สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (6-10 มีนาคม 2566)

สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (6-10 มีนาคม 2566)
การเมือง/มั่นคง
6 มีนาคม 2566
พรรคก้าวไกล พอใจการลงพื้นที่หาเสียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับการตอบรับอย่างดี
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายรังสิมันต์ โรม กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคก้าวไกล ในช่วงที่ผ่านมาว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้วแกนนำสำคัญของพรรคลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี ได้รับการตอบรับดีมากจากประชาชน โดยประชาชนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง และเชื่อว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่พาประเทศไทยกลับไปสู่จุดเดิม ส่วนสัปดาห์นี้ แกนนำพรรคก้าวไกลจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคมนี้ โดยจะเดินสายลงพื้นที่ภาคใต้และเปิดตัวนโยบายสุขภาพ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ และภูเก็ต
พรรคเพื่อไทย เปิดปราศรัยใหญ่ จังหวัดสุรินทร์ ขอคะแนนเสียงเลือกเพื่อไทยยกจังหวัดทั้ง 8 เขต
พรรคเพื่อไทยจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ที่ตลาดเมืองใหม่ไอคิว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และแกนนำของพรรค
นพ.ชลน่าน ขึ้นปราศรัยคนแรก โดยถือตะขอบังคับช้าง พร้อมกล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์เป็นเมืองช้าง สัญลักษณ์ของพี่น้องชาวสุรินทร์คือ ตะขอบังคับช้าง ที่อยากส่งสัญญาณว่า ถ้าช้างเชือกใด หรือผู้ใดดื้อรั้น ตกมัน พรรคเพื่อไทย จะบังคับด้วยตะขอชาวสุรินทร์ วันนี้พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อชีวิตใหม่ของพวกเรา มีทัพใหญ่ ที่นำโดยลูกสาวหล้าของอดีตนายกรัฐมนตรีในดวงใจ จะมากู้บ้านกู้เมืองคืนให้พี่น้องประชาชน อยากจะขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องชาวสุรินทร์ เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งจังหวัด
พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร 33 เขต ย้ำอุดมการณ์นำพรรคเป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทวงพาณิชย์ ร่วมงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร ของพรรคประชาธิปัตย์ 33 เขต ภายใต้งาน “ประชาธิปัตย์ = ประชาชน DEM FOR ALL” ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) โดยมีแกนนำสำคัญของพรรคหลายคนเข้าร่วม มีประชาชนชาวกรุงเทพมหานครจากหลายเขตให้ความสนใจร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้นอกจากการประกาศตัวผู้สมัครครบทั้ง 33 เขต แล้ว ยังต้องการแสดงให้เห็นถึงความมั่นคง แข็งแรงของพรรค โดยยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเปลี่ยน แต่เปลี่ยนอย่างมีวุฒิภาวะและมีสิ่งหนึ่งที่ประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนและไม่เคยคิดเปลี่ยนคือ “อุดมการณ์ ประชาธิปัตย์” พร้อมกับได้สะท้อนจุดยืนของ 3 ข้อ คือ ประชาธิปัตย์จะมุ่งมั่นพาพรรคเดินไปข้างหน้าไปสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งและยั่งยืนในอนาคต จุดยืนที่ 2 ประชาธิปัตย์จะเดินหน้าพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตย 3 เสาหลัก และจุดยืนที่ 3 ประชาธิปัตย์ขอประกาศ ไม่เอาธนกิจการเมืองไม่เอาการเมืองที่ใช้เงินประมูลตัวผู้แทนราษฎร
นายกรัฐมนตรี ออกจากโรงพยาบาล กลับบ้านพักฟื้น
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับออกจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อเวลา 17.10 น. ภายหลังเข้ารับการรักษาด้วยอาการมือขวาอักเสบและแอดมิทอยู่โรงพยาบาลเพื่อให้ยาปฏิชีวนะ ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา โดยทันทีที่ออกจากลิฟต์ พลเอก ประยุทธ์ ได้ยิ้มและโบกมือทักทายสื่อมวลชน โดยมี พลตรี ธำรงโรจน์ เต็มอุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และคณะแพทย์ ลงมาส่ง ซึ่งเป็นที่สังเกตเห็นว่า ที่มือขวายังใส่เฝือกอ่อนอยู่ แต่อาการบวมที่มือลดลง
7 มีนาคม 2566
ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ผลงานสภา 4 ปี เป็นไปด้วยดีพอสมควร
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงภาพรวมผลงาน 4 ปี ของสภาผู้แทนราษฎรว่า สภาชุดนี้มีการประชุมครบทั้ง 8 สมัย โดยวันสุดท้ายคือ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และครบวาระ 4 ปี วันที่ 23 มีนาคมนี้ นับจากการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ถือว่าเป็นระยะเวลาหนึ่งที่ครบของกระบวนการนิติบัญญัติ โดยภาพรวมนับแต่ระบบการเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปจากเดิม เกิดพรรคการเมืองใหม่ รวม 26 พรรค ทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันประกอบด้วยพรรคการเมืองเกือบ 19 พรรค ฝ่ายค้าน 7 พรรค
สภาชุดนี้เริ่มต้นจากการไม่มีสภามา 5 ปี ส่งผลให้มีทั้งบวกและลบในหลายเรื่อง ในส่วนของการพิจารณากฎหมายของสภาชุดนี้ กฎหมายที่รัฐบาลเสนอมาสามารถผ่านได้เรียบร้อยเกือบทุกฉบับ จะมีเพียงกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกบ้างที่ไม่ได้รับการพิจารณาหรือไม่ผ่านสภาเพราะเป็นกฎหมายที่เสนอร่วมกับรัฐบาล ยกเว้นช่วงหลังในปีสุดท้ายที่ไม่สามารถผ่านการพิจารณาได้ด้วยเงื่อนไขขององค์ประชุม เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถคุมเสียงข้างมากได้ และภายหลังฝ่ายค้านไม่กดบัตร ทำให้เป็นปัญหาองค์ประชุม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะสมาชิกต้องกล้าแสดงความเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับใดด้วยการลงมติไม่รับ เพื่อไม่ทำให้การพิจารณากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติสะดุด และไม่น่าเชื่อว่าลามไปถึงวุฒิสภา โดยเฉพาะการประชุมร่วมรัฐสภาที่ช่วงหลัง 2-3 ครั้งที่วุฒิสภาทำเช่นเดียวกับ ส.ส. เช่น การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา และเป็นกฎหมายเพียงกฎหมายเดียวในการประชุมร่วมรัฐสภาที่ไม่ได้พิจารณาตลอดเวลา 4 ปี
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยอมรับว่า ช่วงหลังๆ กฎหมายที่เป็นประโยชน์เสียโอกาสมาก เช่น กฎหมายขนส่งทางราง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลสำหรับการบริหารประเทศ โดยรัฐบาลส่งมาภายหลังและเป็นช่วงที่กำลังมีปัญหาองค์ประชุม ทำให้กฎหมายเหล่านั้นไม่ได้รับการพิจารณา ทั้งนี้หากไม่มีปัญหาองค์ประชุม เชื่อได้ว่ากฎหมายจะได้รับการพิจารณาทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
8 มีนาคม 2566
ยืนยันสัปดาห์หน้าไม่ใช่ ครม.นัดสุดท้าย เตรียมหารือ กกต. อีกครั้งหลังยุบสภาฯ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้(7 มี.ค.66) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้มีการพูดคุย หรือแจ้งให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในคณะรัฐมนตรีรับทราบ เรื่องกำหนดวันยุบสภาฯ ที่ชัดเจน แต่จะมีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ
ส่วนการเพิ่มค่าป่วยการให้ อสม. เป็น 2,000 บาท โดยใช้งบประมาณของปี 2567 นายวิษณุ ยืนยันว่า ไม่ใช่การให้คำมั่นสัญญาของรัฐบาล เพื่อแลกกับคะแนนเสียง แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังไม่มีการยุบสภาฯ รัฐบาลมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นการเป็นรัฐบาลในช่วงใกล้เลือกตั้ง สามารถทำอะไรได้แนบเนียนมากกว่า สำหรับเงินที่เพิ่มขึ้นของ อสม. หากรัฐบาลใหม่เข้ามา สามารถเดินหน้าต่อได้ทันที หรือจะยกเลิกไม่ดำเนินการก็ได้
นอกจากนี้ นายวิษณุ ขอทำความเข้าใจเพิ่มเติม หลังมีผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์บางช่อง ให้ความเห็นว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า อาจเป็นการประชุมนัดสุดท้าย ซึ่งในข้อเท็จจริง ขณะที่รัฐบาลทำหน้าที่รักษาการ ยังคงมีการประชุมคณะรัฐมนตรีและทำงานตามปกติ แต่เรื่องพิจารณาอาจไม่มากนัก และบางเรื่องจำเป็นต้องถามความเห็นจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ส่วนการหารือกับ กกต. เพื่อเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้ง คาดว่าจะพูดคุยกันอีกครั้งหลังยุบสภาฯ
9 มีนาคม 2566
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าประเด็นรัฐประหาร ต้องการดิสเครดิตตนเอง ขอทุกคนเดินหน้าตามกติกาประชาธิปไตย
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงบรรยากาศการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองในช่วงนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีว่า ทุกคนหาเสียงในสิ่งที่คิดว่าพรรคตนเองจะทำในอนาคตข้างหน้าได้อย่างไร ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะต่างคนต่างต้องหาเสียง แต่ในฐานะเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ย้ำกับสมาชิกพรรคไปแล้วว่า การหาเสียงทุกอย่าง ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด อย่าทำให้เกิดภาระของประเทศในวันข้างหน้าเราแก้มาตั้งนานแล้วหลายเรื่องดีขึ้น หากกลับไปที่เก่าทั้งหมดมันจะมีปัญหา
สำหรับจดหมายของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ ยอมรับว่า อ่านแล้วไม่มีอะไร ใครจะเขียนก็เขียนได้ทั้งนั้น คิดเอาเองแล้วกัน แต่ทั้งนี้มีบางประโยคจะมีย้อนไปถึงเรื่องของในเรื่องของอำนาจนิยม เรื่องที่คาบเกี่ยวกับการรัฐประหาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องตั้งแต่ปีไหนมาแล้วผมมายืนอยู่ตรงนี้ผมมายืนด้วยอะไร รัฐธรรมนูญไม่ใช่หรือ ด้วยระบบสภาและในช่วงก่อนต้องดูว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศและลองดูว่าหากไม่มีอะไรที่ทำให้ความขัดแย้งมันลดลงจะเกิดอะไรขึ้นจนถึงวันนี้ จะยืนอยู่แบบนี้ได้หรือเปล่า และขนาดนี้ไม่มีบรรยากาศความขัดแย้ง ไม่เห็นจะมี ทุกอย่างจะพัฒนาในประเทศนี้ต้องสงบเรียบร้อยมีความสุขไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น อย่ากลับไปที่เดิมอีกเลย พรุ่งนี้ก็แล้วแต่พลเอก ประวิตร ที่เอามาเขียนถึงเรื่องรัฐประหาร 2-3 ครั้ง
ส่วนที่ พลเอก ประวิตร มองว่า ถ้าพลเอก ประยุทธ์ ไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาล อาจจะมีโอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารเกิดขึ้นอีก นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่าใครจะทำ ทั้งนี้ได้พูดไปตั้งนานแล้วว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไม่ควรจะมีอีกแล้ว ซึ่งอยู่ที่พวกเราจะช่วยกันได้อย่างไรหากขัดแย้งกันรุนแรง นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ทราบว่า จะแก้ปัญหาได้อย่างไรเพราะไม่เกี่ยวข้องแล้ว พร้อมย้ำว่าตอนนี้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้ว ทุกคนพยายามอยู่ในกฎกติกา นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า กระแสข่าวว่ารัฐประหารที่ออกมานั้น เป็นการดิสเครดิตตนเอง ในฐานะที่ตนเองลงเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว ซึ่งได้อธิบายและชี้แจงไปหลายครั้ง
10 มีนาคม 2566
นายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหาและไม่ต้องเคลียร์ใจ หลังออกมาระบุมีบางพรรคแจกที่ดินหาเสียง
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาพูดถึงมีบางพรรคการเมือง แจกที่ดินเพื่อใช้นโยบายนี้มาหาเสียง ซึ่งบางส่วนมองว่าเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า
รัฐบาลทำงานและมีผลสำเร็จกับประชาชน วันนี้ก็ยังเป็นรัฐบาลอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือจะหาเสียงอย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงต้องทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบ จึงขอให้เข้าใจ
ส่วนจะมีการเคลียร์ใจ นางสาวกัญจนา ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยและสนิทกับนางสาวกัญจนา อยู่แล้ว เพราะเป็นเพื่อนกัน (เพื่อนเรียน วปอ.) เข้าใจกันหมด ไม่มีปัญหา
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
6 มีนาคม 2566
รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมการลงทุน 5 อุตสาหกรรมมมุ่งเป้าอย่างต่อเนื่อง
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเดือนมีนาคมนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เตรียมนำโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอ (บอร์ดบีโอไอ) เพื่อขออนุมัติให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมมุ่งเป้าของไทยอย่างต่อเนื่อง
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2563-2565 มีบรรษัทข้ามชาติใหญ่ระดับโลก เลือกไทยเป็นฐานลงทุนธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะ 5 อุตสาหกรรมมุ่งเป้า ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรวมถึงสถานีอัดประจุไฟฟ้า 46 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 78,115 ล้านบาท 2อุตสาหกรรมดิจิทัล 40 โครงการ มูลค่า 64,481 ล้านบาท อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 92 โครงการ มูลค่า 113,990 ล้านบาท อุตสาหกรรม BCG 1,911 โครงการ มูลค่า 305,170 ล้านบาท และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 218 โครงการ มูลค่า 53,104 ล้านบาท รวมยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 2,687 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 600,000 ล้านบาท
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า จากการเติบโตของการลงทุนดังกล่าว ถือเป็นผลงานของทีมไทยแลนด์ ที่ทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกันทำงานอย่างหนักท่ามกลางการแข่งขันกับประเทศต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติเชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาลไทย
7 มีนาคม 2566
เปิดจองสิทธิวันแรก โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5
ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ได้อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016 ล้านบาท เพื่อดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว โดยที่ผ่านมามีการเปิดให้ลงทะเบียนสำหรับผู้ร่วมโครงการรายใหม่ที่ไม่เคยได้รับสิทธิจากโครงการ เฟสที่ 1-4 และเริ่มให้ใช้สิทธิจองห้องพักได้ตั้งแต่วันนี้(7 มี.ค.66) จนถึงวันที่ 26 เมษายน 2566 เวลา 06.00 น.-23.00 น.
ขณะที่ ข้อมูลล่าสุด (เมื่อวันที่ 6 มี.ค.66) มีประชาชนลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 9,847,372 คน แบ่งเป็นคนเก่าที่เคยร่วมโครงการฯ 9,784,050 คนและคนใหม่ที่ไม่เคยร่วมโครงการจำนวน 63,332 คน มีผู้ประกอบการทั้งร้านค้า ร้านอาหารและโรงแรมเข้าร่วมโครงการฯจำนวน 6,862 ราย
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถเริ่มเดินทางใช้สิทธิได้ ระหว่างวันที่ 10 มีนาคม - 30 เมษายน โดยผู้ใช้สิทธิจะต้องติดต่อจองที่พักกับผู้ประกอบการโดยตรง อย่างน้อย 3 วันล่วงหน้าก่อนวันเข้าพัก และชำระค่าที่พัก ร้อยละ 60 ผ่านช่องทาง G Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งกำหนดให้เป็นการเดินทางข้ามจังหวัดได้ทั่วประเทศ โดยจะเปิดให้จองที่พักได้จนถึงวันที่ 26 เมษายน และสามารถเช็คอินเข้าที่พักวันสุดท้ายได้วันที่ 29 เมษายน ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องเช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก ภายในวันที่ 30 เมษายน โดยถือเป็นวันสิ้นสุดโครงการ
8 มีนาคม 2566
จองห้องพักวันแรก มีประชาชนใช้สิทธิแล้ว 279,000 สิทธิ มั่นใจทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัว สร้างเงินหมุนเวียน
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลดำเนินมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.66) เป็นวันแรกที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้เปิดระบบให้ดำเนินการจองที่พัก ปรากฏว่ามีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก เพียงวันแรกวันเดียวตั้งแต่เวลา 06.00 น.-23.00 น. มีการใช้สิทธิจองห้องพักกว่า 279,000 สิทธิจากสิทธิตามโครงการทั้งหมด 560,000 สิทธิ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบถึงความสนใจของประชาชนต่อโครงการนี้ของรัฐบาล มั่นใจว่าเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะมีส่วนสำคัญที่สนับสนุนความต่อเนื่องของการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว ช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนในการเดินทางท่องเที่ยว ผู้ร่วมโครงการมีกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ประเมินว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 นี้จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ 12,539 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ทางตรงต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยว 9,025 ล้านบาท และรายได้ทางอ้อมที่เกิดกับกิจการต่อเนื่อง 3,334 ล้านบาท โดยเมื่อรวมกับผลของมาตรการในเฟสที่ 1-4 ตั้งแต่ปี 2563-2565 จะทำให้มาตรการทั้ง 5 เฟส สร้างเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยกว่า 6 หมื่นล้านบาท
การบินไทย เพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางบินยอดนิยม พร้อมให้บริการสู่ 39 เส้นทางบิน ในตารางบินฤดูร้อน
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ถึงวันที่ 28 ตุลาคมนี้ สายการบินไทยพร้อมให้บริการสู่ 39 เส้นทางบิน และเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางบินยอดนิยม ตามตารางบินฤดูร้อนประจำปี ประกอบด้วย เส้นทางยุโรปและออสเตรเลีย เส้นทางเอเชีย เส้นทางสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม รายละเอียดตารางบิน พร้อมสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ที่เว็บไซต์ thaiairways.com สำนักงานขายการบินไทย หรือ THAI Contact Center โทร. 0-2356-1111 ทุกวัน (ตลอด 24 ชม.)
9 มีนาคม 2566
นายกรัฐมนตรี ยืนยันทำดีที่สุด ในการดูแลราคาพลังงาน ย้ำต้องไม่เป็นภาระรัฐบาลหน้า
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 2/2566 ว่า การประชุมวันนี้มีหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องพลังงานจะทำอย่างไรที่จะปรับการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้มากที่สุด ให้มีการขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนระดับท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาเรื่องโลกร้อน เรื่องขยะ และนำไปเป็นพลังงาน ซึ่งรัฐบาลมีแผนลดการใช้พลังงานฟอสซิล
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการดูแลค่าไฟฟ้า พยายามจะไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นเรื่องของราคาพลังงาน พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนและต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาววันข้างหน้า แต่วันนี้เป็นห่วงเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยของต่างประเทศ จะมีผลกระทบกับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลทำอย่างเต็มที่แล้ว โดยมีการพูดคุยกับคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง และรองนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง วันนี้ถือว่า เราทำได้ดีพอสมควร เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ ทั้งนี้เรื่องค่าไฟฟ้ามาตรการใดที่เคยทำไว้แล้วก็จะทำต่อเนื่อง พร้อมย้ำรัฐบาลใช้งบประมาณเดือนละกว่าหมื่นล้านบาท ขอทำความเข้าใจว่าเราทำอย่างเต็มที่จะไม่ให้ในระยะยาวต้องมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ไม่อยากสร้างภาระให้กับรัฐบาลใหม่ วันนี้ทำเพื่ออนาคตทั้งสิ้นทุกเรื่องอะไรที่จำเป็นก็ต้องเอาเข้ามาพิจารณากัน หลายเรื่องพอเป็นรัฐบาลรักษาการก็จะทำไม่ได้ เพราะต้องรอรัฐบาลหน้า
ขณะที่ค่าไฟฟ้าไม่สามารถลดลงได้ ประชาชนจะต้องเสียค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องขอร้องกัน ถือว่าวันนี้ได้ทำเต็มที่ดูแลเต็มที่โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมได้มีการหารือกันแล้วทุกคนโอเคถึงบางอย่างต้องนึกถึงคนที่มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง ที่ต้องดูแลและขอร้องภาคอุตสาหกรรมอย่าขึ้นราคา
ผลักดันผู้ประกอบการผ้าทอ ไอศครีม กาแฟ ขยายการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจราจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อพบหารือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีศักยภาพ ทั้งผ้าทอ ไอศกรีม และกาแฟ พร้อมให้คำแนะนำการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) รวมถึงกฎระเบียบทางการค้า การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ และกลยุทธ์การทำตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ รับมือกับการค้ายุคใหม่
ทั้งนี้ เพื่อมุ่งส่งเสริมสินค้าที่มีศักยภาพในจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้สามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายส่งออกสินค้าไปตลาดการค้าเสรี ซึ่งปัจจุบันประเทศคู่ค้า FTA ได้ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้าให้กับสินค้าส่วนใหญ่ของไทยแล้ว รวมทั้งให้ความรู้และคำแนะนำตั้งแต่กระบวนการผลิตต้นน้ำจนถึงตลาดปลายน้ำ เพื่อให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและมีตลาดรองรับที่แน่นอน
สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มผ้าทอเพชปุระ อำเภอหล่มสัก มีจุดเด่นเป็นผ้าทอที่อนุรักษ์ลวดลายโบราณ อาทิ ผ้าทอขิตลายดอกจันทร์ ย้อมผ้าด้วยสีจากธรรมชาติ เพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยกระบวนการ BCG โดยนำเศษผ้าและชิ้นส่วนผ้า ผลิตเป็นกระเป๋า สร้อยคอ ถือเป็นสินค้าพรีเมียม ที่อนุรักษ์ผ้าไทยโบราณและต่อยอดภูมิปัญญาพื้นบ้าน ทำให้เกิดการสร้างอาชีพและนำรายได้เข้าสู่ชุมชน
ขณะที่ ผู้ประกอบการ บริษัท บุณยเกียรติ ไอศกรีม จำกัด ภายใต้ไอศกรีมแบรนด์ “สาลี” ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมส่งออกสินค้าไปตลาดจีนและกัมพูชา ด้านผู้ประกอบการไร่กาแฟจ่านรินทร์ อำเภอเขาค้อ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โอกาสทางการค้าและแนวทางการพัฒนาสินค้าพรีเมียมเข้าสู่ตลาดการค้าเสรี
ยกระดับที่พักเข้าสู่เกณฑ์คุณภาพ สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการท่องเที่ยว พร้อมด้วยธนาคารออมสิน กองพัฒนาบริการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน จัดกิจกรรมล้อมวงชวนกันคุย ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนแบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) เพื่อให้คำปรึกษาและแนะนำผู้ประกอบการที่พักในพื้นที่ในการเตรียมพร้อมยกระดับสู่เกณฑ์คุณภาพที่พักนักเดินทาง Home Lodge และจัดกิจกรรม "แนวทางการพัฒนาที่พัก โฮมสเตย์ ท่องเที่ยวชุมชน ให้คงเสน่ห์และมีอัตลักษณ์อย่างยั่งยืน" โดยมีผู้ประกอบการที่พัก โฮมสเตย์ เข้าร่วมกว่า 33 ราย ซึ่งจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ กลุ่มองค์กรชุมชน ที่พัก โฮมสเตย์ และการท่องเที่ยวชุมชน ได้รับการพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน สร้างรายได้ให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
10 มีนาคม 2566
โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนและภาคเอกชนเป็นอย่างดี
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อกระแสตอบรับจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ซึ่งประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ ส่งเสริมประชาชนให้ใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวภายในประเทศอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า อัตราการเข้าพักในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 มีจำนวนเพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้กว่า 70,328 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในปีนี้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีรับทราบและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการแก้ไขในประเด็นที่มีข้อท้วงติงทั้งจากประชาชน ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ โดยเบื้องต้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิระหว่างวันที่ 10 มีนาคม – 30 เมษายน 2566 เป็นการจูงใจนักท่องเที่ยวกลุ่มกำลังซื้อสูง และมักเดินทางออกต่างประเทศในช่วง Hi-season ให้หันมาท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งการพิจารณาต่ออายุมาตรการ จะประเมินจากสถานการณ์และความจำเป็นต่อไป ส่วนประเด็นราคาห้องพักแพง ททท. ได้แจ้งผู้ประกอบการให้แจ้งราคาห้องพักสูงสุดและต่ำสุดก่อนเข้าร่วมโครงการฯ แต่เนื่องจากการดำเนินโครงการฯ อยู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยว ส่งผลให้ราคาห้องพักปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้ผู้ประกอบการแจ้งราคาและเงื่อนไขราคาเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจก่อนจองสิทธิ
เว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกัน ประกาศจำนวนสิทธิที่พักเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เต็มแล้ว
หลังรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5" โดยสามารถเริ่มจองโรงแรมที่พักได้ ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 06.00 น.- 23.00 น. ล่าสุด เว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกัน.com ประกาศว่า จำนวนสิทธิที่พักเหลือ 0 สิทธิ ซึ่งโครงการนี้ รัฐบาลจัดขึ้นเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชน ผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
สำหรับผู้ที่จองสิทธิสำเร็จ สามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่(10 มี.ค.66) จนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้ โดยจะต้องติดต่อจองที่พักกับผู้ประกอบการโดยตรงอย่างน้อย 3 วันล่วงหน้าก่อนวันเข้าพัก และชำระค่าที่พักร้อยละ 60 ผ่านช่องทาง G Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งกำหนดให้เป็นการเดินทางข้ามจังหวัดได้ทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดที่มีภูมิลำเนาเดียวกันกับบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิ
ระบบจะเปิดให้จองที่พักได้จนถึงวันที่ 26 เมษายนนี้ สามารถเช็คอินเข้าพักวันสุดท้ายได้วันที่ 29 เมษายน และต้องเช็คเอาท์ออกจากที่พักภายในวันที่ 30 เมษายน โดยถือเป็นวันสิ้นสุดของโครงการ
กระทรวงการคลัง เปิดให้ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ที่สาขาธนาคารของรัฐได้ทุกวัน
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ว่า ล่าสุด (10 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น.) มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวนทั้งสิ้น 5,702,819 ราย ขณะที่ผู้ยื่นอุทธรณ์ มีจำนวนทั้งสิ้น 861,038 ราย โดยสามารถขออุทธรณ์ได้ทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 6.00 น.- 23.00 น. ทุกวัน หรือผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน รวมทั้งสามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติและขออุทธรณ์ได้ที่ สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัดได้ทุกวัน เวลา 8.30 น.– 16.30 น. ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ยังสามารถยืนยันตัวตนได้ทุกวัน ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. รวมทั้งสาขาในห้างโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ผ่านเกณฑ์และยืนยันตัวตนสำเร็จซึ่งประสงค์ที่จะรับสิทธิมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา จะต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิใหม่ทุกคน ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมนี้ กับหน่วยงานผู้ให้บริการที่ผู้ผ่านเกณฑ์รับบริการอยู่ พร้อมย้ำว่า ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถเข้าร่วมมาตรการบรรเทาฯ ได้ทุกคน โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้าได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน เช่นเดียวกันกับค่าน้ำประปา ที่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าบริการได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน
สังคม
6 มีนาคม 2566
ตักบาตรพระสงฆ์ 66 รูป ณ ลานคนเมือง กทม. เสริมสิริมงคลเนื่องในวันมาฆบูชา
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 66 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในวันมาฆบูชา ณ ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยมีพระพรหมวชิรมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดงานประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3 เนื่องในวันมาฆบูชา โดยได้อัญเชิญพระบรมมาสารีริกธาตุจากวัดบวรนิเวศวิหารมาประดิษฐาน ณ ลานคนเมือง เพื่อเป็นศูนย์กลางพิธีให้ประชาชนได้เข้าสักการะบูชา พร้อมจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ประชาชนได้เข้าร่วมตลอดสัปดาห์ของวันมาฆบูชา
ขอเชิญชวนให้พี่น้องพุทธศาสนิกชนร่วมมาทำบุญจัดบาตร ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้ผ่องใสเนื่องในวันสำคัญทางศาสนาของไทยนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้รัฐบาลยังได้ร่วมกับวัดสุทัศนเทพวรารามจัดกิจกรรม Walk Rally 9 มงคล สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่งภายในวัดสุทัศน์ฯ ช่วยเสริมสิริมงคลและสร้างกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว หรือประชาชนที่สนใจยังสามารถร่วมกิจกรรมวันมาฆบูชาผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ dra.go.th
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา
เนื่องในวันมาฆบูชา 6 มีนาคม 2566 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า
“ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัททุกหมู่เหล่ารำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก 1,250 รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน 3 อย่างไรก็ดี หากปีใดเป็นปีอธิกมาส วันมาฆบูชาจะตรงกับดิถีเพ็ญเดือน 4 ดังเช่นที่เกิดขึ้นในปีนี้
สารัตถะประการหนึ่งในโอวาทปาติโมกข์นั้นคือ การไม่ทำบาปทั้งปวง อันเป็นหัวใจพระศาสนาประการต้นที่พุทธบริษัททั่วหน้า พึงยึดถือเป็นหลักประพฤติให้ได้ ก่อนจะก้าวไปสู่การบำเพ็ญความความดีและการชำระใจให้บริสุทธิ์ บาปทั้งปวงตามหลักพระพุทธศาสนานั้น ประมวลอยู่ในอกุศลกรรมบถ 10 ประการ จำแนกเป็นกายกรรม 3 กล่าวคือ การฆ่า การเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้ และการประพฤติผิดในกาม วจีกรรม 4 กล่าวคือ คำโกหก คำส่อเสียด คำหยาบคาย คำเพ้อเจ้อ และมโนกรรม 3 กล่าวคือ การเพ่งเล็งอยากได้ของเขา การคิดปองร้ายผู้อื่น และความเห็นผิด ครั้นเมื่อได้กระทำกรรมใดกรรมหนึ่งในอกุศลกรรมบถ 10 จึงถูกจัดว่าเป็นบาป
พุทธศาสนิกชนจึงมีหน้าที่ลด ละ และเลิก การกระทำบาปทั้งปวงแม้เล็กน้อย ซึ่งล้วนให้ผลเป็นความทุกข์ทำให้จิตใจเสื่อมคุณภาพ ยังอุปนิสัยให้กลายเป็นคนถนัดทำชั่ว จนท่วมท้นไปด้วยบาป ดั่งพระพุทธพจน์ที่ว่า
อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ
อาปูรติ พาโล ปาปสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ.
แปลความว่า “แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำฉันใด คนเขลาสั่งสมบาปแม้ทีละน้อยๆ ก็เต็มด้วยบาปฉันนั้น”
ด้วยเหตุนี้ ทุกท่านพึงขวนขวายบริจาคทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อันเป็นบุญที่เป็นชื่อของความสุขขอให้เชื่อมั่นว่าบาปที่ทำลงแล้ว จะอำนวยผลดีไม่ได้ และในขณะเดียวกัน บุญที่ทำลงแล้ว จะอำนวยผลร้ายก็ไม่ได้เช่นกัน เมื่อมั่นใจในหลักของการกระทำแล้ว ย่อมจะมีกำลังใจมุ่งมั่น ไม่ท้อถอยต่อการบำเพ็ญคุณงามความดีต่อไป ผลแห่งบุญทั้งปวงย่อมจะตามเยียวยาแก้ไขปัญหา พิทักษ์รักษา และดลบันดาลความสุขความเจริญมาสู่ผู้สั่งสมบุญไว้ดีแล้วอย่างแน่แท้
ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงดำรงมั่นคงอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอพุทธบริษัททั้งหลายจงพร้อมเพรียงกันศึกษาพระสัทธรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นสืบไป เทอญ”
7 มีนาคม 2566
เตือนฤดูร้อนปีนี้ ร้อนกว่าปีที่แล้ว อุณหภูมิสูงสุดอาจถึง 43 องศาเซลเซียส อยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพ
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยมีข้อตกลงความร่วมมือกับกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมกันเฝ้าระวังและสื่อสารเตือนภัย ความร้อนแก่ประชาชน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน อากาศจะร้อนอบอ้าวโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ คาดการณ์อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 40 - 43 องศาเซลเซียส
กรมอนามัยร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา เฝ้าระวังและสื่อสารเตือนภัยด้านสุขภาพในช่วงฤดูร้อน รวมทั้งเฝ้าระวังอาการและพฤติกรรมการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อนด้วยอนามัยโพล เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากความร้อนตั้งแต่อาการเล็กน้อย ได้แก่ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เป็นตะคริวจากความร้อน มีผื่นแดงตามผิวหนัง หรืออาจมีอาการรุนแรงจนเป็นโรคฮีทสโตรก ซึ่งหากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลทันทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์และผู้มีโรคประจำตัว รวมถึงกลุ่มอาชีพที่ต้องทำงานหนักกลางแจ้ง เช่น งานก่อสร้าง เกษตรกร
กรมอนามัย ขอแนะนำให้ประชาชนป้องกันตัวเองจากความร้อน ด้วยการดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอกระหายน้ำ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงกลางวัน หรือช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนจัด สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์ หากอุณหภูมิสูงสุดขึ้นไปที่ 43 องศาเซลเซียส ควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง และหมั่นสังเกตอาการเสี่ยงจากโรคฮีทสโตรก ได้แก่ เหงื่อไม่ออก สับสน มึนงง ตัวร้อนจัด ผิวหนังเป็นสีแดงและแห้ง
หากพบผู้ป่วยโรคฮีทสโตรกให้รีบตามแพทย์ หรือโทร 1669 และพาผู้ป่วยหลบเข้าที่ร่มหรือห้องมีความเย็น จัดผู้ป่วยให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง รวมถึงถอดเสื้อผ้าออกเท่าที่จำเป็นเพื่อระบายความร้อน ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวหรือวางถุงน้ำแข็งที่คอ รักแร้ และขาหนีบ หากผู้ป่วยหมดสติให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันโคนลิ้นอุดทางเดินหายใจ และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ทั้งนี้ สามารถรับคำแนะนำในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อนได้ที่เว็บไซต์กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ และ Facebook กรมอนามัย และกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สานพลังภาคีเครือข่าย รณรงค์คุยเรื่องเพศ
นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลกรมควบคุมโรค เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย พบว่าอัตราการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2560 สอดล้องกับข้อมูลการใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอค่อนข้างต่ำ ขณะเดียวกัน อัตราการคลอดของวัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปี ในปี 2564 ประมาณ 50,000 คน เป็นความน่ากังวลที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งหามาตราการแก้ไขปัญหาอย่างเข้มข้น ยอมรับว่าการพูดคุยเรื่องเพศกับเยาวชนเป็นเรื่องยาก ต้องสร้างทัศนคติให้เกิดความไว้ใจ สื่อสารได้
จากการจัดเสวนา คุยเรื่องเพศ ลดโอกาสพลาด ของ สสส. ได้นำเยาวชน ผู้ปกครอง ตัวแทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันและเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ปกครองเปิดใจในการสื่อสารมากขึ้น พร้อมแนะนำเทคนิคในการสื่อสาร โดยการรับฟังเพื่อสะท้อนความห่วงใย พูดคุยเหมือนเพื่อนที่ไว้ใจได้ เป็นต้นทุนสำคัญทำให้สื่อสารเรื่องเพศกับลูกได้ง่ายขึ้น รวมทั้งได้ต่อยอดไปยังสถานศึกษา ใช้เป็นสื่อการสอนให้กับผู้เรียนได้ ง่ายๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์และท้องก่อนวัยอันควรให้กับกลุ่มเยาวชน
นายชาติวุฒิ ยังยอมรับว่าปัจจุบันพ่อแม่ยุคใหม่ ยังไม่กล้าพูดคุยเรื่องเพศ ทำให้เยาวชนต้องไปหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต อาจทำให้ได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซด์ คุยเรื่องเพศ.com จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับทักษะการจัดการปัญหาและทางเลือก เพื่อให้สุขภาพของลูกปลอดภัย รวมทั้งผู้ปกครองมีทักษะขั้นสูงในการรับมือเรื่องเพศได้อย่างปลอดภัย
8 มีนาคม 2566
นายกรัฐมนตรี กล่าวคำปราศรัย เนื่องในวันสตรีสากลปี 2566
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวคำปราศรัย เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล ประจำปี 2566 ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ว่าในนามของรัฐบาล ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังสตรีไทยและผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสตรีทุกคน ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 8 มีนาคมของทุกปี เป็นวันสตรีสากล เพื่อให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกได้ตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญและการเคารพในศักดิ์ศรี รวมทั้งการพัฒนางานด้านต่างๆ เพื่อสร้างความเสมอภาคทางสังคมให้แก่สตรี
ย้ำว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มสตรี เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในหลากหลายมิติ จึงได้ยกระดับการส่งเสริมบทบาทสตรีให้สามารถมีส่วนร่วมในการเป็นพลังทางสังคม พร้อมทั้งรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนในสังคม ปรับเปลี่ยนเจตคติต่อบทบาทสตรี บนพื้นฐานของการเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าของความเป็นมนุษย์
สำหรับในการจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2566 ประเทศไทยได้กำหนดแนวคิดว่า “พลังสตรีและเด็กหญิง ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยี สู่ความเสมอภาคระหว่างเพศอย่างยั่งยืน” เพื่อให้สตรีทุกช่วงวัยได้มีส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งร่วมพลิกโฉมประเทศไทยให้เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ภายในปี 2570
กระทรวงการคลัง เตือนระวังถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ อาจเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการชักชวนเข้าร่วมลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มบุคคล หรือบริษัทหลายแห่งได้จัดหาวิธีการระดมทุนในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อจูงใจให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุน อาทิ การโฆษณาชักชวนให้นำเงินร่วมลงทุนและสัญญาจะให้ผลตอบแทนตามจำนวนเงินที่ลงทุน เป็นการให้เงินและทองรูปพรรณ ของมีค่า เป็นต้น ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูง
กระทรวงการคลัง ขอแจ้งเตือนให้ระมัดระวัง เนื่องจากพฤติการณ์ดังกล่าวอาจมีลักษณะเป็นการหลอกลวงและเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ขอให้ประชาชนที่ถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ตระหนักและระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจอ้างอิงบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อโน้มน้าวหลอกลวงให้หลงเชื่อ จนทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้
สำหรับประชาชนที่ร่วมลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์แล้วเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ หรือเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือส่งเรื่องร้องเรียนมาที่ กองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป
ตำรวจไซเบอร์ เตือนระวังถูกหลอกรับบัตรกำนัล Grab Gifts ดูดเงินในบัญชี
พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ประชาสัมพันธ์เตือนภัยมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็น Grab ส่งข้อความสั้น (SMS) แจ้งเหยื่อว่าเป็นผู้โชคดีได้รับบัตรกำนัลมูลค่าต่างๆ เพื่อหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมสำหรับควบคุมโทรศัพท์มือถือดูดเงินออกจากบัญชี อาจเป็นไฟล์อันตราย หรือไฟล์นามสกุล .apk, มีการให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล หลอกให้ตั้งรหัสผ่าน 6 หลักหลายๆ ครั้ง เพื่อหวังให้ผู้เสียหายกรอกรหัสชุดเดียวกันกับรหัสการทำธุรกรรมการเงินของแอปพลิเคชันธนาคารต่างๆ รวมไปถึงขอสิทธิ์ในการควบคุมโทรศัพท์มือถือของเหยื่อ ซึ่งมิจฉาชีพจะแสร้งหวังดีสอนขั้นตอนแก่ผู้เสียหาย และเมื่อได้สิทธิ์ควบคุมแล้วจะล็อกหน้าจอโทรศัพท์ทำให้เสมือนโทรศัพท์ค้าง ทำให้มิจฉาชีพสามารถนำรหัสที่เคยกรอกก่อนหน้านี้ทำโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายได้ทั้งหมด ซึ่งการหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าวมิจฉาชีพจะปรับเปลี่ยนหมุนเวียนชื่อหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ไปตามวันเวลา สถานการณ์ในช่วงนั้นๆ
โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกัน นอกจากการไม่กดลิงก์ที่เเนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ไม่รู้จักแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาพร้อมกับข้อความการให้สิทธิพิเศษแล้ว ควรโทรตรวจสอบกับหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ของหน่วยงานนั้น โดยตรงก่อน ไม่อนุญาตให้เข้าถึงอุปกรณ์และควบคุมโทรศัพท์มือถืออย่างเด็ดขาด รวมทั้งไม่กรอกข้อมูลส่วนตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งรหัสผ่าน 6 หลัก ที่ซ้ำกับแอปพลิเคชันของธนาคารในลักษณะดังกล่าว แต่หากติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้ว ให้รีบบังคับรีสตาร์ทอุปกรณ์นั้นทันที หากเกิดอาการค้างไม่ตอบสนองจนตัดสัญญาณโทรศัพท์จากมือถือไม่ได้ ให้ถอดซิมการ์ดโทรศัพท์ออก หรือทำการปิด Wi-fi Router
ประชาชนสามารถตรวจสอบว่าโทรศัพท์มือถือปลอดภัยหรือไม่ โดยเข้าไปที่การตั้งค่า ไปที่การช่วยเหลือพิเศษ (Accessibility) หากไม่สามารถเข้าถึงได้แสดงว่ามีความผิดปกติ ตัดสัญญาณการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตทันที เปิดใช้งาน Google Play Protect เพื่อตรวจสอบแอปพลิเคชันอันตราย และแนะนำให้อัปเดตระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
กวาดล้างเพจมิจฉาชีพทำใบขับขี่ปลอมทางออนไลน์ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัจจุบันยังพบเพจเฟซบุ๊กปลอมรับทำและรับอบรม
ต่อใบขับขี่ปลอมเป็นจำนวนมาก ล่าสุดกรมการขนส่งทางบก ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 52 ราย รวมถึงยังพบเพจปลอมมากกว่า
100 เพจ ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ที่ https://bit.ly/3YvPwdb
พฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพ จะนำรูปตราสัญลักษณ์กรมการขนส่งทางบก มาใส่ในรูปโปรไฟล์ หรือนำรูปภาพของผู้ที่ได้รับใบขับขี่มาแอบอ้าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยจะโฆษณาหลอกลวงว่าสามารถออกใบขับขี่โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งและมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 6,000 บาท รวมทั้งยังมีการแอบอ้างในการอบรมต่ออายุใบขับขี่แทน พร้อมย้ำว่าการขอรับใบขับขี่ทุกชนิดมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ต้องมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง หรือโรงเรียนสอนขับรถที่รับรองโดยกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
กรมการขนส่งทางบก ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ หรือทำธุรกรรมกับเพจเหล่านี้เด็ดขาด จะทำให้สูญเสียทรัพย์สินและเอกสารส่วนบุคคล และเสี่ยงได้รับใบขับขี่ปลอม ซึ่งผู้หลงเชื่อจะมีความผิดฐานปลอมแปลง หรือใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท
ส่วนบุคคลที่จัดทำเพจเฟซบุ๊กปลอมรับทำและรับอบรมต่อใบขับขี่ปลอม ถือเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"ปิดเทอมสร้างสรรค์ อัศจรรย์วันว่าง" ปี 2566 เริ่มเปิดกิจกรรม 11 มีนาคมนี้ สนับสนุนเด็กไทยใช้เวลาว่างทำกิจกรรม
นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่า การจัดกิจกรรม "ปิดเทอมสร้างสรรค์ อัศจรรย์วันว่าง" เป็นกิจกรรมที่ดำเนินการมากว่า 10 ปี เพื่อสนับสนุนให้เด็กไทยได้ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมนอกเวลาเรียนตามความสนใจและจากการสำรวจพบเด็กมีความต้องการเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
สสส.จึงร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรม เพื่อให้เด็กสามารถเข้าถึงได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จึงได้จัดทำแพลตฟอร์ม www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com ที่รวบรวมข้อมูลและกิจกรรมจากทุกหน่วยงานเข้ามา เพื่อช่วยลดข้อจำกัดเรื่องเวลาและขั้นตอนต่างๆ โดยมีกิจกรรมมากกมายเพื่อให้เด็กเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรม
จากการสำรวจความต้องการของเด็กในปีนี้ พบว่า เด็กต้องการกิจกรรมสร้างรายได้สร้างทักษะอาชีพและกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน สำหรับกิจกรรมประจำปี 2566 เริ่มเปิดกิจกรรมในวันที่ 11 มีนาคมนี้ ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เน้นกิจกรรม 4 โซน ได้แก่ โซนเสวนาปิดเทอมสร้างสรรค์กับการเรียนรู้ตลอดชีวิต โซนศิลปะต่างๆ โซนการทำอาหาร งานทำมือ เรารักษ์โลก และโซนบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้
สำหรับเด็กที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถศึกษาข้อมูลและลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ที่ www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดภาคเรียน
9 มีนาคม 2566
วันไตโลก “ตระหนักภัย ใส่ใจไต ป้องกันไว้ เน้นกลุ่มเสี่ยง” มุ่งเน้นการสร้างความตระหนัก ควบคุม
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก กำหนดให้วันพฤหัสบดีในสัปดาห์ที่สองของเดือนมีนาคมของทุกปีเป็นวันไตโลก ปีนี้ตรงกับวันนี้พฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม 2566
จากข้อมูลพบ 1 ใน 10 ของประชากรทั่วโลก มีการทำงานของไตผิดปกติและพบมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1 ล้านคน จากสาเหตุไม่ได้เข้ารับการรักษาโรคไตวายเรื้อรัง ขณะที่สถานการณ์โรคไตเรื้อรังในประชากรไทยพบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในปี 2565 พบว่า 1 ใน 25 ของผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังรายใหม่ โดยมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 3 จำนวน 420,212 ราย ระยะ 4 จำนวน 420,212 ราย และระยะที่ 5 ที่ต้องล้างไต มากถึง 62,386 ราย
วันไตโลกปีนี้ สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย กำหนดประเด็นรณรงค์ “ตระหนักภัย ใส่ใจไต ป้องกันไว้ เน้นกลุ่มเสี่ยง” กรมควบคุมโรค จึงมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงควบคุมความดันโลหิตให้ดี เพื่อลดการเกิดผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังรายใหม่ จากการควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี รวมถึงการใช้ยาไม่ถูกต้อง การรับประทานยาชุด ยาแก้ปวด ยาสมุนไพรบางชนิดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
ด้านนายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า คนเราสามารถสูญเสียการทำงานของไตได้ถึงร้อยละ 90 ก่อนที่จะมีอาการใดๆ ซึ่งโรคไตเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และอาจทำให้ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลไปตลอดชีวิต การป้องกันโรคสามารถทำได้โดยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้น้อยกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และน้ำตาลสะสมในเลือดน้อยกว่า ร้อยละ 7 รวมทั้งควบคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ควบคุมการรับประทานเกลือไม่น้อยกว่า 5 กรัม/วัน หรือไม่เกิน 1 ช้อนชา/วัน งดการรับประทานยาชุดแก้ปวด ยาสมุนไพร ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
ไทยติด 1 ใน 5 ประเทศ ที่มีอัตราการเกิดโรคไตสูงสุด แนะปรับพฤติกรรมการกิน ลด หวาน มัน เค็ม
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากรายงานของ The United States Renal Data System (USRDS) พบว่า ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่มีอัตราการเกิดโรคไตสูงที่สุด ซึ่งการป้องกันโรคไตเริ่มต้นง่ายๆ แค่ลดการบริโภคโซเดียมและเพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ โดยควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่า เกลือ 1 ช้อนชา แต่ปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มการบริโภคโซเดียมมากเกินไป หากกินเค็มเกินเป็นระยะเวลานาน จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไตเรื้อรัง การป้องกันภาวะไตเสื่อม ควรลดอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม พร้อมหลีกเลี่ยงประเภทอาหารที่เสี่ยงต่อการได้รับโซเดียมเกินคือ ประเภทที่มีโซเดียมสูง เช่น ผงชูรส ผงปรุงรส ซุปก้อน ผงฟู ซอสต่างๆ ประเภทเนื้อสัตว์ปรุงรสหรือแปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง แฮม ประเภทที่มีส่วนผสมของเนยและครีม เช่น เค้ก พิซซ่า ขนมอบต่างๆ ประเภทที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม เครื่องในสัตว์ เมล็ดถั่ว กุ้งแห้ง อาหารประเภทหมักดอง เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม ปลาร้า ผักกาดดอง ประเภทอาหารเติมเกลือ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวต้มซอง โจ๊กซอง ประเภทเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น คอหมูย่าง เอ็นหมู เอ็นวัว ข้อไก่ และ ประเภทที่มีโคเลสเตอรอล หรือไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ไข่แดง ไข่ปลา ปลาหมึก หอยนางรม ขาหมู
ที่สำคัญประชาชนควรอ่านฉลากโภชนาการ สังเกตปริมาณโซเดียมและโซเดียมแฝงที่ปรากฎบนภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อทุกครั้ง หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) ช่วยลดกินเค็ม ไม่ให้ไตทำงานหนักเกินไป ยืดอายุการทำงานของไต ช่วยป้องกันการเกิดโรคไตวายเรื้อรังได้
10 มีนาคม 2566
กยศ. เชิญชวนผู้กู้ยืมที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ร่วมจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค “Unlock a better life” สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า วันที่ 11 -12 มีนาคม เวลา 08.30 น.- 16.00 น. ณ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการและพันธมิตร กลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ภูมิภาคจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรีและนครนายก ที่ประสบปัญหาหนี้สินได้รับการช่วยเหลือ โดยจะมีการเปิดการเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้ร่วมกัน ตลอดจนการให้บริการอบรมความรู้ทางการเงิน
ขอเชิญชวนข้าราชการครู หรือบุคลากรทางการศึกษา ที่เป็นผู้กู้ยืม กยศ.ร่วมงาน สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาการชำระหนี้ได้ที่บูธ กยศ.
ชวนคนไทยทุกกลุ่มวัย หันมาใส่ใจการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและสม่ำเสมอ
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วันนอนหลับโลก World Sleep Day ปี 2566 ตรงกับวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม ปีนี้มีคำขวัญคือ “การนอนเป็นสิ่งสำคัญ นอนดีทุกวันสุขภาพแข็งแรง" ซึ่งการนอนหลับที่เพียงพอและสม่ำเสมอ เป็นองค์ประกอบสำคัญของการรักษาสุขภาพ ตลอดทุกช่วงวัยตั้งแต่ทารกในครรภ์มารดา เด็กปฐมวัย และเด็กวัยเรียน การนอนหลับมีบทบาทสำคัญกับการเจริญเติบโตพัฒนาการของร่างกายและสมอง ในวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และวัยผู้สูงอายุ มีผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันสุขภาพและโรคประจำตัว การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือโรคของการนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ
โรคประจำตัว ภาวะภูมิต้านทานต่ำ และเพิ่มความโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน กรมอนามัย แนะหลัก 10 ประการ เพื่อสุขอนามัยการนอนหลับที่ดีคือ เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวัน รับแสงแดดในตอนเช้าอย่างน้อย 30 นาที ไม่นอนในเวลากลางวัน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ไม่ควรนอนเกิน 30 นาที ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ 2 ชม.ก่อนนอนไม่ควรออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและอาหารมื้อหนักอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน นอนเตียงนอนที่สบาย ผ่อนคลายเพื่อลดความวิตกกังวล ควรใช้ห้องนอนเพื่อการนอนเท่านั้น ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือกินอาหารบนเตียงนอน และหากนอนไม่หลับภายใน 30 นาที ควรลุกไปทำกิจกรรมอื่นๆ แล้วกลับมานอนใหม่อีกครั้ง
สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มวัยที่ควรนอน วันละ 7-9 ชั่วโมง ร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิต โรคอ้วน โรคซึมเศร้า โรคสมองเสื่อม
ส่วนระยะเวลาในการนอนที่เหมาะสมในวัยอื่นๆ ได้แก่ ทารกแรกเกิด อายุ 0-3 เดือน ควรนอรวันละ 14-17 ชั่วโมง เด็กทารก อายุ 4-11 เดือน วันละ 12-16 ชั่วโมง เด็กหัดเดิน อายุ 1-2 ปี วันละ 11-14 ชั่วโมง เด็กก่อนวัยเรียน อายุ3-4 ปี วันละ 10-13 ชั่วโมง เด็กวัยเรียน อายุ 6-13 ปี วันละ 9-11 ชั่วโมง วัยรุ่น อายุ 14-17 ปี วันละ 8-10 ชั่วโมง วัยผู้ใหญ่ วันละ 7-9 ชั่วโมง และสตรีมีครรภ์ วันละ 7-9 ชั่วโมง
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว