สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (10-14 เมษายน 2566)

สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (10-14 เมษายน 2566)
การเมือง/มั่นคง
10 เมษายน 2566
เลขาธิการ กกต. ขอโทษประชาชนที่ระบบลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้ามีปัญหา
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีเกิดปัญหาในระบบการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าที่ระบบล่ม ว่า ต้องขอโทษประชาชนที่อาจเกิดจากปัญหาระบบหน่วงตั้งแต่ 21.00 น เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยปกติแล้วระบบสามารถรองรับผู้ใช้งานได้ 4,000 คนต่อ 1 วินาที แต่เมื่อคืนอาจจะมากกว่านั้นจึงทำให้เกิดปัญหา ซึ่งสำนักทะเบียนพยายามแก้ไข ทั้งนี้หากมีผู้ที่ลงทะเบียนแล้วค้างอยู่ในระบบให้แจ้งว่า ได้มีการลงเลือกตั้งพื้นที่ใด เนื่องจากการลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ายังไม่สมบูรณ์จะมีการอำนวยความสะดวกให้ เพื่อดูแลไม่ให้เสียสิทธิ์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ กกต. ยังขอแก้ไขและไม่สามารถตอบได้ว่าจะขยายเวลาลงทะเบียนหรือไม่
เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ตัวเลขการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตและนอกราชอาณาจักร ขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีผู้ลงทะเบียนมาแล้วกว่า 2,400,000 คน และยังกรอกรายละเอียดลงในระบบไม่ครบคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ลงทะเบียนจะใกล้เคียงกับการเลือกตั้ง เมื่อปี 2562 ที่มีผู้ลงทะเบียนกว่า 2,600,000 คน พร้อมคาดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ร้อยละ 80
11 เมษายน 2566
กกต. เผยพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 57 ล้านใบ และขณะนี้ยังไม่เคาะสีบัตรเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ
นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 52 ล้านคน จะมีการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งประมาณ 57 ล้านใบ ซึ่งการแจกบัตรเลือกตั้งต้องแจกเต็มเล่มไม่มีการตัดหรือการแยก เพราะการจ่ายบัตรเลือกตั้งจะจ่ายตามจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น ๆ ไม่ได้ อีกทั้งจะต้องสำรองบัตรบางส่วนไว้ แต่จะสำรองให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น หากสำรองมากจะเกิดปัญหา
ส่วนมาตรการป้องกันการปลอมแปลงบัตรเลือกตั้ง ยืนยันว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบได้ว่าบัตรที่นำมาใช้เป็นบัตรจริงหรือไม่ มีกระบวนการตรวจสอบสีและเนื้อกระดาษที่จัดพิมพ์ เพื่อป้องกันการแอบอ้างนำบัตรมาใช้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดกระบวนการตรวจสอบได้ สำหรับรูปแบบบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตจะกำหนดช่องทำเครื่องหมายกับหมายเลขของผู้สมัครเท่านั้น
ส่วนบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจะมีรายละเอียดหมายเลขประจำพรรค ชื่อพรรค โลโกพรรคและช่องทำเครื่องหมาย ซึ่งแตกต่างจากบัตรเลือกเมื่อเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่มีบัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่ครั้งนี้บัตร 2 ใบลักษณะคู่ขนาน โดยบัตรแบบแบ่งเขตที่ไม่กำหนดรายละเอียดนั้น ข้อดีจะไม่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เพราะครั้งนี้ผู้สมัครเขตสูงสุด 20 คน ขนาดของบัตรเลือกตั้งแตกต่างกัน แต่รายละเอียดของบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจะมีมากกว่าถึง 67 พรรคการเมือง อีกทั้งหน้าหน่วยเลือกตั้งแต่ละพื้นที่จะมีป้ายปิดประกาศผู้สมัครและพรรคการเมืองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการลงคะแนน โดยย้ำว่าบัตรเลือกตั้งต้องทำตามกฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะมาตรา 84 กำหนดไว้อย่างชัดเจน
รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า บัตรเลือกตั้งที่ กกต. มีการประชาสัมพันธ์ออกไปก่อนหน้านั้นเจตนาต้องการให้ประชาชนรับทราบถึงรูปแบบว่าบัตรเลือกตั้งแต่ละประเภทมีสาระสำคัญในบัตรอย่างไรบ้าง ส่วนสีบัตรที่ประชาสัมพันธ์ออกไปไม่ใช่สีที่ใช้สำหรับบัตรเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะ กกต.ยังไม่ได้มีการกำหนดสีบัตรเลือกตั้ง ซึ่งจะประชาสัมพันธ์เรื่องสีของบัตรเลือกตั้งแน่นอนหลังจากการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งแล้ว
12 เมษายน 2566
ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้า 2,350,969 ราย
สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง สรุปจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร ในวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2566 โดยเปีดให้ลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2566 จนถึงวันที่ 9 เมษายน 2566 มีจำนวนผู้ขอลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้า จำนวนทั้งสิ้น 2,350,969 ราย แบ่งเป็นการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง จำนวน 2,216,950 คน ลงทะเบียนทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 2,156,578 คน ลงทะเบียน ณ สำนักทะเบียนอำเภอ เขต หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น จำนวน 60,372 คน การลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจำนวน 18,880 คน ลงทะเบียน ณ สำนักทะเบียนอำเภอ เขต หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น จำนวน 18,880 คน การลงทะบียนขอช้สิทธิเลือกตั้งนอกราซอาณาจักร จำนวน 115,139 คน ลงทะเบียนทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 109,442 คน ลงทะเบียน ณ สำนักทะเบียนอำเภอ เขต หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น จำนวน 5,697 คน ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Facebook แฟนเพจ "สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง" หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1444
13 เมษายน 2566
กกต. ชี้แจงกรณีเดินทางไปดูงานการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. นอกราชอาณาจักร เพื่อตรวจติดตาม การเตรียมความพร้อม รับฟังสภาพปัญหา
ตามที่ปรากฏข่าวกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง เดินทางไปตรวจติดตามดูงานการเตรียมการการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในต่างประเทศ นั้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอชี้ว่า การเดินทางไปดูงานการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเป็นไปตามโครงการการเตรียมการและตรวจติดตามการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป ซึ่งโครงการดังกล่าวได้จัดขึ้นทุกครั้งที่มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกราชอาณาจักร เพื่อตรวจติดตาม การเตรียมความพร้อม รับฟังสภาพปัญหา รวมทั้งการบริหารจัดการการเลือกตั้ง ในแต่ละประเทศที่มีข้อจำกัดแตกต่างกันตามกฎหมายภายในของประเทศนั้นๆ ลักษณะภูมิประเทศ สภาพความเป็นอยู่ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรืออาจนำมาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก่อนดำเนินการ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีการหารือร่วมกันกับกระทรวงการต่างประเทศมาโดยตลอดถึงวิธีการที่จะทำให้การเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและบรรลุตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด ต่อมากระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้งเดินทางไปเข้าร่วม โครงการเตรียมการและตรวจติดตามการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรของสถานทูตและสถานกงสุลในประเทศต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการนำมาพัฒนาระบบการบริหรจัดการการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ในโอกาสต่อไปจึงได้พิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่กระทบกับงานตามแผนปฏิบัติการที่ได้กำหนดไว้แล้ว รวมถึงการเดินทางในห้วงเวลาที่จะไม่เป็นภาระในการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรของสถานทูต หรือสถานกงสุลในประเทศต่างๆ จึงได้กำหนดให้มีการเดินทางในห้วงระหว่างวันที่ 4 - 24 เมษายน 2566 โดยแต่ละเส้นทางไม่ได้เดินทางไปพร้อมกัน และแต่ละเส้นทางที่เดินทาง ประกอบด้วยกรรมการการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็น เพียง 45 คน เท่านั้น
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานสนับสนุนดำเนินการไว้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะเดินทางไปต่างประเทศก็ยังมีการนัดหมายการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งตามปกติผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และหากมีเรื่องด่วนก็อาจนัดหมายการประชุมเพิ่มเติมจากการประชุมตามปกติก็ได้
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าการเดินทางไปต่างประเทศ ของคณะกรรมการการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทำให้ไม่สามารถพิจารณคำร้องเรื่องการหาเสียงตามนโยบายให้เงินดิจิทัล 10,000 บาท และการขยายเวลาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า นั้น ยังมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงคือ กรณีคำร้องนโยบายการหาเสียงการให้เงินทางดิจิทัล 10,000 บาท เป็นการยื่นคำร้องว่า มีการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง เมื่อมีผู้ยื่นคำร้องสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบเบื้องต้นแล้ว และได้ดำเนินการตามขั้นตอนการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ซึ่งต้องเป็นไปตามกรอบระยะเวลาและขั้นตอนที่กำหนด
สำหรับการขยายเวลาการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า กรณีเกิดปัญหาผู้ลงทะเบียนบางส่วนไม่อาจลงทะเบียนได้ในช่วงเวลา 21.00 น.-24.00 น. ของวันที่ 9 เมษายน 2566 เนื่องจากข้อจำกัดของระบบที่มีศักยภาพในการรองรับการเข้าใช้งานลงทะเบียนพร้อมกันเพียง 5,000 คนต่อ 1 วินาที ถ้าสูงเกินกว่าจำนวนดังกล่าวจะทำให้ระบบล่าช้า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบแล้ว พร้อมทั้งได้ประสานงานกับสำนักบริหารการทะเบียน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข โดยได้ข้อสรุปว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวระบบสามารถบันทึกข้อมูลผู้ประสงค์จะลงทะเบียนแต่แสดงผลว่าลงทะเบียนไม่สำเร็จไว้ ซึ่งระบบสามารถดึงข้อมูลผู้ประสงค์จะลงทะเบียนดังกล่าวมาจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้เกือบทั้งหมด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงเห็นว่า ไม่จำต้องขยายเวลาลงทะเบียนออกไปและได้รายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วยแล้ว
กกต. เน้นย้ำข้อพึงระวังการหาเสียงเลือกตั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ เน้นย้ำเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ซึ่งกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.00 ฯ.- 17.00 น. เป็นวันเลือกตั้ง ทั้งนี้การหาเสียงเลือกตั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียง และลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แหนราษฎร พ.ศ. 2561 โดยได้กำหนดกรอบระยะเวลาการให้ปฏิบัติ วิธีปฏิบัติ และข้อห้ามในการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส. พรรคการเมือง รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และหน่วยงานของรัฐ จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนอาจได้รับโทษปรับ หรือจำคุก เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ตลอดทั้งการยุบพรรคการเมือง
สำหรับข้อห้ามที่พึงระวังกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เช่น จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณ เป็นเงินได้แก่ผู้ใด รวมทั้ง ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์หรือสถาบันอื่นใด ตลอดทั้งทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ และการเลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด โดยผู้สมัค และพรรคการเมือง จะต้องพึงระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมถึงข้าราชการ อย่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ ในการเป็นคุณเป็นโทษต่อผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เนื่องจากการใช้ตำแหน่งหน้าที่ก็อาจจะเกี่ยวกับความไม่เป็นกลางทางการเมืองด้วย
ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Facebook แฟนเพจ "สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง" หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1444
14 เมษายน 2566
กกต. เปิดช่องทางแจ้งข้อมูลเบาะแสการทุจริตเลือกตั้ง ส.ส. เงินรางวัลผู้แจ้งเบาะแส 100,000 - 1,000,000 บาท
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดำเนินการเปิดช่องทางการรับแจ้งเบาะแสทุจริต การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป ในหลายช่องทางโดยประชาชนที่พบเห็นการกระทำทุจริตการเลือกตั้ง เช่น การแจกเงิน สิ่งของ สามารถรายงานสถานการณ์และป้องกันการทุจริตเลือกตั้งได้ด้วยการแจ้งเบาะแส หรือหลักฐานการทุจริตเลือกตั้งผ่านช่องทาง ได้แก่ แอปพลิเคชันตาสับปะรด โดยการดาวน์โหลด ผ่านเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ App Store และ Google Play รองรับโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 8 ขึ้นไป และ เOS เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป
แอปพลิเคชัน "ตาสับปะรด" สามารถรายงานสถานการณ์ได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง หรือวิดีโอ ศูนย์รับแจ้งเบาะแสทุจริตการเลือกตั้ง หมายเลขโทรศัพท์ 0 2141 8860, 0 2141 8579 และ 0 2141 8858 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร บริการสายด่วน กกต. 1444
สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสทุจริตในการเลือกตั้ง ส.ส. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดให้มีรางวัลสนับสนุนแก่ผู้แจ้งข้อมูลเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ไต่สวนคดี โดยมีเงินรางวัล ตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสำคัญของข้อมูล โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประสานความร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการรักษาความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้แจ้งข้อมูล
ทั้งนี้ การแจ้งเบาะแสทุจริต ไม่ถือว่าเป็นการยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 และต้องไม่มีเจตนาหรือจงใจกลั่นแกล้ง เพื่อทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสื่อมเสียหรือเสียหาย รวมทั้งต้องไม่แจ้งด้วยข้อความอันเป็นเท็จการทุจริตเลือกตั้ง
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
10 เมษายน 2566
กรมการค้าภายใน ร่วมกับแม็คโคร-โลตัส ช่วยชาวสวนไทย สร้างเม็ดเงินสู่เกษตรกรกว่า 2,200 ล้านบาท
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายใน ร่วมกับแม็คโครและโลตัส ว่า แม็คโคร-โลตัส ได้ขานรับนโยบาย กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งความร่วมมือกันในครั้งนี้นับว่าเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญของธุรกิจเพื่อช่วยเกษตรกรไทยระบายผลผลิตสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะทำให้ประชาชนคนไทยได้บริโภคผลไม้คุณภาพดีแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่เกษตรกรอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนผลผลิตจากเกษตรกร ช่วงฤดูกาลผลไม้ออกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็น มะม่วง เงาะ ลำไย มังคุด ลิ้นจี่ทุเรียน ลองกอง สละ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายการรับซื้อรวมกันกว่า 54 ล้านกิโลกรัม หรือ 54,000 ตัน กระจายผ่านสาขาของแม็คโครและโลตัส กว่า 2,800 แห่งทั่วไทย รวมถึงช่องทางออนไลน์ โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 2,200 ล้านบาท เช่นเดียวกับในช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาว จะมีเงินสะพัดกว่า 1.25 แสนล้านบาท
11 เมษายน 2566
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ส่งเสริมเส้นทางเชื่อมโยงอันดามัน
นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการสำนักงานกระบี่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จังหวัดกระบี่มีแหล่งท่องเที่ยวกระบี่ทางน้ำที่น่าสนใจ รวมถึงมีชุมชนท่องเที่ยวที่น่าค้นหา รองรับการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ ขณะที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีนักท่องเที่ยวเข้ามากระบี่ทั้งหมด 288,357 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 168,938 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 119,419 คน จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าประมาณ 245,504 คนนั้น อัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยอยู่ที่ ร้อยละ 75.52 ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนจากการท่องเที่ยวโดยรวมอยู่ที่ 2,255.87 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับเดือนมกราคม 2566 จังหวัดกระบี่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 42,853 คน และสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 184.18 ล้านบาท หากในอนาคตเที่ยวบินต่างประเทศที่เข้ามายังจังหวัดกระบี่ หรือประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม สายการบินเวียตเจ็ทแอร์จะเพิ่มเที่ยวบินอีกหนึ่งไฟลท์ และเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ประธานกรรมการบริหารสายการบินลาวและคณะ ได้มาร่วมหารือและรับคำแนะนำข้อมูลเชิงการท่องเที่ยวและองค์ประกอบข้อมูลอื่นๆ จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีแผนเปิดสายการบินลาว-จังหวัดกระบี่ หากสายการบินลาวที่บินตรงจากหลวงพระบางมายังจังหวัดกระบี่ ก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดกระบี่มากยิ่งขึ้น
บขส. เสริมรถ 4,500 เที่ยวรองรับ 1 แสนคนกลับบ้านสงกรานต์
นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยถึงตัวเลขการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา บขส. จัดรถโดยสารรองรับการเดินทางในเที่ยวไป 3,440 เที่ยว มีผู้โดยสารใช้บริการ 40,819 คน ส่วนเที่ยวกลับได้จัดรถโดยสาร 3,369 เที่ยว รองรับผู้โดยสารใช้บริการ 35,718 คน โดย บขส. สามารถจัดรถโดยสารได้เพียงพอไม่มีผู้โดยสารตกค้าง
ขณะที่ ในวันที่ 11-12 เมษษยนนี้ คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณผู้โดยสารใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพทั้ง 5 แห่ง เพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยวันละ 60,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เฉลี่ยวันละ 4,500 เที่ยว และได้เตรียมรถโดยสารไม่ประจำทาง มาจัดเสริมในเส้นทางต่างๆ อีก 700 คัน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุดวันละกว่า 100,000 คน
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ บขส.กำชับทุกฝ่ายให้อำนวยความสะดวกประชาชนด้วยความสะดวกปลอดภัย ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมและขอให้ผู้ประกอบการรถร่วมปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด
12 เมษายน 2566
นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยไตรมาสแรกปี 2566 กว่า 6.5 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 2 แสนล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม มีจำนวนสะสม อยู่ที่ 6,465,737 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 โดยแบ่งเป็นเดือนมกราคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,144,948 คน เดือนกุมภาพันธ์ 2,113,550 คน และเดือนมีนาคม 2,207,239 คน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 256,194 ล้านบาท ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมเกือบ 6.5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากโซนเอเชียตะวันออกร้อยละ 56.8 โซนยุโรป ร้อยละ 26.5 และอื่นๆ อาทิ อินเดีย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย อิสราเอล แคนาดา และซาอุดีอาระเบีย อีกร้อยละ 16.7 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย สูงสุด 5 อันดับแรก ในช่วง 3 เดือนแรก ได้แก่มาเลเซีย รัสเซีย จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย ตามลำดับ
ขณะที่ ททท. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน และมีแนวโน้มจะสูงถึงที่ 7-8 ล้านคน ขึ้นอยู่กับปริมาณเที่ยวบินในช่วงตารางบินฤดูหนาว 2566/2567 รองลงมาคือ มาเลเซีย ประมาณ 4 ล้านคน อินเดีย 2 ล้านคน ส่วนรัสเซียและเกาหลีใต้ คาดว่าจะเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน
“เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” พร้อมยกระดับสู่สากล ภายใต้ชื่องาน INTERNATIONAL AMAZING SPLASH 2023
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. จัดงาน เทศกาลสาดความสุขสนุกแบบอินเตอร์ (INTERNATIONAL AMAZING SPLASH 2023) ซึ่งจะนำเทศกาลที่เป็นที่รู้จักระดับโลกมาร่วมจัดแสดงควบคู่ไปกับงานเทศกาล “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” ระหว่างวันที่ 13 - 15 เมษายน 2566 บริเวณซอยจุฬาลงกรณ์ 5 (ถนนอุทยาน 100 ปี)
ภายในงานแบ่งออกเป็น 4 ส่วนกิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมขบวนแห่สงกรานต์นานาชาติ INTERNATIONAL CARAVAN : ขบวนแห่ประเพณีสงกรานต์และวัฒนธรรมนานาชาติจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย จีน อินเดีย ญี่ปุ่นและเกาหลี กิจกรรม AMAZING SPLASH OF THE WORLD จำลองบรรยากาศประเพณีวัฒนธรรมของต่างประเทศที่มีความใกล้เคียงกับประเพณีสงกรานต์ประเทศไทย มานำเสนอเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กิจกรรมที่ MAIN STAGE พบกับศิลปินนักร้องดีเจชาวไทย และชาวต่างชาติ และกิจกรรมที่ AMAZING FOOD บูธอาหาร และ Food Truck แบบนานาชาติ ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และไทย รวมกว่า 30 ร้านค้า
นอกจากนี้ ททท. ยังสนับสนุนการจัดกิจกรรมสงกรานต์ในพื้นที่ต่างๆ อาทิ งาน Water Festival 2023 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย 2566 ระหว่างวันที่ 13 - 16 เมษายนนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Amazing Thailand หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1672 Travel Buddy
13 เมษายน 2566
“เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” รับปีใหม่ไทย ยกระดับเทศกาลสากล ควบคู่ไปกับงาน INTERNATIONAL AMAZING SPLASH 2023
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. จัดงาน เทศกาลสาดความสุขสนุกแบบอินเตอร์ (INTERNATIONAL AMAZING SPLASH 2023) ซึ่งจะนำเทศกาลที่เป็นที่รู้จักระดับโลกมาร่วมจัดแสดงควบคู่ไปกับงานเทศกาล “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” ระหว่างวันที่ 13 -15 เมษายน 2565 บริเวณซอยจุฬาลงกรณ์ 5 (ถนนอุทยาน 100 ปี) โดยภายในงานแบ่งออกเป็น 4 ส่วนกิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมขบวนแห่สงกรานต์นานาชาติ INTERNATIONAL CARAVAN : ขบวนแห่ประเพณีสงกรานต์และวัฒนธรรมนานาชาติจาก 5 ประเทศได้แก่ ประเทศไทย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลี
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม AMAZING SPLASH OF THE WORLD จำลองบรรยากาศประเพณีวัฒนธรรมของต่างประเทศที่มีความใกล้เคียงกับประเพณีสงกรานต์ประเทศไทย มานำเสนอเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กิจกรรมที่ MAIN STAGE พบกับศิลปินนักร้องดีเจชาวไทยและชาวต่างชาติ และกิจกรรมที่ AMAZING FOOD จัดเต็มด้วยบูธอาหาร และ Food Truck แบบนานาชาติ ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และไทย รวมกว่า 30 ร้านค้า
ททท. คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 จะก่อให้เกิดรายได้รวมประมาณ 18,530 ล้านบาท สำหรับตลาดในประเทศ คาดว่ามีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 3,808,500 คน-ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียน 13,500 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ 305,000 คน และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 5,030 ล้านบาท
ธนาคารออมสิน เปิดตัวเงินฝากพิเศษ 9 เดือน 13 เดือน ดอกเบี้ยสูง ไม่ต้องเสียภาษี
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารออมสินได้เปิดให้ประชาชนฝากเงินรับดอกเบี้ยสูง ไม่ต้องเสียภาษี กับเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 11 เดือน ได้รับดอกเบี้ยเฉลี่ยเทียบเท่าเงินฝากประจำร้อยละ 1.60 ซึ่งเป็นโปรโมชันเงินฝากเฉลิมฉลองในโอกาสที่ธนาคารออมสินก้าวสู่ปีที่ 111 โดยเปิดรับฝากครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน - 11 เมษายน 2566 ซึ่งเพียงระยะเวลา 11 วัน มียอดเงินฝากสูงถึง 25,133 ล้านบาท ได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาด ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการออมอย่างต่อเนื่อง และประชาชนได้รับประโยชน์ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ธนาคารได้เปิดตัวเงินฝากเงื่อนไขพิเศษอีก 2 ประเภท ได้แก่ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 ต่อปี และ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 13 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.19 ต่อปี เปิดรับฝากทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลทุกประเภท เริ่มต้นฝาก 10,000 บาท ฝากเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินรับฝากและบุคคลธรรมดาได้รับดอกเบี้ยไม่ถูกหักภาษี เปิดรับฝากตั้งแต่บัดนี้ ถึง 30 เมษายนนี้ ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
ธ.ก.ส. เปิดรับฝากออมทรัพย์พิเศษ “เงินฝาก Step Up” ระยะเวลา 10 เดือน ดอกเบี้ยสูง ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด เริ่ม 17 เมษายนนี้
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดรับฝากเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ “เงินฝาก Step Up” ระยะเวลารับฝาก 10 เดือน เริ่มรับฝากตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2566 – 15 กุมภาพันธ์ 2567) พร้อมรับดอกเบี้ยแบบขั้นบันได สูงสุดร้อยละ 6.20 ต่อปี เฉลี่ยร้อยละ 1.50 ต่อปี แบ่งอัตราดอกเบี้ยเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 (ระยะเวลา 7 เดือน) ร้อยละ 0.90 ต่อปี ช่วงที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2567 (ระยะเวลา 2 เดือน) ร้อยละ 1.25 ต่อปี และช่วงที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 (ระยะเวลา 1 เดือน) ร้อยละ 6.20 ต่อปี กำหนดฝากเงินขั้นต่ำครั้งละ 50,000 บาท แต่ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด ทั้งนี้ ผู้ฝากที่ถอนเงินบางส่วน หรือปิดบัญชีก่อนครบกำหนด ธนาคารเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ร้อยละ 1 ของต้นเงินที่ถอน ขั้นต่ำครั้งละ 500 บาท
สำหรับลูกค้ารายเดิมที่เคยฝากเงิน “โครงการเงินฝาก Step up” (16 เดือน) ที่ครบกำหนดสามารถติดต่อสาขาเพื่อแสดงความประสงค์ขอฝากต่อโครงการเต็มจำนวน หรือฝากต่อบางส่วน หรือไม่ประสงค์ฝากต่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน- 15 พฤษภาคมนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
14 เมษายน 2566
จัดระเบียบการเข้า-ออก ถนนข้าวสาร อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว หวั่นไม่อยากให้ซ้ำรอยเหตุเกาหลีใต้
พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบริเวณถนนข้าวสาร ว่า เมื่อวานนี้ (13 เม.ย.66) มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นน้ำจนเกินกำลังที่พื้นที่จะรองรับได้ ประกอบกับได้รับบทเรียนตั้งแต่การจัดเทศกาลปีใหม่แล้ว จึงได้มีการปรับแผนการจัดระเบียบถนนข้าวสารใหม่ เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่เข้ามาในพื้นที่ โดยให้ประชาชนเข้าถนนข้าวสารได้ทางเดียวคือ ฝั่งถนนจักรพงษ์และฝั่งวัดชนะสงครามเท่านั้น และจะปิดไม่ให้ประชาชนเข้าถนนข้าวสารทางฝั่งถนนตะนาวและฝั่งแยกคอกวัว ซึ่งคาดว่าวันนี้ (14 เม.ย.) จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น แม้จะกำหนดเวลาปิดถนนข้าวสารให้เล่นน้ำถึงเวลา 22.00 น.
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันนี้(14 เม.ย.66) มีการเพิ่มกำลังควบคุมฝูงชน จำนวน 2 กองร้อย มาอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยตลอดทั้งงาน และเพื่อความสะดวกในการช่วยเหลือ กรณีคนที่มีอาการเป็นลมและหวั่นเกิดซ้ำรอยโศกนาฏกรรมที่อิแทวอน ประเทศเกาหลีใต้ จะมีการนำเครื่องขยายเสียงออกประกาศเป็นระยะ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถจะเดินทางมาร่วมกิจกรรมเล่นน้ำ สงกรานต์ถนนข้าวสารวันพรุ่งนี้(15 เม.ย.66) ได้อีก 1 วัน โดยจะเปิดให้เล่นน้ำตั้งแต่เวลา 12.00 น. จนถึง 22.00 น.
สังคม
10 เมษายน 2566
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตลอด 7 วัน
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในวันหยุดและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน รวมทั้งช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก กทพ. จึงได้ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ จำนวน 5 สายทาง ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันพุธที่ 12 เมษายน 2566 ถึงเวลา 24.00 น. วันอังคารที่ 18 เมษายน 2566 รวม 7 วัน ประกอบด้วยทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี)และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี–สุขสวัสดิ์)
ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน 2566 เวลา 00.01 น. ถึงวันเสาร์ที่ 15 เมษายน 2566 เวลา 24.00 น. รวม 3 วัน ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) จำนวน 19 ด่านทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) จำนวน 31 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) จำนวน 10 ด่าน ซึ่งเป็นวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีโดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทานฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL)
นอกจากนี้ กทพ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางด่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งหน่วยบริการประชาชนที่ใช้ทางพิเศษ เดินทางเข้า - ออก กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 จุด แบ่งเป็นด่านฯ ขาออกเมือง ระหว่างวันที่ 11-14 เมษายน 2566ที่ด่านฯ บางแก้ว 1 ด่านฯ ฉิมพลี ด่านฯ บางปะอิน (ขาออก) เวลา 07.00 น.– 21.00 น. และด่านฯ ขาเข้าเมือง ระหว่างวันที่ 15-17 เมษายน 2566 ที่ด่านฯ บางนา ด่านฯ จตุโชติ และด่านฯ บางปะอิน (ขาเข้า) เวลา 07.00 น.– 21.00 น.
อย. เตือนประชาชนเลือกน้ำดื่ม น้ำแข็ง อย่างปลอดภัย ช่วงหน้าร้อน
นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในช่วงฤดูร้อน ประชาชนมีการบริโภคน้ำดื่มและน้ำแข็งเป็นจำนวนมาก หากไม่ระวังบริโภคน้ำแข็งที่ผลิตและเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม อาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น เชื้ออีโคไล แซลโมเนลลา วิบริโอ คอเลอเร่ และสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส ที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษได้
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงแนะนำให้เลือกบริโภคน้ำดื่ม และโดยเฉพาะน้ำแข็ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท สะอาด มีการแสดงฉลากภาษาไทย ระบุรายละเอียดของชื่ออาหาร เลขสารบบอาหารในเครื่องหมาย อย. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิเป็นกรัมหรือกิโลกรัม วัน เดือน และปีที่ผลิต หรือควรบริโภคก่อน เป็นต้น
โดยเฉพาะฉลากของผลิตภัณฑ์น้ำแข็ง ต้องมีข้อความว่า “น้ำแข็งใช้รับประทานได้” ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงิน สำหรับการเลือกซื้อน้ำแข็งบดหรือน้ำแข็งหลอดที่ตักแบ่งหรือกดจากตู้จำหน่าย หรือเสิร์ฟตามร้านอาหาร ที่ไม่มีฉลากนั้น ผู้บริโภคควรหมั่นสังเกตลักษณะของน้ำแข็งที่จะบริโภคต้องใสสะอาด ไม่มีคราบ สี หรือกลิ่นที่ผิดปกติ ไม่มีฝุ่นผงหรือสิ่งแปลกปลอมในก้อนน้ำแข็ง โดยเลือกซื้อจากแหล่งผลิต และแหล่งจำหน่ายที่ถูกสุขลักษณะ
ทั้งนี้ หาก อย. ตรวจพบผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจะดำเนินการตามกฎหมาย โดยจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้บริโภคพบผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรี กำชับทุกภาคส่วนร่วมลดอุบัติเหตุทางถนน ลดการสูญเสียช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของประชาชนในการเดินทาง โดยเฉพาะทางถนน จึงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน บูรณาการร่วมกันลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ย้ำลดการสูญเสีย พร้อมกันนี้ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เสียสละทำงานช่วงเทศกาล ให้ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง ดูแลให้ประชาชนปลอดภัยมากที่สุด
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ขับเคลื่อน การดำเนินการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน ผ่านกลไกระดับต่างๆ กำหนดเป้าหมายภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมทั้งกวดขันการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการการแก้ไขปัญหาต่างๆ มีเป้าหมายลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บบนท้องถนนให้เหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคนภายในปี พ.ศ. 2570 เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ Vision Zero ภายในปี 2593 ขอเชิญชวนประชาชนทุกคน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการลดอัตราจำนวนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมาย ขับขี่รถอย่างมีสติ ไม่ขับรถเร็วเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด เมาไม่ขับ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้ร่วมทาง และร่วมกันสร้างการสัญจรอย่างปลอดภัยของประเทศให้ยั่งยืน
กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมพุทธบูชา มหาสงกรานต์ 9 องค์ เปิดให้ประชาชนสักการะ
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า เนื่องในประเพณีสงกรานต์ประจำปี 2566 กระทรวงวัฒนธรรมอัญเชิญ “พุทธบูชา มหาสงกรานต์” 9 องค์ มาประดิษฐานชั่วคราว ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ให้ประชาชนได้สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ระหว่างวันที่ 12 - 16 เมษายนนี้ ซึ่งพระพุทธรูปมงคลโบราณ 9 องค์อัญเชิญมาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย พระพุทธรูปปางถวายเนตร พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร พระพุทธรูปไสยาสน์ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร พระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ พระพุทธสิหิงค์จำลอง พระพุทธรูปปางรำพึง พระพุทธรูปปางนาคปรก และพระเกตุ พระหายโศก ปางสมาธิเพชร โดยจะมีพิธีเปิดงานในวันที่ 12 เมษายน
ภายในงานมีการแสดง ชุด เริงรื่นชื่นสงกรานต์ รำไทยสงกรานต์และการสาธิตน้ำอบน้ำปรุง การทำแป้งพวง และการร้อยมาลัยดอกไม้ นอกจากนี้ ในวันที่ 13 เมษายน ยังร่วมกับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เปิดงานเทศกาลสงกรานต์วัดพระเชตุพน มีการสาธิตศิลปะแม่ไม้มวยไทย โดยแชมป์มวยไทย การออกร้านจำหน่ายสินค้าจากเครือข่ายวัฒนธรรม
สำหรับการจัดการจัดกิจกรรมปีนี้ เน้นการรณรงค์สืบสานประเพณีท้องถิ่น ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและประชาสัมพันธ์ประเพณีสงกรานต์ ซึ่งขณะนี้องค์การยูเนสโก ได้รับรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมของไทยสงกรานต์ในประเทศไทย เข้าวาระการพิจารณาการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในเดือนธันวาคมนี้
11 เมษายน 2566
แพทย์เตือนเทศกาลสงกรานต์นี้ ดื่มแอลกอฮอล์ต้องไม่ขับโดยเด็ดขาด
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนส่วนใหญ่มักจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อพักผ่อนกับครอบครัวและอาจมีการรวมกลุ่มเพื่อดื่มสังสรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะเมื่อมีการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย จะทำให้ผู้ดื่มขาดสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาท หรือเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ภายหลังจากการดื่มอย่างหนัก ตื่นมาจะมีอาการเมาค้าง ทำให้อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว
นอกจากนี้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังเกิดพิษต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ผลต่อสมอง ทำให้สมองเสื่อม ความคิด ความจำบกพร่อง การตัดสินใจและการใช้เหตุผลผิดพลาด ผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เลือดออกในกระเพาะอาหาร ซึ่งถ้ามีเลือดออกมากอาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ ดังนั้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ดื่มต้องไม่ขับโดยเด็ดขาด เพื่อระวังผลกระทบร่างกายตนเองพร้อมร่วมรับผิดชอบต่อคนรอบข้างและสังคม
หากประสบปัญหาเกี่ยวกับสุรา หรือยาและสารเสพติด สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 หรือเข้ารับการบำบัดรักษายาเสพติดได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.pmnidat.go.th
กทม. ตั้งจุดบริการ 7 เส้นทาง 4 สถานีขนส่ง อำนวยความสะดวกประชาชน ลดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตช่วงสงกรานต์
นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดจุดบริการประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 เพื่อรณรงค์ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ขับรถอย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 11–17 เมษายนนี้ ในเส้นทางหลัก 7 จุด ได้แก่ ถนนบางนาตราด ถนนพระราม 2 ถนนเพชรเกษม ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนบรมราชชนนี ถนนสุวินทวงศ์ ถนนลาดกระบัง และบริเวณ 4 สถานีขนส่ง
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ประชาชนส่วนใหญ่มักจะเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มมากขึ้นและทำให้มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน กรุงเทพมหานคร จึงตั้งเป้าหมายปีนี้ เพื่อลดอุบัติเหตุตลอดช่วง 7 วัน และลดสถิติการเสียชีวิต
แนะประชาชนพกยาไทยช่วยคลายร้อนดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากอากาศร้อนจัด
นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยอากาศที่ร้อนจะส่งผลกระทบต่อธาตุไฟและธาตุน้ำในร่างกาย ทำให้ธาตุไฟกำเริบ มักทำให้มีอาการปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้ แนะนำพกยาสมุนไพรช่วยคลายร้อน เช่น ยาหอม ยาดมสมุนไพร พิมเสนน้ำ เพื่อช่วยคลายร้อน ยาหอมเทพจิตร ช่วยแก้อาการหน้ามืด ตาลาย สวิงสวายคือ อาการที่รู้สึกใจหวิว คลื่นไส้ วิงเวียน ตาพร่าจะเป็นลม ใจสั่น ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบเป็นสมุนไพรรสหอมเย็น เช่น ดอกมะลิ ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกสารภี เกสรบัวหลวง สมุนไพรรสหอมเย็นมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย แก้ร้อนในกระหายน้ำ เป็นต้น
ยาดมสมุนไพร บรรเทาอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ช่วยให้สดชื่นตื่นตัว โดยมีส่วนประกอบสมุนไพรหลักๆ เป็นสมุนไพรกลุ่มที่มีน้ำมันหอมระเหย เช่น กระวาน กานพลู ดอกจันทน์ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก พิมเสนน้ำ แก้ลมวิงเวียน หน้ามืด บำรุงหัวใจ การบูร แก้เคล็ด ขัดยอก เกล็ดสะระแหน่หรือเมนทอลมีกลิ่นหอมเย็น ซึ่งยาสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด ควรพกติดตัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงเวลาการเดินทางในเทศกาลสงกรานต์ สภาพอากาศที่ร้อนจัดก็สามารถช่วยลดอาการต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นได้
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยคลายร้อนตามภูมิปัญญาไทยคือ การดื่มน้ำที่ลอยดอกไม้โดยดอกไม้ที่นิยมใช้คือ ดอกมะลิ จะช่วยทำให้ชื่นใจ แก้กระหาย แก้อ่อนเพลีย ช่วยคลายเครียด ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยคลายร้อนและบำรุงหัวใจได้ดี หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย หรือการใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรค สามารถติดต่อที่ โทรศัพท์ 0 2149 5678 หรือช่องทางออนไลน์ที่ FACEBOOK กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และ line @DTAM
12 เมษายน 2566
ภาพรวมการจราจรถนนสายหลักช่วงเย็นก่อนวันหยุดสงกรานต์ยังคงคล่องตัวดี เจ้าหน้าที่เปิดเลนพิเศษ
พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจตรี เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจสำรวจเส้นทางการจราจร โดยบริเวณถนนมิตรภาพขาออก การจราจรยังคล่องตัวดีตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. ไปทำถึง 16.00 น. มีติดขัดในช่วงสระบุรี มวกเหล็กและช่วงกลางดง ขณะที่ทางต่างระดับบางปะอิน ปริมาณรถเริ่มมากในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. แต่ยังไม่ติดสะสม ส่วนถนนวังน้อยขาออกค่อนข้างติดขัด เริ่มมีการเปิดเลนพิเศษ
ส่วนเส้นทางวงแหวนกาญจนาภิเษกตะวันออก ช่วงด่านเก็บเงินธัญบุรีและถนนสายเอเชียมุ่งหน้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ เวลาประมาณ 17.00 น. การจราจรยังคงคล่องตัว
ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเริ่มทยอยเดินทางออกต่างจังหวัด เพื่อกลับภูมิลำเนาอย่างต่อเนื่อง
บรรยากาศที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์(สถานีกลางบางซื่อ) มีประชาชนและนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางออกต่างจังหวัด หรือท่องเที่ยว ทยอยเดินทางมาซื้อตั๋วและรอขึ้นรถไฟอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยประชาชนต่างนำสัมภาระสิ่งของต่างๆ จำนวนมากที่จะนำกลับไปฝากญาติพี่น้องติดมือไปด้วย ขณะที่ยอดการจองตั๋วโดยสารในเส้นทางระยะไกล ถูกจับจองเต็มทุกที่นั่งแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี
ซึ่งในปีนี้ การรถไฟรถไฟแห่งประเทศไทย จัดโครงการ “เดินทางกลับบ้านปลอดภัย” ระหว่างวันที่ 10–12 เมษายน โดยจะมอบพัดที่ระลึกจำนวน 10,000 ชิ้น และองค์การเภสัชกรรมมอบหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ จำนวน 5,000 ชุด ให้กับผู้ใช้บริการรถไฟทุกแห่ง เพื่อแสดงความขอบคุณและความห่วงใย
นางรัตนา แก้วชนะ หนึ่งในประชาชน กล่าวถึงความประทับใจครั้งแรกหลังจากที่มาใช้บริการที่สถานีรถไฟ สามารถจองตั๋วโดยสารผ่านเว็บไซต์ได้ด้วย นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ราคาตั๋วโดยสารยังถูกกว่าเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวอีก
ขณะที่ นางสาวณิจนันท์ สุดจิต อีกหนึ่งในประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน เปิดเผยว่า ไม่ได้กลับเมืองไทยมา 3 ปี จึงอยากใช้โอกาสนี้พาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัว
ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ยังได้เตรียมความพร้อม ในการให้บริการเดินรถและมาตรการดูแลความปลอดภัย รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยได้เพิ่มกำลังพนักงาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ ทั้งบนขบวนรถและสถานี พร้อมทั้งได้ประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเพิ่มเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครประจำตามจุดตัดถนนเสมอระดับทางรถไฟอีกด้วย
รัฐบาล เตือนประชาชนซื้อตั๋วโดยสารรถไฟ รถทัวร์ จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ อย่าซื้อตั๋วนอกระบบระวังมิจฉาชีพ
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 คาดว่า ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยวด้วยการคมนาคมช่องทางต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะ อาทิ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนที่จะมีการเดินทางในช่วงเทศกาลนี้ จัดซื้อตั๋วโดยสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ที่ช่องขายตั๋วโดยสาร หรือแอปพลิเคชัน ของบริษัทผู้ให้บริการเท่านั้น ไม่ซื้อจากนอกระบบ หรือในโซเชียลมีเดีย หรือจากบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ บขส. หรือ รฟท. เพราะอาจถูกมิจฉาชีพหลอกลวงขายตั๋วผี หรือตั๋วปลอม นอกจากสูญเสียทรัพย์สินแล้วยังไม่สามารถใช้เดินทางได้
รายงานของ รฟท. ระบุว่า ในช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ได้ตรวจสอบพบกรณีการจำหน่ายตั๋วรถไฟปลอม การเปิดรับจองตั๋ว การให้โค้ดจอง การซื้อ-ขายตั๋วโดยสารนอกระบบและได้มีประชาชนหลงเชื่อซื้อตั๋วมาจากเพจเฟซบุ๊ก แล้วตั๋วใช้ไม่ได้เนื่องจากเป็นตั๋วปลอม ดังนั้น จึงแนะนำให้ประชาชนซื้อตั๋วโดยสารผ่านช่องทางของ รฟท. ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน D-ticket เท่านั้น หากประชาชนพบเห็น หรือทราบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งเหตุได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ รฟท. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางด้าน บขส. ได้แนะนำประชาชนที่ให้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋ว หรือช่องทางที่เป็นทางการของบริษัทผู้ให้บริการเท่านั้น ระมัดระวังมิจฉาชีพที่จะเสนอขายตั๋วนอกระบบผ่านช่องทางต่างๆ โดยหากพบปัญหาในการเดินทาง ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ทันที หรือโทร สายด่วน 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งกรมการขนส่งทางบกที่ สายด่วน 1584
13 เมษายน 2566
กรมควบคุมโรค เร่งรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อเดินทาง
แพทย์หญิงศิริรัตน์ สุวรรณฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน พบยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์และสาเหตุหลักการเสียชีวิตคือ ไม่สวมใส่หมวกหมวกนิรภัย ขณะที่ช่วงอายุที่เสียชีวิตมากที่สุด อยู่ระหว่าง 15 - 30 ปี โดยสงกรานต์ในปีนี้กรมควบคุมโรคได้เร่งรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ เพื่อช่วยลดความรุนแรงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ พร้อมเตือนผู้ขับขี่และคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ที่ไม่สวมใส่หมวกนิรภัยอัตราโทษ ปรับสูงสุดถึง 2,000 บาท ชักชวนให้มีการแข่งรถในทาง จำคุกสูงสุด 6 เดือน ปรับสูงสุด 20,000 บาท แข่งรถในทาง จำคุกสูงสุด 3 เดือน ปรับสูงสุด 10,000 บาท เมาแล้วขับ จำคุกสูงสุด 1 ปี ปรับสูงสุด 20,000 บาท
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสารวันแรกคึกคัก คาดเม็ดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 30-40 ล้านบาทต่อวัน
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมงานเทศกาลมหาสงกรานต์ถนนข้าวสาร ‘สงกรานต์วิถีไทยร่วมใจสวมเสื้อลายดอก ที่กรุงเทพมหานคร เขตพระนครและสมาคมและผู้ประกอบการถนนข้าวสาร จัดขึ้น โดยมีการปิดถนนทั้งสองด้านของถนนข้าวสาร รวมไปถึงจุดปฐมพยาบาล จุดดูแลผู้ป่วย จุดคัดกรองทั้งหัวถนนและท้ายถนน มีเจ้าหน้าที่ดูแลตรวจตราความปลอดภัย และมีทางออก 6 ช่องทาง เพื่อป้องกันความแออัด เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 เมษายน ตั้งแต่เวลา 12.00 น.-20.00 น. โดยมีข้อห้าม 4 ป. คือ โป๊ เปลือย ประแป้ง และปืนฉีดน้ำความดันสูง รวมทั้งมีการตรวจอาวุธและห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาภายในบริเวณถนนข้าวสาร
ขณะที่บรรยากาศภายในงาน เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างทยอยเข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนที่มาร่วมงานต่างให้ความเห็นว่า ถนนข้าวสารที่เป็นจุดเล่นน้ำยอดนิยมของกรุงเทพมหานคร รู้สึกดีใจที่บรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์กลับมาคึกคักหลังจาก 3 ปีที่หยุดกิจกรรม เนื่องจากการระบาดของโรค COVID -19
สำหรับงานสงกรานต์ถนนข้าวสารในปีนี้ ภายในงานมีอุโมงค์น้ำมนต์ จอแอลซีดีถ่ายทอดความเคลื่อนไหวในงาน มีบริการบอดี้เพนต์เรืองแสงสำหรับผู้มาเที่ยว ด้านสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวสงกรานต์ถนนข้าวสาร ประมาณ 4 หมื่นคนต่อวัน สร้างเม็ดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 30-40 ล้านบาทต่อวัน
แนะแอปพลิเคชัน Nicemap เช็คจุดจัดกิจกรรมสงกรานต์ทั่วกรุงเทพฯ พร้อมบริการรถโดยสารฟรี
นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า งานสงกรานต์ปีนี้ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดทำแอปพลิเคชัน NiceMap Songkran แผนที่รวบรวมสถานที่จัดงานเทศกาลสงกรานต์และกิจกรรมต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร โดย แอปพลิเคชัน NiceMap Songkran จะแสดงรูปแบบของการจัดงานในแต่ละจุด สามารถปักหมุดหรือตรวจสอบข้อมูลต่างๆ โดยประชาชนสามารถค้นหาสถานที่ หรือ ประเภทกิจกรรมที่ชอบและระดับความต้องการเปียกในการเล่นสงกรานต์
สำหรับกิจกรรมสงกรานต์ 2566 ที่จัดโดยกรุงเทพมหานคร มี 2 แห่งคือ สงกรานต์ลานคนเมือง ถือเป็น 1 จุดสำคัญ ประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น สรงน้ำพระ ประพรมน้ำมนต์ เสริมสิริมงคล รับปีใหม่ไทย การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง การแสดงโขนลิเก ดนตรีไทย เครื่องเล่นและการละเล่นไทย เป็นต้น โดยในส่วนของเวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยจะเริ่มระหว่างเวลา 17.00 น.- 22.00 น. โดยกิจกรรมจะจัดไปจนถึงวันที่ 14 เมษายน 2566 และบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม โดยจะจัดจนถึงวันที่ 15 เมษายน 2566 โดยกรุงเทพมหานครได้จัดรถพลังงานไฟฟ้า BMA Feeder บริการฟรีแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาร่วมงานเทศกาลสงกรานต์กรุงเทพมหานคร โดยจอดรับ-ส่ง ในเส้นทางตั้งแต่ลานคนเมือง คลองผดุงกรุงเกษม ไปจนถึงวันที่ 16 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น.- 20.00 น. ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย โทร. 191 เจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร. 1669 และพบเหตุเพลิงไหม้หรือสาธารณภัย โทร. 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
14 เมษายน 2566
กรมอนามัย ชวนเสริมกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ สร้างความสัมพันธ์ในวันครอบครัว
นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เนื่องจากวันที่ 14 เมษายนเป็นวันครอบครัวแห่งชาติ เป็นวันที่ลูกหลานกลับภูมิลำเนาไปเยี่ยมญาติ กรมอนามัยขอให้ทุกครอบครัวใช้โอกาสนี้ ส่งเสริมกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ เพื่อช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ด้วยการเพิ่มกิจกรรมทางกาย หากเป็นผู้สูงอายุให้เคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันให้มาก เช่น การทำงานบ้าน การเดิน ปั่นจักรยานและกิจกรรมยามว่าง เช่น การออกกำลังกาย สะสมให้ได้อย่างน้อย 150 - 300 นาทีต่อสัปดาห์ หรือเฉลี่ยอย่างน้อยวันละ 30 นาที บริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ให้แข็งแรง ควบคู่กับการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ เช่น ย่อเข่า ดึงยาง ควรมีกิจกรรมทางกายแบบผสมผสานระหว่างการเคลื่อนไหวรูปแบบต่างๆ อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ เช่น เต้นบาสโลบ ฟ้อนรำ รำวง รำไท่จี้ชี่กง กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้สูงอายุให้มีประสิทธิภาพและฝึกการทรงตัว เพื่อป้องกันการหกล้ม ชะลอการเสื่อมของกระดูกและกล้ามเนื้อต่างๆ
ทั้งนี้ ครอบครัวยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุ ตัดเล็บมือ เล็บเท้า เนื่องจากผู้สูงอายุจะมีปัญหาทางด้านสายตา ทำให้ลำบากในการทำกิจกรรมดังกล่าวและมอบความรักต่อผู้สูงอายุด้วยการกอด ทำให้เกิดความอบอุ่น ร่างกายสดชื่น มีชีวิตชีวาและยังช่วยเติมความรู้สึกอ้างว้างภายในจิตใจได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้สูงอายุมีภาวะสุขภาพดีขึ้น บรรเทาความเจ็บป่วย ซึมเศร้า ความวิตกกังวล ส่งผลให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ามากขึ้น แต่หากมีความกังวลเรื่องโรคโควิด-19 ขอให้สังเกตตนเอง หากมีอาการไอ เจ็บคอ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ หายใจลำบาก สามารถตรวจ ATK เพื่อความมั่นใจก่อนทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับครอบครัว
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว