งก็มีการมอบสิทธิให้สมัครเป็นนายสิบต่อ โดยมีผู้สนใจมากขึ้นตามลำดับและทุกคนก็มีความภาคภูมิใจ
ส่วนภาครัฐจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ ในการเกณฑ์ทหาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม ก็ได้ออกข่าว ออกคลิปต่างๆ เพราะทุกเรื่องต้องสื่อสาร ขณะเดียวกันสื่อก็ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ด้วย
เชิญชวนประชาชนชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม พร้อมกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติ ในงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปีกรุงรัตนโกสินทร์
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมจัดงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2566 บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และต่อเนื่องวันที่ 21 เมษายน -พฤษภาคม ณ สวนสันติชัยปราการ โดยกิจกรรมหลักประกอบด้วย การเปิดแหล่งเรียนรู้ วัดและพิพิธภัณฑ์ 21 แห่งรอบเกาะรัตนโกสินทร์ให้ประชาชนได้เข้าชม และศึกษาเรียนรู้ อาทิ พระบรมมหาราชวัง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และโรงละครแห่งชาติ วัดสุทัศนเทพวราราม มิวเซียมสยาม ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร โดยมีรถ ขสมก.และรถรางบริการรับ - ส่ง ตามจุดต่างๆ
นอกจากนี้ ยังจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงดนตรีสากล ดนตรีพื้นบ้าน 4 ภาค รวมถึงการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ การแสดงโนรา ที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ รวมถึงการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมที่หาชมได้ยาก พร้อมให้การสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สร้างงาน สร้างรายได้แก่ศิลปิน และผู้ประกอบการด้านวัฒนธรรมอย่างเต็มที่ การเปิดพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ สาธิตอาหารโบราณและอาหารชาววัง ตลาดย้อนยุค การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม 76 จังหวัด ผลิตภัณฑ์ซีพอตของดี 50 เขตกรุงเทพมหานคร รวมถึงจุดถ่ายภาพย้อนยุคบริการประชาชน
19 เมษายน 2566
ขสมก.จัดรถโดยสารให้บริการฟรี “ไหว้พระเสริมสิริมงคล เยี่ยมยลชมงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์”
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก. สนับสนุนการจัดกิจกรรม “ไหว้พระเสริมสิริมงคล เยี่ยมยลชมงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2566 ซึ่งจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี รวมถึงสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ และร่วมฉลองเนื่องในวาระครบรอบวันคล้ายวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ 241 ปี ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนได้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา สืบสานวิถีพุทธและยลความงามทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่ช่างศิลป์บรรจงสร้างอย่างประณีต
โดยจัดรถโดยสารธรรมดาให้บริการฟรี จำนวน 5 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมไหว้พระเสริมสิริมงคล เยี่ยมชมวัดบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ จำนวน 11 แห่ง ประกอบด้วย วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร วัดราชนัดดารามวรวิหาร วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร
ประชาชนที่จะใช้บริการ ให้สังเกตรถโดยสารที่วิ่งให้บริการจะมีป้ายสติกเกอร์ ข้อความ “ไหว้พระ 11 วัด 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ติดบริเวณป้ายไฟแสดงหมายเลขสายรถโดยสาร และมีป้ายไวนิล ข้อความ “ไหว้พระเสริมสิริมงคล เยี่ยมยลชมงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ติดบริเวณด้านข้างรถโดยสาร
รถโดยสารดังกล่าวจะวิ่งให้บริการ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.- 18.00 น. โดยปล่อยรถออกวิ่งทุกๆ 20 นาที รถโดยสารคันแรก ออกจากจุดเริ่มต้น ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เวลา 09.00 น. รถคันสุดท้าย ออกจากจุดเริ่มต้น เวลา 18.00 น. โดยจะวิ่งวนรับ – ส่งประชาชนเยี่ยมชมวัดจนครบทั้ง 11 แห่ง ประชาชนสามารถรอขึ้นรถได้ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ และวัดทั้ง 11 แห่ง
กรมการจัดหางาน เข้มตรวจสอบดำเนินคดีเพจปลอม แอบอ้างใช้โลโก้รับสมัครงานผ่านสื่อโซเชียล
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมากรมการจัดหางานพบเพจปลอมที่มีการนำตราสัญลักษณ์หรือโลโก้ กรมการจัดหางาน ไปใช้สร้างความน่าเชื่อถือประกาศรับสมัครงานทางสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก ทั้งเฟซบุ๊ก, ไลน์, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ และยูทูป ส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกันคือ เป็นงานอิสระ สามารถทำงานที่บ้านได้ และมีรายได้ดี รวมทั้งการประกาศรับสมัครคนไทยไปทำงานต่างประเทศโดยอ้างว่าจัดส่งผ่านกรมการจัดหางาน ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นความจริง หากหลงเชื่ออาจทำให้เสียทรัพย์ หรือโดนรีดข้อมูลส่วนบุคคลนำไปใช้ในทางมิชอบ กรมการจัดหางานได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการหลอกลวงทางสื่อโซเชียลมีเดียยิ่งขึ้น โดยตรวจสอบไปแล้วรวม 93 เรื่อง เฉพาะปีงบประมาณ 2566 ดำเนินคดีสาย/นายหน้าเถื่อนแล้วถึง 84 ราย พบการหลอกลวงคนหางานทั้งสิ้น 264 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 18 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพบเห็นประกาศเชิญชวนสมัครงานทางสื่อโซเชียล และไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนผู้โพสต์ได้ เช่น ไม่มีรูปภาพจริงเจ้าของโพสต์ มีการนำตราของหน่วยงานราชการมาใช้ประกอบในการโพสต์เชิญชวน ให้สันนิษฐานเป็นลำดับแรกว่ากำลังถูกหลอกลวง โปรดอย่าหลงเชื่อ ซึ่งหากเป็นตำแหน่งงานในต่างประเทศ ต้องโพสต์โดยบริษัทหางานที่ขออนุญาตโฆษณารับสมัครจากกรมการจัดหางานแล้วเท่านั้น บุคคลธรรมดาไม่สามารถกระทำการได้
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงวิธีป้องกันและแจ้งเตือนคนหางานจากการโพสต์รับสมัครงานผ่านสื่ออนไลน์ว่า กรมการจัดหางานจะแจ้งเตือนคนหางานผ่านการนำข้อความแจ้งเตือนหรือแบนเนอร์โพสต์โต้ตอบใต้โพสต์ที่มีการชักชวนและรับสมัครงานโดยด้วยผิดกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนรู้ว่าโพสต์ดังกล่าวไม่เป็นความจริง อีกทั้งประสานงานกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย หรือ Anti Fake News เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่เกิดจากความเข้าใจผิดและนำข่าวที่ไม่ถูกต้องไปเผยแพร่ต่อ รวมทั้งส่งเรื่องดำเนินคดีไปผู้กระทำความผิดด้วย
สำหรับผู้ที่ต้องการมีงานทำ สามารถใช้บริการผ่านเว็บไชต์ ไทยมีงานทำ.doe.go.th หรือทาง Mobile Application "ไทยมีงานทำ" ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของภาครัฐ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หากต้องการ ติดตามข่าวสารของกรมการจัดหางานได้ที่เว็บไซต์ www.doe.go.th หรือโทร.สายด่วน 1506 กด 2
กระทรวงวัฒนธรรม จัดแสดงนิทรรศการชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ในงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปีกรุงรัตนโกสินทร์
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การจัดงานครบรอบปี 241 ปีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ระหว่างวันที่ 21–25 เมษายน 2566 บริเวณพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ 21 แหล่งเรียนรู้ทางศาสนาและประวัติศาสตร์
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ได้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับชุมชนในไทยและชุมชนต่างชาติใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร เผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของชุมชนอาเซียนดั้งเดิม ในกรุงเทพมหานคร พร้อมนำเสนออัตลักษณ์ ขนบประเพณีของชุมชนอาเซียนดังกล่าวที่อยู่อาศัยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารอย่างร่มเย็นเป็นสุขตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน มีกิจกรรมบรรยายและเสวนาเรื่อง “ชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร” รวมทั้งการสาธิตทางวัฒนธรรมด้านอาชีพและอาหารโดยผู้แทนชุมชนอาเซียน อาทิ ชุมชนบ้านบาตรสาธิตการทำบาตร ชุมชนตลาดพระโขนงออกร้านขายเครื่องอุปโภคบริโภค จัดแสดงข้าวแช่จากบางลำพู ชุมชนบางไส้ไก่สาธิตการทำขลุ่ย และแกงมัสมั่นจากชุมชนมัสยิดจักรพงษ์
สำหรับนิทรรศการดังกล่าว เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับชุมชนในไทยและชุมชนต่างชาติในกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งในกรุงเทพมหานครและภูมิภาคต่างๆ นับตั้งแต่สมัยอยุธยาสืบเนื่องมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์ไทยทรงใช้หลักทศพิธราชธรรมในการปกครองแผ่นดินทั้งชาวไทยและช่าวต่างชาติ ที่ได้พระราชทานสิทธิเสรีภาพในการดำเนินชีวิต การปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี การนับถือศาสนา และพระราชทานที่ดินให้อยู่อาศัยแยกตามเชื้อชาติและศาสนาและพระราชทานเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
20 เมษายน 2566
กระทรวงสาธารณสุข ชี้ผู้ป่วยโควิดเพิ่มตามคาดแต่อาการไม่รุนแรง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์กรณีโรคโควิด-19 ว่า ได้รับทราบข้อมูลจากฝ่ายการแพทย์ว่า สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในความควบคุมของระบบการสาธารณสุขของประเทศ การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเพราะประเทศไม่ได้มีข้อจำกัดการเดินทางเข้า-ออก และมีการเปิดเศรษฐกิจให้ประกอบกิจกรรมต่างๆ มีการรวมกลุ่มคนหมู่มาก ฉะนั้นการติดเชื้อในช่วงนี้จึงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แม้จะมีผู้ป่วยเพิ่มแต่ไม่รุนแรงเพราะประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันแล้ว
ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.16 ที่กังวลกันว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ ทางการแพทย์ถือเป็นเรื่องปกติของเชื้อไวรัสต่างๆ การกลายพันธุ์เกิดขึ้นได้ตลอด อีกทั้ง XBB.1.16 ยังคงกลายพันธุ์มาจากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่ลักษณะของเชื้อจะทำอัตรายต่อกลุ่มเสี่ยง ซึ่งป้องกันได้ด้วยวัคซีน โดยวัคซีนซึ่งประชาชนได้รับไป และกำลังจะได้รับเป็นเข็มกระตุ้น ไม่ว่าจะกลายพันธุ์ไปเช่นใดก็สามารถช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้
เชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงมารับวัคซีน ส่วนประชาชนทั่วไปหากได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 6 เดือนก็สามารถมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ โดยวันนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลทั่วประเทศเร่งจัดให้มีการตั้งแผนกฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันโควิดและอาจให้บริการพร้อมกับวัคซึนไข้หวัดใหญ่ตามคำแนะนำของคณะกรรมการวิชาการ เพื่อความสะดวก ประหยัดเวลา และสร้างภูมิคุ้มกัน 2 โรคในครั้งเดียว โดยไม่ต้องกังวลว่า ฉีดวัคซีนโควิดแล้วจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ได้ พร้อมมอบเลขาธิการ สปสช.คิดแพ็คเกจการฉีดวัคซีนอำนวยความสะดวกกแก่กลุ่มเสี่ยงในการมารับบริการ ยืนยันทรัพยากรต่างๆ ทางการแพทย์มีความพร้อมแบบสมบูรณ์แบบ ในการให้บริการประชาชน วัคซีนไบวาเลนท์ รุ่น 2 ก็มีเพียงพอโดยที่ปีนี้ไม่ต้องตั้งงบประมาณจัดซื้อวัคซีน เพราะมีหลายประเทศที่มอบให้ไทย อย่างล่าสุดที่จะให้มาเพิ่มอีกคือ เยอรมันและอิตาลี
ส่วนกรณีคนงานชาวเมียนมา ติดโควิดเสียชีวิตกะทันหันในห้องพักย่านสาทรนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ธรรมชาติโรคทางเดินหายใจไม่ทำให้เสียชีวิตแบบเฉียบพลัน ทางกรมควบคุมโรคได้ไปสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาส่วนใหญ่การเสียชีวิตเฉียบพลันในผู้เสียชีวิตที่ติดโควิดด้วยนั้น มักมีสาเหตุจากโรคอื่น จึงเป็นการเสียชีวิตด้วยโควิดแต่ไม่ได้เสียชีวิตเพราะโควิด
เร่งแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคการท่องเที่ยว เพิ่มช่องทางการจัดหางาน พัฒนาทักษะการทำงาน
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยถึงการประชุมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยได้ข้อสรุปการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในระยะสั้น ได้แก่ การส่งเสริมการเข้าใช้งานแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” การส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานโดยการเพิ่มช่องทางในการจัดหางาน การจัดอบรมระยะสั้นเพื่อพัฒนาทักษะการทำงานการศึกษาการจ้างแรงงานต่างชาติแบบชั่วคราว การพิจารณาเพิ่มตำแหน่งงานหรือสัญชาติใน MOU แรงงานต่างด้าวการจ้างงานระยะสั้นสำหรับผู้ว่างงานหรือผู้ที่ต้องการหารายได้เสริมและผู้สูงอายุ รวมถึงการรับนักศึกษาเข้าฝึกงานและให้ค่าตอบแทนการทำงาน ตลอดจนการขยายฐานการจ้างงานให้สามารถจ้างแรงงานที่เป็นยุวชนได้
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะกลาง ประกอบด้วย การปรับปรุงหลักสูตรโดยเน้นการฝึกปฏิบัติ การนำมาตรฐานที่เกี่ยวข้องมาปรับเป็นรายวิชาที่จำเป็นในหลักสูตร การพัฒนาแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นการจัดทำ Credit Bank รวมถึงการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของแรงงานต่างชาติในการขอรับการตรวจลงตราประเภท Non-Immigrant B
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องมีการปรับรูปแบบธุรกิจ การปรับรูปแบบการจ้างงานบางตำแหน่งงานเป็นการจ้างงานรายชั่วโมง การปรับปรุงหลักสูตรการสอนด้านท่องเที่ยวให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับความต้องการแรงงานของผู้ประกอบการ การจัดทำดัชนีชี้นำธุรกิจท่องเที่ยว สร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการและแรงงานในการจ้างงานภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ
ผู้ประกันตน พอใจใช้บริการทำฟันฟรี เกือบ 4 แสนราย
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงผลสำเร็จของการดำเนินงานด้านสิทธิประโยชน์ในกรณีทันตกรรม อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด โดยไม่ต้องสำรองจ่าย วงเงินไม่เกิน 900 บาทต่อคนต่อปี เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงสิทธิในการเข้ารับบริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรม ลดขั้นตอนในการยื่นเอกสารขอรับประโยชน์ทดแทน ลดภาระค่าใช้จ่ายเดินทางของผู้ประกันตน ล่าสุดเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา มีผู้ประกันตนมาใช้บริการแล้วกว่า 308,272 ครั้ง สำนักงานประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนไปแล้ว 279,335,886 บาท สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกันตนมีความพึงพอใจและมั่นใจในการให้บริการโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ทั้งนี้เชิญชวนผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิกรณีทันตกรรม อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด ประจำปี 2566 สามารถขอรับบริการในสถานพยาบาลเอกชนและเครือข่าย หรือสถานพยาบาลของรัฐ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เนื่องจากสิทธิประโยชน์ กรณีทันตกรรมเป็นสิทธิปีต่อปี หากไม่ใช้สิทธิในปีนี้เท่ากับเสียโอกาสในการดูแลสุขภาพในช่องปาก
ผู้ประกันตนที่จะไปใช้สิทธิฯ ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ในการเข้ารับบริการ กรณีทันตกรรมกับสถานพยาบาล โดยสังเกตป้ายสติ๊กเกอร์ที่ระบุว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ให้บริการผู้ประกันตนกรณีทันตกรรม “ทำฟัน” ไม่ต้องสำรองจ่าย
ส่วนกรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการ กรณีทันตกรรมในสถานพยาบาลที่ไม่ได้ทำความตกลงเรื่องการเบิกจ่าย ผู้ประกันตนสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนผ่านออนไลน์ได้ เพียงแนบไฟล์ผ่าน www.sso.go.th พร้อมหลักฐานประกอบด้วยใบเสร็จรับเงิน ใบรับรองแพทย์ พร้อมสำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ หน้าแรกที่มีชื่อ และเลขบัญชีของผู้ประกันตน หรือยื่นต่อสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ / จังหวัด / สาขา ทั่วประเทศ ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่เข้ารับบริการที่ระบุไว้ในใบเสร็จและใบรับรองแพทย์ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง
ไทย-กัมพูชา ร่วมมือด้านแรงงาน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสองประเทศ
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน นำคณะผู้แทนฝ่ายไทย เดินทางไปจังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมระดับวิชาการกัมพูชา - ไทย กับนายเส็ง ศักดา (H.E.Seng Sakda) อธิบดีกรมแรงงานและฝึกอาชีพ กระทรวงแรงงาน แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการกัมพูชา เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือและข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานกัมพูชามาทำงานในประเทศไทย
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สาระสำคัญของการประชุมระดับวิชาการกัมพูชา - ไทยในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอประเด็นต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องการออกเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชาในประเทศไทย เนื่องจากยังมีแรงงานกัมพูชาจำนวนหนึ่งที่ยังไม่มีเอกสารประจำตัว โดยฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายกัมพูชาเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดเก็บข้อมูลแรงงาน การออกเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชา เพื่อให้แรงงานสามารถมีเอกสารประจำตัวภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 และได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้เสนอเรื่องการปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในประเด็นการกำหนดให้ตรวจประวัติอาชญากรรมและการตรวจสุขภาพในประเทศต้นทางก่อนที่แรงงานจะเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย และบทเฉพาะกาลที่ฝ่ายไทยเสนอเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้บริหารจัดการได้ทันท่วงที หากเกิดวิกฤตการณ์ที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการจัดส่งแรงงานมีข้อขัดข้อง อย่างเช่นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ผ่านมา
ผลจากการประชุมระดับวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความร่วมมือและข้อตกลงเกี่ยวกับการจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนแก่แรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยได้เข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้อง ได้รับการดูแลคุ้มครองและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศด้วย
ขณะที่นายเส็ง ศักดา (H.E.Seng Sakda) อธิบดีกรมแรงงานและฝึกอาชีพ กระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้เสนอเรื่องการปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) เรื่องการแจ้งข้อมูลให้ฝ่ายกัมพูชาทราบ กรณีแรงงานได้รับการขยายระยะเวลาสัญญาจ้างงานอีก 2 ปี โดยฝ่ายกัมพูชามีความประสงค์ที่จะจัดตั้งศูนย์สนับสนุนแรงงานกัมพูชาขึ้นในประเทศไทย ซึ่งในเรื่องนี้ฝ่ายไทยจะนำประเด็นไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ของการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวและการเสนอให้ใช้ระบบการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งและรับแรงงานกัมพูชาตาม MOU ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
21 เมษายน 2566
ห่วงใยแรงงานไทยในซูดานหลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบ ติดตามข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงข้อห่วงใยไปยังคนไทยและแรงงานไทยที่พำนักในซูดาน หลังสถานการณ์ความไม่สงบในซูดานจากการปะทะกันระหว่างกองทัพซูดานกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ Rapid Support Forces (RSF) ในกรุงคาร์ทูม และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศว่า กระทรวงแรงงาน ขอให้พี่น้องแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศซูดานเฝ้าระวัง ไม่ออกนอกเคหะสถาน ติดตามสถานการณ์ ข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างทันท่วงที หากมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องอพยพกลับประเทศไทยก็ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงการต่างประเทศอย่างเคร่งครัด การให้ความช่วยเหลือของกระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน (กกจ.) ได้มีเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อให้การช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับความเดือดร้อน กรณีคนงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนและประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนสิ้นสุดการเป็นสมาชิกกองทุน เนื่องจากภัยสงคราม หรือปัญหาความไม่สงบหรือจากภัยธรรมชาติหรือเกิดโรคระบาด ซึ่งทางการของประเทศนั้นๆ ประกาศกำหนดแล้ว ในการไปทำงานในต่างประเทศตามขั้นตอนของกฎหมายอีกด้วย
จากการตรวจสอบข้อมูลของกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ณ เดือนมีนาคม 2566 คาดว่าปัจจุบันมีแรงงานไทยที่ยังคงทำงานอยู่ในประเทศสาธารณรัฐซูดาน จำนวน 6 คน เป็นชายทั้งหมด ในจำนวนนี้ไปทำงานเป็นพนักงานขับรถเครน 3 คน ควบคุมเครื่องจักร 1 คน ช่างซ่อมบำรุง 1 คน และช่างไฟฟ้าทั่วไป 1 คน สมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ 3 คน และไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกฯ 3 คน
ส่วนการขอความช่วยเหลือคนไทยและแรงงานไทย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางการสื่อสารที่กระทรวงการต่างประเทศกำหนด หมายเลขฉุกเฉิน (096-165-7120, 096-352-0513, 096-352-9015) รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้เปิดช่องทางการติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือที่หมายเลข +201 0194-01243 หรืออีเมล consular.cai@mfa.go.th
นายกรัฐมนตรี บวงสรวงศาลหลักเมือง เนื่องในวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ครบรอบ 241 ปี
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาพุทธและพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมืองประจำปี 2566 ครบรอบ 241 ปี โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์จำนวน 9 รูป
โดยนายกรัฐมนตรี ได้เข้าสักการะพระพุทธรูปบนหอพระพุทธรูป และถวายพวงมาลัย พร้อมใส่บาตรประจำวันเกิด จากนั้นทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง ภายในอาคารศาลหลักเมือง พร้อมถวายผ้าตาดและถวายพวงมาลัย ก่อนที่จะทำพิธีสักการะเทพารักษ์ทั้ง 5 บนอาคารเทพารักษ์ เติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิดครึ่งเหยือกและเติมที่ตะเกียงสะเดาะเคราะห์ครึ่งเหยือกที่เหลือ จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีจุดธูปเทียนบนโต๊ะบวงสรวง ปักธูปหางที่เครื่องบวงสรวง ก่อนที่โหรหลวงอ่านโองการบวงสรวงองค์พระหลักเมือง
สำหรับศาลหลักเมือง เป็นปูชนียสถานอันศักด์สิทธิ์ของประเทศไทย เป็นที่ประดิษฐานของพระหลักเมืองและเทพารักษ์ทั้ง 5 ที่ปกปักรักษาพระนครและประเทศชาติให้มีเอกราช เจริญรุ่งเรืองและยังมีหอพระที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดให้ประชาชนได้มาสักการะบูชา นอกจากมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นศูนย์รวมของประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติที่เลื่อมใสศรัทธาอย่างแท้จริง
กรมอนามัย แนะหน้าร้อนเลือกน้ำแข็งที่ผ่านมาตรฐาน GMP ลดการปนเปื้อนเชื้อก่อโรค
นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงหน้าร้อนเครื่องดื่มและของหวานคลายร้อนจะได้รับความนิยมอย่างมาก ประชาชนส่วนใหญ่มักเลือกกินน้ำแข็งไส ขนมปังเย็น น้ำผลไม้ปั่น หรือน้ำต่างๆ ซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำแข็งเป็นหลัก หากใช้น้ำแข็งที่ไม่สะอาดจะเสี่ยงต่อโรคในระบบทางเดินอาหารได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรเลือกน้ำแข็งที่มีวิธีการผลิตที่ถูกสุขลักษณะได้มาตรฐาน GMP ซึ่งครอบคลุมด้านสุขลักษณะตั้งแต่ สถานที่ผลิต เครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิต คุณภาพน้ำที่ใช้ผลิต ภาชนะบรรจุ กระบวนการบรรจุ กระบวนการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค การควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงสุขลัษณะของผู้ปฎิบัติงานและการควบคุมสัตว์แมลงนำโรคด้วย ส่วนประชาชนทั่วไปที่จะเลือกซื้อน้ำแข็งมาบริโภคจึงควรเลือกซื้อน้ำแข็งที่ได้มาตรฐาน GMP มีเลขสารบบอาหาร 13 หลัก ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ภาชนะบรรจุสะอาด ต้องเป็นน้ำแข็งที่ผลิตเพื่อการบริโภค นอกนั้นอาจจะสังเกตุเมื่อน้ำแข็งละลายจะต้องใส ไม่มีตะกอนขาวขุ่นๆ ปะปนมาจากน้ำแข็ง
กระทรวงสาธารณสุข ควบคุมการผลิตน้ำแข็งเพื่อจำหน่ายในเรื่อง ของคุณภาพมาตรฐานต่างๆ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 78 และฉบับที่ 137 เรื่องน้ำแข็ง เพื่อกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 นอกจากนี้ ยังมีพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 ยังบัญญัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการควบคุม ตรวจสอบสุขลักษณะของการจำหน่ายน้ำแข็งในร้านอาหารและแผงลอย ตามข้อกำหนดของท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม อาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น ผู้จำหน่ายน้ำแข็งจะต้องคำนึงถึงความสะอาดและปลอดภัย สถานที่เก็บรักษาเพื่อจำหน่ายต้องมีระดับสูงกว่าทางเดิน ง่ายต่อการทำความสะอาดและไม่มีสิ่งปนเปื้อนในน้ำแข็ง ภาชนะที่ใช้บรรจุน้ำแข็งต้องสะอาด ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค หากเป็นน้ำแข็งที่บรรจุในถุงพลาสติกจะต้องเป็นพลาสติกไม่มีสีและไม่บรรจุในถุงพลาสติกที่ผ่านการใช้มาแล้วหรือเป็นถุง ที่เคยบรรจุสารเคมีมาก่อน เช่น สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือปุ๋ย เป็นต้น ถ้าบรรจุในถังน้ำแข็งต้องเป็นถังที่บรรจุน้ำแข็งอย่างเดียวอาจจะมีที่ตักน้ำแข็งแบบมีด้ามเพื่อใช้ตักน้ำแข็งเท่านั้น ไม่ควรใช้แก้วหรือถ้วย กระป๋องจ้วงตักน้ำแข็งและห้ามนำขวดน้ำดื่ม น้ำอัดลม ผักหรือเนื้อสัตว์ แช่ในถังน้ำแข็งสำหรับบริโภค
ประชาชนควรเลือกซื้อน้ำแข็งที่ถูกสุขลักษณะได้มาตรฐาน GMP และหากจะบริโภคน้ำแข็งที่ใช้ตักแบ่งขายในร้านอาหาร ควรหลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ขนส่งโดยถุงกระสอบ หรือน้ำแข็งบดบรรจุกระสอบ และผู้จำหน่ายต้องไม่นำสิ่งของอื่นมาแช่ปะปนกับน้ำแข็งบริโภค เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ที่จะตามมากับน้ำแข็งที่ไม่ได้มาตรฐาน
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว