สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย โชว์นวัตกรรมเพิ่มผลผลิตคุณภาพ ลิ้นจี่พันธุ์ค่อมนอกฤดูกาล พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมมอบนวัตกรรม “ชุดรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ลิ้นจี่แบบคลื่อนที่” ให้เกษตรกร เพื่อยืดอายุหลังการเก็บเกี่ยว
05 เม.ย. 2566
นางชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) พร้อมนักวิจัยลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ติดตามโครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากระดับจังหวัดด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ณ ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า วว. นำนวัตกรรมเพิ่มผลผลิตและคุณภาพลิ้นจี่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรในพื้นที่ ผ่านการดำเนินงาน “การใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชส่งเสริมการผลิตลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” 7 พื้นที่ โดยใช้สารควบคุมฯ กับต้นลิ้นจี่ กว่า 200 ต้น ทำให้มีผลผลิตที่ดี สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง วว. พร้อมขยายผลการดำเนินงานในรูปแบบโมเดลนี้ไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศต่อไปนางรจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ (ศนก.) วว. กล่าวว่า จากการฉีดฮอร์โมนและสารบำรุงก่อนเข้าฤดูหนาว 2 เดือน เพื่อให้ลิ้นจี่ออกใบอ่อนพร้อมกันและได้รับสารบำรุงทางใบจนมีความสมบูรณ์และมีใบแก่รอฤดูหนาว ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ (โดยเปรียบเทียบต้นให้สารและไม่ให้สาร)ด้านนายบุญมา นวมสุคนธ์ เกษตรกรจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า ที่ผ่านมาประสบปัญหาการควบคุมการออกดอกของลิ้นจี่ ทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่สม่ำเสมอทุกปี และมีผลผลิตต่ำ จากกการที่ วว.นำนักวิจัยและความรู้มาอบรมและให้คำแนะนำต่างๆ ทำให้ขณะนี้ลิ้นจี่ติดผลมากและมีลูกดก กิ่งก้านแข็งแรงมาก ผลผลิตออกเยอะกว่าสวนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้รับคำแนะนำและนักวิจัยลงพื้นที่มาทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดนอกจากนี้ ผู้ว่าการ วว. พร้อมคณะนักวิจัย ได้มอบนวัตกรรมการยืดอายุหลังการเก็บเกี่ยวลิ้นจี่ “ชุดรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ลิ้นจี่แบบเคลื่อนที่” ให้แก่ นายบุญมา นวมสุคนธ์ ในฐานะผู้แทนกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตลิ้นจี่พันธุ์ค่อมและยืดอายุหลังการเก็บเกี่ยวต่อไป ซึ่งจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นแหล่งผลิตลิ้นจี่ที่สำคัญเป็นอันดับ 1 ในภาคกลาง โดย “ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” เป็นสินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรองสินค้าที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ในปัจจุบันมีเกษตรกรปลูกลิ้นจี่ทั้งสิ้น 1,920 ครัวเรือน รวมเนื้อที่การปลูกประมาณ 5,196 ไร่ แยกเป็นพื้นที่อำเภอเมือง 7 ไร่ อำเภออัมพวา 2,328 ไร่ และอำเภอบางคนที 2,861 ไร่
อ่านเพิ่มเติ่ม >