สรุปข่าวประจำสัปดาห์ (26-30 ธันวาคม 2565)การเมือง/มั่นคง26 ธันวาคม 2565ประธานสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันพุธนี้ ราบรื่นไม่มีปัญหาองค์ประชุมนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ วันพุธที่ 28 ธันวาคม 2565 เชื่อว่า จะได้รับความร่วมมือจากสมาชิกและไม่มีปัญหาเรื่ององค์ประชุม เนื่องจากการนัดหมายการประชุมตามวาระนั้น เป็นผลมาจากการหารือของวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล ทั้งนี้จะมีวาระพิจารณาร่างกฎหมาย ที่วุฒิสภาแก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 5 ฉบับ อย่างไรก็ดี เชื่อว่า จะสามารถผ่านการพิจารณาได้ เพราะมีการแก้ไขจากวุฒิสภาเพียงเล็กน้อย จะมีก็เพียงแต่ร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่...) พ.ศ... ที่วุฒิสภาแก้ไขในประเด็นดอกเบี้ยและอัตราค่าปรับที่อาจต้องใช้เวลาพิจารณาว่าสภาฯ จะเห็นด้วยหรือไม่ โดยจะต้องพิจารณากฎหมายที่ค้างอยู่ ซึ่ง 2 เดือนที่เหลือน่าจะพิจารณาได้ รวมถึงเรื่องกฎหมายกัญชาที่เลื่อนขึ้นมาพิจารณาพร้อมกับกฎหมายคู่ชีวิต และการแก้ไขประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิชย์ที่เชื่อว่าจะใช้เวลาพิจารณามากนายชวน ยอมรับว่า ช่วงปลายการทำงานของสภาฯ ไม่ราบรื่นนัก ดังนั้นต้องทำองค์ประชุมให้ครบเพื่อพิจารณาเรื่องที่ค้างอยู่ ส่วนการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ต้องสะดุด ภายหลัง ส.ส.ฝ่ายค้าน เสนอให้นับองค์ประชุม ก็รู้สึกเสียดาย คิดว่า น่าจะผ่านพิจารณา สัก 2 เรื่อง เพื่อให้เรื่องแล้วเสร็จ ก่อนสิ้นปี 2565 อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือให้สมาชิกใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้เป็นประโยชน์ทำงานให้ลุล่วง เพราะประชาชนจับตาการทำงานฉายารัฐบาลปี 2565 "หน้ากากคนดี" ฉายานายกรัฐมนตรี "แปดเปื้อน" พล.อ.ประวิตร ได้ฉายา "ลองนายก"ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2565 ว่า การตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งเป็นการ "สะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ" โดยฉายารัฐบาล : "หน้ากากคนดี"เป็นอีกหนึ่งปีที่ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน ภายใต้หน้ากากของรัฐบาล ที่สร้างภาพจำตลอดเวลาว่าเป็นคนดี นโยบายทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน แต่กลับเกิดข้อกังขาว่ายังเดินตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ เช่น นโยบายกัญชา หรือการประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีความคลุมเครือ ว่าประโยชน์ที่ได้นั้น เป็นของประชาชนหรือนักการเมืองกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด เมื่อออกมาในนามรัฐบาล ประชาชนจึงเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ว่าภายใต้หน้ากากที่ประกาศเป็นคนดีนั้น จริงหรือไม่?พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม : "แปดเปื้อน"ขณะที่ฉายารัฐมนตรี ได้แก่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี : "ลองนายกฯ" นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี : "เครื่องจักรซักล้าง" นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข : "ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย" นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ : "ประกันไรได้" นายดอน ปรมัติวินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ : "ลุ่มๆ ดอนๆ" นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน : "Powerblank" พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย : "หน้าชัด หลังเบลอ" นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน : "รมต.แรงลิ้น" นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม : "วันทอง 2 ป."สำหรับวาทะแห่งปี : "เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้" เป็นคำพูดของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ในหัวข้อ บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ27 ธันวาคม 2565นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบถึงนโยบายการทำงานและประเด็นทางการเมืองต่างๆภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้ายของปี 2565 เสร็จสิ้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามถึงการกำชับนโยบายการทำงาน รวมถึงกรณีที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถูกจับฐานเรียกรับผลประโยชน์ และประเด็นทางการเมือง ที่มีการมองว่า นายกรัฐมนตรีกับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะแข่งขันกันเองในทางการเมือง เพียงแค่บอกว่าให้ไปฟัง ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันทีนายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือให้หัวหน้าพรรคกำชับ ส.ส. เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันพรุ่งนี้นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอความร่วมมือหัวหน้าพรรคการเมือง ให้ ส.ส. ในสังกัดของแต่ละพรรคเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.65) มีการพิจารณากฎหมายสำคัญ 5 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติสถาปนิก ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทันบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา28 ธันวาคม 2565ไทยและกัมพูชา ยืนยันส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง นายอูก ซอร์พวน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสพ้นหน้าที่ โดยเอกอัครราชทูตกัมพูชาฯ กล่าวถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว พร้อมฝากคำอวยพรปีใหม่จากนายกรัฐมนตรีกัมพูชามายังนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และประชาชนชาวไทยให้มีความสุขในช่วงปีใหม่ ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ได้อวยพรปีใหม่ไปยังนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ภริยา และประชาชนชาวกัมพูชา ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงและเจริญรุ่งเรืองในช่วงปีใหม่และตลอดปี พ.ศ. 2566โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างกัน ทั้งเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยง แรงงาน การแก้ปัญหาขบวนการหลอกลวงทางโทรศัพท์ข้ามชาติ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี อวยพรเอกอัครราชทูตกัมพูชาฯ ให้ประสบความสำเร็จในงานที่จะได้รับมอบหมายเมื่อเดินทางกลับประเทศ โดยขอให้นึกถึงไทยว่าเป็นเสมือนบ้านหลังที่สอง สามารถกลับมาเยี่ยมเยือนได้เสมอ พร้อมหวังว่าเอกอัครราชทูตกัมพูชาฯ คนใหม่ จะสานต่อการทำงานและกระชับความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศต่อไปไทยและอินเดีย พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายนาเคศ สิงห์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร กล่าวแสดงความยินดี ซึ่งอินเดียถือเป็นมิตรประเทศกับไทยมาอย่างยาวนาน มีความร่วมมือ ทั้งด้านความมั่นคงทางบก ทางทะเลและทางอากาศ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการฝึกอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์ รวมถึงการที่อินเดียเข้าร่วมฝึกคอบร้า-โกลด์ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ จะมีการเข้าร่วมฝึกเต็มรูปแบบ ในโอกาสต่อไป รัฐบาลไทย พร้อมให้การสนับสนุน การปฎิบัติหน้าที่ของอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นมากขึ้น โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมและการศึกษา พร้อมเชิญชวนนักลงทุนอินเดียให้มาร่วมลงทุนในพื้นที่ EEC ของไทย โดยเฉพาะขอให้ช่วยซื้อน้ำมันปาล์มจากประเทศไทยให้มากขึ้น ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งไทยจะมีผลผลิตปาล์มจำนวนมากและเชิญชวนมาเที่ยวเมืองไทยให้มากขึ้นด้วยนายนาเคศ สิงห์ กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยืนยันร่วมมือกับรัฐบาลไทย เพื่อส่งเสริมและยกระดับความสัมพันธ์อันดีให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านความมั่นคง การฝึกร่วมทางทหาร การป้องกันภัยคุกคามระหว่างประเทศและการค้าการลงทุน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงความร่วมมือในกรอบอาเซียนและอื่นๆประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ในนาม “สภาผู้แทนราษฎร” เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประจำปี 2565 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมพิธี โดยวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี คณะรัฐมนตรีจึงได้ประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี เป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน" และถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" เพื่อยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไทย ผู้กอบกู้เอกราชให้ชาติไทย นอกจากนี้ ยังทรงฟื้นฟูราชอาณาจักรในด้านต่างๆ ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติหลังสงคราม ทั้งส่งเสริมกิจการด้านเศรษฐกิจ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม และการศึกษา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงครองราชย์เป็นเวลา 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อปี 2325 ขณะพระชนมพรรษา 48 พรรษา สำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี 2496 ในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยเงินบริจาคของประชาชน ออกแบบและควบคุมการหล่อโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2497สื่อสภาตั้งฉายา ส.ส. “3 วันหนี 4 วันล่ม” ส.ว. “ตรา ป.” ไร้ดาวเด่น‘65ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้งฉายา เพื่อสะท้อนการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติตลอดปี 2565 1.) “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "3 วันหนี 4 วันล่ม" ที่ตลอดการประชุมของ ส.ส.ต้องประสบกับปัญหาสภาล่มซ้ำซาก ตั้งแต่วันเปิดสมัยประชุม จนส่งท้ายการประชุม โดยที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน ก็เล่นเกมนับองค์ประชุม ทั้งที่ก็ไม่ได้มาประชุมครบ ขณะที่รัฐบาล ก็ไม่มีความรับผิดชอบรักษาองค์ประชุมในฐานะเสียงข้างมาก รวมถึงช่วงท้ายวาระ ส.ส. ก็ห่วงลงพื้นที่มากกว่ามาประชุม จนซ้ำเติมปัญหาและประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ2.) "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "ตรา ป." ที่ยังคงทำหน้าที่รักษาประโยชน์ มรดก คสช. โหวตแต่ละครั้งก็ไม่มีแตกแถว โดยเฉพาะการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงแต่ขณะนี้ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี แยกเส้นทางกันเดิน ทำให้ ส.ว. ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย จนถึงขั้นมีการเช็คชื่อว่า ส.ว. คนไหนสนับสนุน ป.ใด ในการลงมติเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี3.) นายชวน หลีกภัย “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ได้รับฉายา "ชวน ซวนเซ" เพราะการทำหน้าที่ในระยะหลัง ไม่ได้รับการยอมรับจากฝ่ายค้าน ต่างจากในอดีตที่สามารถยุติข้อขัดแย้งต่างๆ ได้ แต่ปัจจุบันกลับไม่เป็นผล ถูกลดความยำเกรง ยิ่งไปกว่านั้น นายชวนยังถูก ส.ส.ท้าทาย จนหลายครั้งลงไปเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการประสานของวิปรัฐบาลที่ไม่ดีพอ จนทำให้นายชวน เสียหลัก ซวนเซ ไปด้วย4.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย “ประธานวุฒิสภา” ได้รับฉายา "พรเพชร พักก่อน" เนื่องจากในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มักเกิดการประท้วงจาก ส.ส.จนต้องพักการประชุมและถูกวิจารณ์ว่าพักไปรับคำสั่ง จนนายพรเพชร ต้องยกพระขึ้นมาสาบานไม่เคยรับคำสั่งใครและบทบาทการทำหน้าที่ของนายพรเพชร มักถูก ส.ส.ทักท้วง ทำหน้าที่สนับสนุนรัฐบาลเหมือนสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. มากกว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบ จึงทำให้เกิดคำถามว่า นายพรเพชร ควรพักก่อนหรือไม่?5.) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว "ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” ได้รับฉายา "หมอ(ง) ชลน่าน" แม้นายแพทย์ชลน่าน จะมีความโดดเด่นในการทำหน้าที่ จนได้รับฉายาดาวเด่นปี 2564 แต่เมื่อมาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ จริง กลับหมอง ไม่โดดเด่น และทำหน้าที่เพียงในนาม รวมถึงบทบาทภายในพรรคเพื่อไทย ก็ยังขาดอิสระ และมีทีท่าทำงานภายใต้การควบคุมของบุคคลอื่น ไม่มีโอกาสจะได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค6.) "ดาวเด่น’65" ในปีนี้ ผู้สื่อข่าวรัฐสภา เห็นว่า ในปีนี้ "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งดังกล่าว7.) "ดาวดับ’65" ได้แก่ "นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของตน โหนกระแสสังคมหาบทบาทให้กับตนเอง ทั้งคดีของนักแสดงสาว “แตงโม” หรือการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงของโตโน่ รวมถึงคดีเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง ที่ลงพื้นที่ไปสั่งการเจ้าหน้าที่ถึงหน้างาน โดยอ้างความเป็นกรรมาธิการฯ โดยที่ตนเองไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง และแสดงความเป็นผู้เชี่ยวชาญทุกเรื่อง ทั้งที่ไม่ได้รู้จริง ดังนั้น แม้นายมงคลกิตติ์ จะพยายามหาแสงให้ตัวเองมากเพียงใด แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงดาวดับ และตัวตลกการเมืองเท่านั้น8.) “วาทะแห่งปี’65" ได้แก่ "นี่ครับคนปฏิวัติ..ท่านนายกฯ คนเดียว" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เกิดขึ้นในการอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยกมือและยิ้มยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิ ทั้งที่ผิดครรลองประชาธิปไตย จนได้รับเสียงหัวเราะและปรบมือจาก ส.ส.เหมือนเป็นเรื่องตลก ทั้งที่เป็นสภาที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ9.) “เหตุการณ์แห่งปี” คือ “เหตุการณ์พลิกสูตรหาร 100" โดยมีความพยายามของ ส.ส. และ ส.ว.ทำให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ทันกำหนด 180 วัน เพื่อพลิกสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 500 กลับไปเป็นสูตรหาร 100 ตามร่างเดิม ซึ่เหตุการณ์?นี้ แสดงให้เห็นว่า ตลอดปี 2565 รัฐสภาวุ่นอยู่กับเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ช่วงชิงความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า โดยไม่ได้คำนึงว่าประชาชนจะได้อะไร10.) คู่กัดแห่งปี ได้แก่ “นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ” สมาชิกวุฒิสภา และ “นายรังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกเลิกอำนาจการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว.ที่นายรังสิมันต์ มักอภิปรายพาดพิงถึงที่มาของ ส.ว.บ่อยๆ จนทำให้นายกิตติศักดิ์ ประท้วงให้สำเหนียกตัวเอง เพราะยังไม่ยอมชำระนี้ กยศ. และยังเป็น ส.ส.ปัดเศษ ก่อนที่นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า ชำระหนี้มาโดยตลอดจนครบแล้ว เนื่องจากเมื่อมีการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งใด ทั้งนายกิตติศักดิ์ มักปะทะฝีปากกับ ส.ส.พรรคก้าวไกลตลอด โดยเฉพาะกับนายรังสิมันต์ แบบไม่มีใครยอมใคร11.) "คนดีศรีสภา’65" ปีนี้ซึ่งถือเป็นปีที่ 4 ที่ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ยังไม่เห็นว่า จะมี ส.ส. หรือ ส.ว.คนใด เหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่งดังกล่าวทั้งนี้ การตั้งฉายาการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือ ส.ส. และ ส.ว. ของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติเป็นประจำทุกปี ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว. มาโดยตลอด เพื่อสะท้อนความเห็น และการทำหน้าที่ และคาดหวังให้ฉายาดังกล่าวเป็นกำลังใจให้ ส.ส. และ ส.ว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าต่อไป ส่วน ส.ส. และ ส.ว.บกพร่องในการทำหน้าที่ ก็ควรทบทวน ปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้นประธานวิปฝ่ายค้าน ยอมรับฉายาสภา “3 วันหนี 4 วันล่ม” ทำภาพลักษณ์สภาเสื่อมนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งฉายา ให้กับสภาผู้แทนราษฎร “3 วันหนี 4 วันล่ม” ว่า ต้องยอมรับ เพราะภาพออกมาเป็นเช่นนั้น แต่เสียดายเพราะทำให้ภาพพจน์ของสภาออกมาไม่ดี รัฐบาลไม่น่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ฝ่ายค้านไม่ได้โยนปัญหาให้รัฐบาล เพราะที่ผ่านมามีการทำเช่นนี้ แต่ไม่เคยเกิดปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ ส่วนฉายาของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คือ “ หมอ(ง)ชลน่าน” มองว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะมีงานเยอะขึ้น จึงไม่มีเวลาทำงานสภามาก อาจจะจืดไปหน่อย ฉายาอาจจะใช่ แต่ก็มีเหตุผลที่เข้าใจได้ส่วนฉายาของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร “ชวน ซวนเซ” ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะประธานทำหน้าที่ได้ดี มีบารมี มีหลักการ แต่หากให้เรียบร้อยทั้งหมดคงไม่ใช่ ขณะที่ฉายาของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา “พรเพชร พักก่อน” นั้นเห็นว่าเหมาะสม แต่อาจจะเบาไป ความจริงน่าจะได้ฉายาที่หนักกว่านี้ หากเปรียบการทำงานในวุฒิสภาทำได้ แต่ทำงานในรัฐสภาไม่ได้ ส่วนฉายาของวุฒิสภา “ตรา ป.” มองว่า ถูกต้องที่สุด เพราะที่ผ่านมาทำงานภายใต้ธงของรัฐบาล ไม่เคยเห็นอะไรที่แตกแถว หรือยืนตรงข้ามรัฐบาลสำหรับฉายาดาวเด่น ที่ไม่มี เห็นว่าหลายคนมีสำนึกดีและขยันทำงาน แต่ทักษะการนำเสนออาจจะไม่เด่น อยากให้ดูความขยันในส่วนนี้ด้วย เช่นเดียวกับฉายาคนดีศรีสภา สื่อมวลชนอาจจะระมัดระวังว่าจะให้ใครมากกว่า เพราะมีทั้งคุณและโทษ ขณะที่ฉายา ดาวดับคือ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ มองว่า อาจจะแรงไป เพราะนายมงคลกิตติ์ มีการนำเสนอที่แตกต่าง แต่ในมุมมองส่วนตัวเห็นว่า ดาวดับนั้นคือ คนที่ทำอะไรแล้วสังคมประนาม แต่ก็แล้วแต่ คิดกันคนละมุมส่วนวาทะแห่งปี มองว่า เหมาะสม เพราะเรื่องนี้เด่นจริงๆ ซึ่งเป็นประโยคที่ไม่น่าเกิดขึ้นในรัฐสภา ไม่คิดว่าจะยอมรับและจำนนต่อสภา เรียกได้ว่า จับคนปฏิวัติ จับโจรต่อหน้าศาล 29 ธันวาคม 2565นายกฯ ชื่นชมการทำงานของทุกฝ่ายในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ยืนยันรัฐบาลยึดมั่นความสุจริต ถูกต้องนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและให้กำลังใจในการทำงาน ขอให้ใช้กฎหมายและหลักการตัดสิน ยึดมั่นถึงความโปร่งใสสุจริตในการทำงาน รัฐบาลไม่มีนโยบายปกป้องคนผิด ไม่คิดช่วยเหลือคนทุจริต นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ถูกต้อง โปร่งใส เชื่อมั่นในการทำประโยชน์เพื่อชาติและประชาชน พร้อมขอให้ทุกคนช่วยสอดส่องดูแล ไม่ให้มีการทุจริตในทุกวงการ เพื่อช่วยกันสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม เสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ เป็นผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานของแต่ละหน่วยงานต่อไปศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนช่วงปีใหม่ 2566 เข้มบังคับใช้กฎหมายลดอุบัติเหตุทางถนนพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยทางถนนในช่วงปีใหม่ มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ภายใต้แนวคิด’ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ’ โดยกำหนดช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึง 4 มกราคม 2566 ในช่วงที่มีประชาชนเดินทางจำนวนมาก จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นทั้งกฎหมายเดิมและกฎหมายใหม่ เช่น การยึดรถ การตัดแต้มจราจร เป็นต้น ขณะนี้หน่วยงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทั้งฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ได้เข้าดำเนินการในพื้นที่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้กำชับไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้รณรงค์สร้างการรับรู้เรื่องความปลอดภัยให้กับประชาชน เพื่อการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย เช่น รณรงค์ไม่ขับรถเร็ว เมาไม่ขับ การคาดเข็มขัดนิรภัย ใส่หมวกกันน็อก โดยเจตนาคือ ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียเลย เพราะผู้ที่ต้องแบกรับภาระจากความสูญเสียมิใช่เพียงประชาชน หรือครอบครัวเท่านั้น ยังรวมไปถึงภาครัฐที่ต้องสูญเสียงบประมาณและวัยแรงงานไปด้วยทั้งนี้ วันนี้ยังมีการประชุมคณะกรรมการศูนย์ อำนวยการความปลอดภัยทางถนนครั้งที่ 3 / 2565 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานกันอย่างเป็นระบบ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจังหวัดต่างๆ เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย 10 มาตรการหลัก และใช้กลไกด่านชุมชน ด่านครอบครัว ในการเฝ้าระวังบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน30 ธันวาคม 2565ประชาชนทุกหมู่เหล่าใช้ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ พร้อมใจไปลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯการลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่บริเวณชั้น1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกาเป็นต้นมาของวันนี้ (30 ธ.ค) มีคณะบุคคล ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชนทั่วไปจากทั่วทุกสารทิศส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อสีเหลืองและส้ม ใช้ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ ทยอยเดินทางนำสิ่งของต่างๆ และแจกันดอกไม้ พวงมาลัย มาถวายหน้าพระรูป พร้อมลงนามถวายพระพร ขอให้ทรงหายจากอาการพระประชวร มีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ว อาทิ นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดสระแก้ว สมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย ชมรมครูเก่าโรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม โรงเรียนสารสาสน์ธนบุรี เป็นต้น โดยนายไพจิตร ผิวพรรณ เลขาธิการสมาคมนักพัฒนาหมู่บ้านแห่งประเทศไทย นำคณะตัวแทนชาวบ้านจากตำบลนาบัว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ร่วมลงนามถวายพระพรและนำเเจกันมาในวันนี้ โดยกล่าวขอให้พระองค์ท่านกลับมามีสุขภาพแข็งแรงและกลับมาเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย โดยที่ผ่านมาได้สนองงานพระองค์ท่านร่วมช่วยซ่อมแซ่มประตูระบายน้ำ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เช่นเดียวกับหนึ่งในประชาชนที่ตั้งใจมาร่วมลงนาม กล่าวว่า ขอให้พระองค์กลับมามีสุขภาพแข็งแรงและกลับมาเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยนอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาวิชาทหาร คอยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ร่วมลงนามด้วย สำหรับประชาชนที่ประสงค์ร่วมลงนามถวายพระพรสามารถลงนามได้ที่ บริเวณโถง ชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่เวลา 08.00 น.- 16.00 น.ไม่เว้นวันหยุดราชการ หรือสามารถลงนามถวายพระพรได้ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.thเศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว26 ธันวาคม 2565ไปรษณีย์ไทยส่งมอบความสุขประชาชนตลอดเทศกาลปีใหม่ ผ่านบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย ให้บริการพิเศษเริ่มต้น 25 บาทนายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ได้จัดกิจกรรมส่งมอบของขวัญปีใหม่ 2566 ด้วยอัตราค่าบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย ในราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 25 บาท น้ำหนักไม่เกิน 20 กรัม ราคาเดียว ทุกปลายทางทั่วไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2565 ถึง 5 มกราคม 2566 สามารถใช้บริการได้ ณ ไปรษณีย์ไทยทุกแห่งทั่วประเทศ ร้านไปรษณีย์ไทย และไปรษณีย์อนุญาตสาขาที่ร่วมรายการ ซึ่งถือเป็น ช่วงเวลาที่ประชาชนเดินทางกลับบ้านไม่สะดวก หรือ ต้องการส่งของขวัญให้กันสามารถส่งไปรษณีย์เพื่อให้ส่งต่อความรักความผูกพันถึงกันได้ สำหรับปี 2566 ไปรษณีย์ไทยยังสนับสนุนภาคธุรกิจ e-Commerce ให้แก่ ร้านค้าออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์ม LINE SHOPPING ให้ได้รับค่าจัดส่ง EMS ในราคาพิเศษอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีเริ่มต้น 19 บาท น้ำหนักไม่เกิน 1,000 กรัม เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อีกทั้งยังพัฒนาคุณภาพของบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย สามารถเพิ่มขนาดฝากส่งสูงสุดให้ถึง 30 กิโลกรัม จากเดิม 20 กิโลกรัม เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป โดยอัตราค่าบริการทุกน้ำหนักจะไม่บวกเพิ่ม ไม่เก็บค่าขนส่งในพื้นที่ห่างไกลส่งด่วนถึงภายใน 1-2 วัน พร้อมนำจ่ายทุกวันไม่มีวันหยุด OTOP City 2022 ตลอด 9 วันยอดจำหน่ายทะลุเป้ากว่า 653 ล้านบาทนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยถึงภาพรวมการจัดงาน OTOP City 2022 ตั้งแต่วันที่ 17 - 25 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยพบว่า ได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาด มียอดการจำหน่ายรวมกว่า 653 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 500 ล้านบาท มีผู้เข้าชมงานกว่า 200,000 คน ผู้ประกอบการร่วมจำหน่ายในงานกว่า 2,700 ราย จากผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้ ของตกแต่งฯ สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร OTOP ชวนชิม, ศิลปิน OTOP, ผ้าไทยใส่ให้สนุก, OTOP ขึ้นเครื่อง, OTOP Premium, OTOP Brandname, ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี และของขวัญของฝาก ที่มีการจัดกระเช้าของขวัญจากผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อใช้เป็นสื่อกลางมอบความปรารถนาดีให้แก่กันเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2566 นี้ด้วย สะท้อนถึงผลสำเร็จของนโยบายการพัฒนาสินค้า OTOP ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสินค้า OTOP ให้มีประสิทธิภาพ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยต่อยอด เพื่อยกระดับสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมสร้างโอกาสให้ชุมชน ได้นำสินค้าที่มีคุณภาพ ออกสู่ตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง27 ธันวาคม 2565อียูปรับเพิ่ม 7 กลุ่มสินค้า ปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน เตรียมเริ่มบังคับใช้ 1 ต.ค.66นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการออกมาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป (อียู) ว่า ล่าสุดการประชุม 3 ฝ่าย ระหว่างคณะกรรมาธิการยุโรป รัฐสภายุโรป และคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ได้ข้อสรุปให้ขยายขอบเขตการบังคับใช้ CBAM จากเดิม 5 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย และไฟฟ้า ให้เพิ่มเป็น 7 กลุ่มสินค้า โดยรวมไฮโดรเจนและสินค้าปลายน้ำบางรายการ อาทิ น็อตและสกรูที่ทำจากเหล็กและเหล็กกล้า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม อาทิ ก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิตสินค้า ซึ่งได้ข้อสรุปในรายละเอียดสำคัญของมาตรการดังกล่าวแล้ว และจะเริ่มบังคับใช้มาตรการ CBAM ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีแรก (1 ตุลาคม 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2568) ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ผู้นำเข้าสินค้า 7 กลุ่ม มีหน้าที่รายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้าที่ผลิตและจะเริ่มบังคับใช้มาตรการอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องซื้อใบรับรอง CBAM ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านั้น โดยขั้นตอนต่อไป รัฐสภายุโรปและคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ต้องเห็นชอบร่างกฎหมาย CBAM เป็นทางการ และคณะกรรมาธิการยุโรปต้องจัดทำกฎหมายลำดับรอง เพื่อกำหนดรายละเอียดในทางปฏิบัติก่อนที่มาตรการ CBAM จะมีผลใช้บังคับในเดือนตุลาคม 2566อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ต้องนำมารายงานอียูภายใต้มาตรการฯ และควรพิจารณาทางเลือกใหม่ในกระบวนการผลิต เพื่อให้ปล่อยคาร์บอนต่ำ นำพลังงานสะอาดและหมุนเวียนมาใช้ เพื่อลดภาระในการซื้อใบรับรอง CBAM ในอนาคต ขณะเกียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) กระทรวงพาณิชย์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการไทยแล้วมั่นใจท่องเที่ยวปี 66 ดันรายได้ถึง 2.38 ล้านล้านบาท หวังพลิกโฉมท่องเที่ยว คาดจีนเปิดประเทศ Q1 ปีหน้านายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในงานสัมมนา GO THAILAND : ธุรกิจไทยต้องไปต่อ ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.3 ล้านคนแล้ว ซึ่งทะลุเป้าหมาย 10 ล้านคนที่วางไว้ หากมีการเดินทางเข้าไทยทั้งผ่านด่านทางบกและอากาศเฉลี่ยวันละ 7-8 หมื่นคนเช่นนี้ ก็มีแนวโน้มว่าตลอดทั้งปีนี้ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 11.5 ล้านคน ขณะที่การเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทยในปีนี้ (ข้อมูลตัวเลข ณ วันที่ 12 ธ.ค.65) มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยอยู่ที่ 175 ล้านคน-ครั้ง จากอานิสงส์เราเที่ยวด้วยกัน เมื่อรวมรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งตลาดต่างชาติและไทยเที่ยวไทยตลอดทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.28 ล้านล้านบาทส่วนในปี 2566 รัฐบาลตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว กลับคืนมาร้อยละ 80 ของช่วงก่อนโควิด และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับคืนมาร้อยละ 50 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน ซึ่งยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจีนและคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ 180 ล้านคน-ครั้งนายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มั่นใจว่าจีนจะเปิดประเทศภายในไตรมาส 1 ปีหน้าซึ่งอาจเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่ต้องรอให้มีการประชุม 2 สภาของจีนก่อน โดยจะเป็นการเปิดแบบเป็นขั้นเป็นตอนในบางจังหวัด ซึ่งไทยน่าจะมีความหวัง เพราะไทย-จีนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด28 ธันวาคม 2565บขส. พร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีประชาชนทยอยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง โดยในเที่ยวไปมีผู้ใช้บริการกว่า 40,000 คนต่อวัน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) ประมาณ 3,000 เที่ยวต่อวัน พร้อมคาดการณ์ว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวด้วยรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้นจากเทศกาลปีใหม่ 2565 ประมาณร้อยละ 5 หรือประมาณวันละ 50,000 - 55,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) ประมาณวันละ 3,500 เที่ยว ขณะนี้ยอดจองตั๋วเต็มหมดแล้ว ส่วนเที่ยวกลับระหว่างวันที่ 2–3 มกราคม 2566 คาดว่ามีผู้โดยสารใช้บริการประมาณวันละ 53,000 คน ใช้รถโดยสารประมาณ 3,300 เที่ยว ทั้งนี้ บขส. ได้จัดรถโดยสารไม่ประจำทางมาเสริมเที่ยววิ่งประมาณ 600 คัน เพื่อสนับสนุนการเดินทางของประชาชนในเส้นทางต่างๆ มั่นใจมีรถโดยสารเพียงพอรองรับการเดินทางของประชาชนได้อย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้ผู้ใช้บริการเผื่อเวลาเดินทางมาขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งฯ ก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง และขอให้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วเท่านั้น เพื่อป้องกันการหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพททท. ชูกลยุทธ์ความสุขขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปลุกกระแสเที่ยวไทย ผ่านโฆษณาชุด "มาเที่ยวเถอะนะอยากเจอ"นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งจากการรายงานของ World Happiness Report (WHR) องค์กรที่วัดคะแนนความสุข (Happiness score) และจัดอันดับในประเทศต่างๆ ทั่วโลก พบว่า คะแนนความสุขของคนไทยได้มีแนวโน้มลดลงและอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี ททท.จึงได้มีแนวคิดในการนำความสุขมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด "ยิ่งไป ยิ่งให้ ยิ่งสุขใจกว่าที่เคย" นำเสนอผ่านภาพยนตร์โฆษณาในรูปแบบของ Musical Story ชุด "มาเที่ยวเถอะนะอยากเจอ" โดยจะชวนทุกคนมาเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวให้เป็นการออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่สุขใจมากกว่าเดิม ด้วยการเชิญชวนคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ๆ ที่ปลอดภัย ดีต่อใจและดีต่อโลกให้มากยิ่งกว่าเดิม มุ่งเน้นในการนำเสนอรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศที่มอบความสุขใน 3 มิติ ได้แก่ Amazing Destinations (แหล่งท่องเที่ยว) : นำเสนอความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทย Amazing People (วิถีชีวิตผู้คน) : นำเสนอความน่ารักของมิตรภาพและหัวใจคนไทยในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นชุมชน ประเพณีต่างๆ สินค้าและบริการที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ และ Amazing Care (สังคมและสิ่งแวดล้อม) : นำเสนอการเดินทางท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งนี้ จะดำเนินการสื่อสารความเป็น "Amazing Thailand" ที่แสดงความเป็นแบรนด์ประเทศไทยที่สามารถสร้างความแตกต่าง ประทับใจและปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวและส่งต่อเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยให้ Amazing ยิ่งกว่าเดิม29 ธันวาคม 2565ททท.เตรียมแผนรองรับนักท่องเที่ยวจีน เน้นดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพให้กับคนไทยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังที่ประเทศจีนประกาศเปิดประเทศ ในวันที่ 8 มกราคม 2566 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนภายหลังจีนประกาศเปิดประเทศโดยให้คำนึงความความปลอดภัยของประเทศและคนไทย และไม่เสี่ยงต่อการกลับไประบาดซ้ำ รวมถึงเตรียมความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวที่จำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นมาตรการป้องกันตัวเอง โดยจะแนะนำให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น และนำมาตรการ SHA กลับมาใช้อย่างเข้มข้น นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการ ทั้ง Ground Handling จำนวนเที่ยวบิน มัคคุเทศก์ ให้เพียงพอกับจำนวนความต้องการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นทั้งนี้ภายหลังประเทศจีนเปิดประเทศ คาดการณ์จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ราว 300,000 คน เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยทั้งปีในปี 2565 ที่มีจำนวนประมาณ 274,000 คน โดยคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง แต่ด้วยข้อจำกัดของเที่ยวบินที่มีเพียง 15 เที่ยวบิน และจะมีจำนวนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาผ่านด้านทางบก เช่น เชียงแสนและหนองคาย (โดยมากับรถไฟความเร็วสูง) นอกจากนี้ ผู้ว่า ททท.ยังกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ว่า เบื้องต้นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดสรรงบประมาณร้อยละ 50 จากงบประมาณส่วนกลางที่ได้รับ ส่วนอีกร้อยละ 50 จะเป็นในส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเป้าหมายรายได้ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท ภายในปีหน้า ได้แก่ มาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมายังประเทศไทย โครงการไทยเที่ยวไทย การยกระดับสินค้าบนพื้ฐานของ soft power และการสื่อสารการการตลาดและการประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม ททท.ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในปี 2566 ไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน ซึ่งไม่รวมจีน แต่เมื่อจีนประกาศเปิดประเทศ ททท.จึงปรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มไม่น้อยกว่า 25 ล้านคนบขส. ยืนยันพร้อมรองรับทุกด้านไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้างวันสุดท้ายของการทำงานช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนและนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 กลับมาคึกคักและหนาแน่นอีกครั้ง โดยเฉพาะการจราจรหน้าบริเวณสถานีขนส่งและโดยรอบสถานี นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เริ่มมีผู้โดยสารทยอยเดินทางมาโดยสารด้วยรถขนส่งสาธารณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่ง โดยเฉพาะที่หมอชิตจะคับคั่งเป็นพิเศษ ซึ่งคาดว่าช่วงเย็นวันนี้ (29 ธ.ค.) จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการสูงสุดประมาณ 57,000-58,000 คน ซี่งสูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 55,000 คน จากการลงพื้นที่ตรวจความพร้อม ในการอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางกลับในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 พบว่า เมื่อคืนวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมามีผู้โดยสารใช้บริการถึง 56,000 คน พร้อมยืนยันว่า จะมีรถโดยสารเพียงรอรองรับผู้โดยสารได้ถึง 60,000 คนต่อวัน ซึ่งมีการสำรองรถโดยสารไว้ 600 คัน สำหรับประชาชนที่ไม่มีการจองตั๋วล่วงหน้า หรือ walk in มาซื้อตั๋วโดยสารได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยตรงทั้งของ บขส. และรถร่วมบริการ ห้ามหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพซื้อตั่วผ่านช่องทางอื่นอย่างเด็ดขาด30 ธันวาคม 2565ท่าอากาศยานดอนเมืองคึกคัก ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่บรรยากาศช่วงสิ้นปี วันนี้ 30 ธันวาคม 2565 เป็นวันหยุดวันแรก ประชาชนจำนวนมากเริ่มทยอยเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร บริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2566 อย่างคึกคัก โดยประชาชนยังคงปฏิบัติตามแนวทางวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย พกเจลแอลกอฮอล์ เพื่อทำความสะอาดในระหว่างการเดินทาง สำหรับการให้บริการจอดรถยนต์ มีจำนวน 2,544 คัน และเพิ่มบริการรับจอดรถยนต์ Valet Parking อีกจำนวน 736 คัน และเพิ่มจำนวนรถแท็กซี่สาธารณะจากเดิม 2,851 คัน เป็นจำนวน 4,000 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเฉลิมฉลอง ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงบรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือหัวลำโพง ตลอดตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา(30 ธ.ค) พบว่า มีประชาชนทยอยเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก เพื่อเตรียมเฉลิมฉลองปีใหม่กลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมญาติพี่น้องและท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่วนใหญ่เดินทางเป็นหมู่คณะ จากการสอบถามส่วนใหญ่เลือกเดินทางโดยรถไฟเนื่องจากมีความปลอดภัยและสะดวกสบายในการเดินทาง สำหรับปีนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร จำนวน 6 ขบวน ทั้งเส้นไป-กลับ ในเส้นทางสายเหนือ 2 ขบวน และสายตะวันออกเฉียงเหนือ 4 ขบวน ซึ่งเป็นรถนั่งชั้น 3 จำนวน 54 คัน รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มประมาณ 8,000 คน/วัน นอกจากนี้ ได้มีการพ่วงตู้โดยสารเพิ่มเติม เข้ากับขบวนรถที่เดินประจำในทุกเส้นทางให้เต็มหน่วยลากจูง เพื่อรองรับการเดินทางของพี่น้องประชาชน ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2565 - 4 มกราคม 2566 สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 100,000 คนต่อวัน ซึ่งมั่นใจมีความเพียงพอต่อการเดินทางและไม่มีผู้โดยสารตกค้างนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เตรียมฉลองปีใหม่อย่างต่อเนื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บรรยากาศนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มทยอยเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ช่วงประตูผู้โดยสารระหว่างประเทศเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่พึ่งลงมาจากเครื่องบิน ซึ่งส่วนมากต้องการเดินทางมาฉลองวันหยุดยาวในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2566ขณะที่ ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดการณ์ไว้ว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 - 4 มกราคม 2566 (รวม 7 วัน) จะมีจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรวมทั้งสิ้นจำนวน 1,019,681 คน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 145,000 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ (รวมขาเข้า-ออก) จำนวน 771,244 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ (รวมขาเข้า-ออก) จำนวน 248,437 คน และมีเที่ยวบินรวมทั้งสิ้นจำนวน 5,443 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 778 เที่ยวบิน โดยมีสายการบินขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษและเช่าเหมาลำ (Extra & Charter Flight) อีก 79 เที่ยวบินสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีบริการระบบขนส่งรถสาธารณะที่เชื่อมต่อกับสนามบินหลายรูปแบบ เช่น รถแท็กชี่ รถไฟฟ้า รถโดยสารสาธารณะต่างๆ และรถลีมูซีนของสนามบินกรมการค้าภายใน ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเน้นย้ำผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจนนายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าพืชผักในจังหวัดสงขลา พบว่า สถานการณ์ราคาผักบางชนิดที่ราคาเคยปรับเพิ่มสูงขึ้นจากน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงที่ผ่านมา ได้ปรับตัวลดลงแล้ว เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้สถานการณ์ด้านราคา และปริมาณผักในปัจจุบันมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค เช่น ผักคะน้า ราคาขายปลีกเฉลี่ย 50-60 บาท/กก. ถั่วฝักยาว 50-60 บาท/กก. กะหล่ำปลี 35-40 บาท/กก. กวางตุ้ง 30 บาท/กก. ผักกาดขาว 40-50 บาท/กก. ผักบุ้งจีน 50-60 บาท/กก. ต้นหอม 120-150 บาท/กก. ผักชี 180-200 บาท/กก. พริกขี้หนูจินดา (แดง) 100-120 บาท/กก. มะนาว เบอร์ 1-2 ลูกละ 2-3 บาท เป็นต้นขณะที่สถานการณ์ผักในภาพรวมทั้งประเทศ พบว่า มีปริมาณผักเข้าสู่ตลาดเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ราคาผักเฉลี่ยทั่วประเทศเคลื่อนไหวอยู่ในภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม จะติดตามสถานการณ์ราคาพืชผักในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างใกล้ชิด และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน และห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยเด็ดขาด หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดนอกจากนี้ ยังได้จัดส่งทีมออกตรวจสอบเครื่องชั่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดสด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้บริโภค โดยเครื่องชั่งในตลาดสดที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว จะติดสติ๊กเกอร์เครื่องหมายรับรอง เพื่อแสดงว่าเครื่องชั่งมีความเที่ยงตรง ผ่านมาตรฐาน พร้อมจัดให้มีเครื่องชั่งกลางในตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคทดสอบน้ำหนักอีกครั้ง สังคม26 ธันวาคม 2565หญิงตั้งครรภ์ออกกำลังกาย เพิ่มสุขภาพตัวคุณแม่และลดสภาวะต่างๆ ช่วงใกล้คลอดและหลังคลอดได้นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าวลงนามความร่วมมือขับเคลื่อนแนวปฏิบัติการส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด ว่า ลูกจะแข็งแรงบนพื้นฐานสุขภาพแม่ที่แข็งแรง ดังนั้นต้องร่วมมือกันสร้างองค์ความรู้ให้แก่หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งบางครั้งมีความเชื่อแต่โบราณอย่างผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรออกกำลังกาย ซึ่งจริงๆ การออกกำลังกายในแต่ละรูปแบบจะเพิ่มสุขภาพตัวคุณแม่และลดสภาวะต่างๆ ช่วงใกล้คลอดและหลังคลอดได้ขณะที่ ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปกติเมื่อตั้งครรภ์ ธรรมชาติจะสั่งให้ร่างกายง่วงง่าย เหนื่อยง่าย ต้องการการพักผ่อน ความเชื่อผิดๆ ว่า ตั้งครรภ์อย่าทำอะไรเยอะ อย่าออกกำลังกายจะเกิดอันตรายต่อลูกเป็นความเข้าใจที่ผิด การที่เรารับประทานอาหารมาก พักมาก ทำให้อ้วนได้ การออกกำลังกายจะช่วยไม่ให้น้ำหนักตัวแม่มากเกินไป เพราะการกินอาหารที่มากไปลูกจะตัวใหญ่คลอดยาก แม่ที่อ้วนมากๆ จะเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือครรภ์เป็นพิษได้ และทำให้ปัสสาวะเล็ด เพราะว่ามีการยืดขยายของช่องทางคลอด การไม่ออกกำลังกายทำให้ยืดได้ง่ายและไม่คืนรูปด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ตอนท้องควรน้ำหนักเพิ่มแค่ 4-7 กิโลกรัม การออกกำลังกายในหญิงตั้งครรภ์ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที หรือเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน แต่ลักษณะการออกกำลังกายในหญิงตั้งครรภ์ต้องเหมาะสมตามช่วงอายุครรภ์และตามลักษณะของการตั้งครรภ์ เช่น การเดิน สควอต ขี่จักรยานอยู่กับที่ แต่ที่ดีคือ การออกกำลังกายในน้ำนายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับครอบครัวกำลังพลของกองทัพเรือที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมองค์การทหารผ่านศึก โดยได้แสดงความเสียใจกับกองทัพเรือและครอบครัวกำลังพลของกองทัพเรือที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ และในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิตไปที่อำเภอสัตหีบ ก่อนที่ช่วงเย็นจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และสวดพระอภิธรรม โดยผู้บัญชาการทหารเรือและผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นประธานในพิธีพร้อมยืนยันว่า หลังจากนี้จะพยายามค้นหาผู้สูญหายให้พบ และได้ติดตามการสืบสวนสอบสวนสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประสานงานระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกองยุทธการทหารเรือและหน่วยในพื้นที่สัตหีบ ซึ่งต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวน เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนมีระเบียบมีกฎหมายชัดเจนและไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรี ย้ำยังไม่มีนโยบายงดจัดงานปีใหม่ แต่ขอให้แต่ละหน่วยงานเพิ่มความระมัดระวังในการจัดงานพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่ายังไม่มีนโยบายให้งดจัดงาน ซึ่งเป็นเรื่องของหน่วยงานและภาคธุรกิจที่จะดำเนินกิจกรรม เพียงแต่เพิ่มความระมัดระวังให้มากที่สุดและส่วนตัวงดให้คนเข้าอวยพรปีใหม่ทั้งหมด หากจะอวยพรผ่านเอกสาร หรือ ส.ค.ส. สามารถทำได้ชวนคนไทยร่วมกิจกรรมสวดมนต์ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับศักราชใหม่ 2566 เสริมสิริมงคล นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเสริมสิริมงคลทั่วประเทศ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับศักราชใหม่ 2566 ว่า กิจกรรมนี้กระทรวงวัฒนธรรมจัดพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ถึง 1 มกราคม 2566 ถวายพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนได้ลดเลิกอบายมุข เสริมสิริมงคลในการต้อนรับปีใหม่ โดยในพื้นที่จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ในภูมิภาคอาเซียน 15 จังหวัด อาทิ บึงกาฬ เชียงราย อุบลราชธานี ระนอง ตาก แม่ฮ่องสอน สงขลา และนราธิวาส จะมีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีอาเซียนที่สอดคล้องกับศาสนาในพื้นที่นั้นๆ และได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ประสานความร่วมมือไปยังวัดไทยและวัดพระพุทธศาสนาทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ ร่วมกันจัดงานสวดมนต์ข้ามปี เช่น จีน ญี่ปุ่น ลาว สิงคโปร์ อินเดีย เนปาล ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอเมริกา โดยศูนย์กลางจัดกิจกรรม จะอยู่ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ถ่ายทอดภาพกิจกรรมไปยังวัดต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เชิญชวนทุกคนร่วมกิจกรรมเสริมสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ หากไม่สะดวกเดินทางไปร่วมที่วัดใกล้บ้านก็สามารถร่วมสวดมนต์ออนไลน์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนวัฒนธรรม 176527 ธันวาคม 2565โรคสมองอักเสบจากเชื้ออะมีบา ไม่ติดต่อระหว่างคน หากสำลักน้ำไม่สะอาดจากแหล่งน้ำสาธารณะ รีบสั่งน้ำออกแรงแรงนายเเพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานผู้เดินทางชาวเกาหลีใต้ติดเชื้อและเสียชีวิตด้วยอาการสมองอักเสบ จากการติดเชื้ออะมีบา Naegleria fowleri หลังกลับจากประเทศไทย โดยโรคสมองอักเสบมักมีอาการ 1-12 วันหลังได้รับเชื้อ ที่เข้าทางจมูกและเชื้อเข้าสมองผ่านเส้นประสาทรับกลิ่น โดยอาการที่พบ ได้แก่ ปวดศีรษะ มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน คอแข็ง ความรู้สึกตัวลดลง ชักเกร็ง อาการจะค่อยๆ แย่ลงและเสียชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมโรคสมองอักเสบจากเชื้ออะมีบา พบได้ทั่วโลก ในช่วง 40 ปี ระหว่างปี 2526-2564 ประเทศไทยพบเพียง 17 ราย เป็นสัญชาติไทย 16 ราย และสัญชาตินอร์เวย์ที่เดินทางกลับจากไทย 1 ราย ใน 17 รายนี้มี 14 ราย ที่เสียชีวิต คิดเป็นร้อยละ 82 ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 12 ปี ต่ำที่สุด 8 เดือน มากที่สุด 71 ปี ผู้ป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่มีประวัติสำลักน้ำที่ไม่สะอาด จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น สระน้ำ บ่อน้ำ แต่ไม่ติดต่อจากการดื่มน้ำและไม่ติดต่อจากคนสู่คน วิธีการป้องกันการติดเชื้อจากการสำลักน้ำ ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ หรือดำน้ำในเเหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่สะอาด ถ้าสำลักน้ำให้รีบสั่งน้ำออกแรงๆ ทางจมูก รีบล้างจมูกด้วยน้ำต้มสุกที่สะอาด หรือน้ำเกลือ ผู้มีประวัติเสี่ยงร่วมกับมีอาการป่วยน่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีและแจ้งประวัติการสัมผัสน้ำไม่สะอาด สำลักน้ำ หรือการใช้น้ำในการล้างจมูกให้แพทย์ทราบ เพื่อประโยชน์ต่อการวินิจฉัยนายแพทย์ธเรศ กล่าวด้วยว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและขอบคุณการแจ้งข่าวจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ที่ทำให้กรมควบคุมโรคได้ใช้ข้อมูลนี้ในการให้ความรู้เรื่องโรคสมองอักเสบจากเชื้ออะมีบา กับประชาชนเพื่อการป้องกันโรค เป็นตัวอย่างความร่วมมือที่ดีของความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลีที่มีมาอย่างยาวนาน และเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพของทั้งสองประเทศสังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน 7 ทิศทางสุขภาพคนไทยน่าจับตานางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวเปิดงาน ThaiHealth Watch 2023 หรืองานจับตาทิศทางสุขภาพคนไทย ปี 2566 : สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน ว่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)มุ่งสร้างความตระหนักรู้เพื่อให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพ เปิด “งาน ThaiHealth Watch 2023 หรืองานจับตาทิศทางสุขภาพคนไทย ปี 2566 : สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน” สานพลังภาคีเครือข่ายทางวิชาการ พัฒนานวัตกรรม ThaiHealth Watch จับตาทิศทางสุขภาพคนไทย เพื่อให้ข้อมูลและปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นใหม่ภายใต้แนวคิด สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน เพื่อทุกคนเดินหน้าเปลี่ยนวิถีชีวิต ลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ปรับตัวพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในสังคมอย่างเข้าใจและเท่าทัน นำไปสู่สังคมสุขภาวะที่ยั่งยืนงานThaiHealth Watch 2023 มี 7 ประเด็นทิศทางสุขภาพสำคัญคือ ลองโควิด เมื่อไวรัสตัวร้ายจากไป แต่ทิ้งบางสิ่งไว้เป็นของฝาก พบผู้ป่วยติดเชื้อถึง 50% มีภาวะลองโควิด ที่น่าห่วงคือ กลุ่มผู้ป่วยโรค NCDs กว่า 1 ใน 4 มีความเสี่ยงสูง ส่งผลต่อสุขภาพจิตที่กระทบการใช้ชีวิตในระยะยาว สานพลังคือทางออก เมื่อภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ พบกว่า 99% ต้องสูดอากาศที่มีมลพิษ ฝุ่น PM 2.5 ไนโตรเจนไดออกไซด์ในระดับที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่าล้านคน/ปี รวมถึงวิกฤตโลกร้อน สหรัฐอเมริกาคาดการณ์ว่าอีก 80 ปี ทั่วโลกจะเผชิญภาวะความเครียดจากความร้อนที่กระทบต่อร่างกายในทุกมิติ ภาวะหมดไฟที่ลุกลาม รับมืออย่างไรให้สุขทั้งองค์กรและคนทำงาน รูปแบบการทำงานแบบลูกผสม (Hybrid Working) ทำให้พบ 76% ของพนักงานบริษัทมีความเหงาที่ส่งผลต่อจิตใจ เกิดเป็นกระแสการลาออกครั้งใหญ่ในระบบอุตสาหกรรมผู้สูงอายุพร้อมแค่ไหน เมื่อไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์ อีก 5 ปี จะมีผู้สูงอายุติดเตียงกว่า 2 แสนคน ติดบ้านอีกกว่า 3.5 แสนคน ในทางกลับกันพบกว่า 60% ไม่มีความพร้อมด้านการเงิน ต้องเร่งสร้างเสริมสุขภาวะทุกมิติ ทั้งการเงิน ที่อยู่อาศัย การดูแล เพื่อเตรียมพร้อมสู่วัยเกษียณที่มีคุณภาพ ปลดล็อกความเข้าใจ ในวันที่ไทยปลดล็อกกัญชา พบ 32% มีประสบการณ์เกี่ยวกับกัญชา ผ่านอาหารเครื่องดื่ม รักษาโรค แต่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ว่ากัญชามีทั้งคุณประโยชน์และโทษ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เด็กเยาวชน ที่ใช้ผิดวิธี บุหรี่ไฟฟ้า ภัยซ่อนเร้น ต้นเหตุจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน พบเด็กเยาวชน ได้รับข้อมูลทางสื่อออนไลน์เฉลี่ย 3 ครั้ง/สัปดาห์ ต้องดูแลใกล้ชิดป้องกันการเพิ่มจำนวนของนักสูบหน้าใหม่มิติใหม่แห่งการสร้างเสริมสุขภาพคนไทย เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ พบกิจกรรมออนไลน์ยอดนิยมคนไทยคือ จองคิวปรึกษาแพทย์ถึง 86.16% สสส. เห็นถึงประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เร่งสานพลังภาคีเครือข่าย พัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับความรอบรู้ทางสุขภาพที่ถูกต้อง อาทิ เชื่อมเทคโนโลยีเมตาเวิร์สเข้ากับเกม สร้างเว็บไซต์ Empower Living เพื่อเสริมพลังสุขภาวะในกลุ่มเปราะบาง ล่าสุด พัฒนาแอปพลิเคชัน Persona Health สร้างระบบนิเวศทางสุขภาพที่รองรับทุกกลุ่ม มุ่งเสริมความรอบรู้สุขภาพเฉพาะรายบุคคล ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. และสามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ https://resourcecenter.thaihealth.or.th/thaihealth-watch”กำชับประกันสังคม ดูแล ลูกจ้าง ผู้ประกันตน เดินทางช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ 2566 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงการดูแลลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใย ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 มีวันหยุดติดต่อตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2565 - 2 มกราคม 2566 นี้ จึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ให้บริการ รวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมประชาสัมพันธ์แก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ให้ระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ขณะเดินทาง พร้อมแนะนำให้พกบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวไว้ หากเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือได้รับอุบัติเหตุ หรือมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สามารถเข้ารับการรักษาตัว ในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทันทีโดยสำนักงานประกันสังคม จะพิจารณาจ่ายประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ให้ภายใน 72 ชั่วโมง ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด ทั้งนี้ ให้ผู้ประกันตน หรือโรงพยาบาล ที่ให้การรักษา และผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งโรงพยาบาลตามสิทธิให้ทราบโดยเร็ว ตั้งแต่เข้ารับการรักษาเพื่อให้โรงพยาบาลรับผิดชอบให้บริการทางการแพทย์กับผู้ประกันตนต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/ จังหวัด/ สาขา ทั่วประเทศ ที่ท่านสะดวก หรือโทรสายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง 28 ธันวาคม 2565เตือนประชาชนระวังพิษร้ายจากปลาปักเป้า แม้บริโภคเพียงเล็กน้อยแต่สามารถเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยในฐานะโฆษกกรมประมงว่า ปลาปักเป้า ในประเทศไทยสามารถพบได้ทั้งในน้ำจืดและทะเล มีทั้งชนิดที่มีพิษและไม่มีพิษ สำหรับพิษของปลาปักเป้าพบได้ทุกส่วนของตัวปลา ซึ่งพบมากที่บริเวณไข่ ตับ เครื่องในและหนัง ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาปักเป้าอย่างเด็ดขาด โดยควรสังเกตเลือกซื้อปลาที่ผ่านการแล่ทุกครั้ง หากเป็นเนื้อปลาปักเป้าจะมีลักษณะชิ้นเนื้อหนา สีขาวอมชมพู ลายกล้ามเนื้อไม่ชัดเจนและมีเยื่อพังผืดหุ้มชิ้นเนื้อ เมื่อปรุงสุกเนื้อจะมีสีขาวคล้ายเนื้อไก่ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยควรเลือกซื้อเนื้อปลาที่ผ่านการแล่จากแหล่งที่ทราบชนิด รวมถึงแหล่งที่มาของเนื้อปลา เพื่อลดความเสี่ยงการบริโภคปลาปักเป้าที่อาจเกิดอันตรายถึงตายได้ ปัจจุบันการรักษาพิษจากปลาปักเป้านั้น ยังไม่มีตัวยาใดที่สามารถแก้พิษได้ และการใช้ความร้อนในการปรุงอาหารไม่สามารถทำลายพิษของปลาปักเป้าได้เช่นกัน จึงขอฝากเตือนถึงประชาชนไม่ให้นำปลาปักเป้าทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นปลาปักเป้าน้ำจืดหรือปลาปักเป้าทะเลมาบริโภคโดยเด็ดขาด และหากสงสัยว่าได้รับพิษจากปลาปักเป้าให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วนปีใหม่นี้ กรมแพทย์แผนไทยฯ ชู 4 สมุนไพร พกติดรถ ติดตัว ระหว่างเดินทางไกลนายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งรถเป็นเวลานานๆ อาจมีปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ขอแนะนำ 4 ยาสมุนไพรจำเป็น ที่ควรพกติดรถ ติดตัว ช่วงเดินทางไกล ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการโรคหวัด เจ็บคอ รับประทานครั้งละ 1,500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการท้องเสียชนิดไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ โดยรับประทานครั้งละ 0.5 - 2 กรัม วันละ 4 ครั้ง และสามารถใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง ให้รับประทานยาฟ้าทะลายโจร ที่มีสาร andrographolide ขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน รับประทานติดต่อกันไม่เกิน 5 วัน ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม สรรพคุณบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ แต่ห้ามใช้กับผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ ยาหอมอินทจักร์ สรรพคุณบรรเทาอาการ จุกเสียด แน่นเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ช่วยให้ร่างกายสดชื่นตื่นตัว การใช้ให้ได้ผลดีคือ ละลายน้ำอุ่นแล้วรับประทานทันที ยาดมสมุนไพร ก็เป็นสิ่งที่ควรพกติดตัว เพราะสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ ทำให้สดชื่นและผ่อนคลาย ยาสมุนไพรที่แนะนำทั้งหมด เป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ สามารถหาซื้อได้ตามร้ายขายยา ร้านสะดวกซื้อและสามารถเบิกจ่ายยาดังกล่าวได้ตามสิทธิ์ในโรงพยาบาลของรัฐทั่วไปกองทัพบกเปิด 86 จุดบริการทั่วประเทศ ดูแลประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่พลตรีหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มอบหมายให้หน่วยทหารทั่วประเทศ บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งจุดพักรถให้บริการประชาชนบริเวณหน้าค่ายทหาร สถานที่สำคัญ หรือจุดที่มีประชาชนสัญจรเป็นจำนวนมากใน 86 จุด ทั่วประเทศ ช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึง 4 มกราคม 2566 โดยจุดพักจะมีบริการเครื่องดื่ม ผ้าเย็น รวมถึงจิตอาสาที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเส้นทางการจราจร แหล่งท่องเที่ยวและมีเจ้าหน้าที่เสนารักษ์เตรียมพร้อมปฐมพยาบาล มีบริการซ่อมรถเบื้องต้น ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ห้องสุขา ตลอดจนรับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และยังเน้นย้ำเรื่องการเดินทางด้วยความปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้มอบให้หน่วยทหาร รณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันดูแลผู้ที่มาร่วมกิจกรรมในลักษณะจิตอาสาปาร์ตี้ คอยให้คำแนะนำให้การจัดงาน หรือการเฉลิมฉลองของประชาชน ชุมชน โดยไม่ประมาท มีสติในการเฉลิมฉลองเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุจากการดื่มสุราในช่วงเทศกาลกองทัพบกขอเชิญชวนประชาชน ร่วมอวยพรปีใหม่และส่งกำลังใจให้ผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่แนวชายแดนผ่านเพจเฟซบุ๊กของกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบกบรรพชาอุปสมบท 99 รูป ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พร้อมกันทั่วประเทศ 14 มกราคม 2566นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับมหาเถรสมาคม จัดโครงการบรรพชาอุปสมบท 99 รูป ถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งจะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้ง 76 จังหวัด ในวันที่ 14 มกราคม 2566 โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ากราบนมัสการเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่ เพื่อเตรียมการด้านการจัดพิธีฯ โดยจัดพิธีปลงผมนาค วันที่ 13 มกราคม เวลา 13.00 น. ผู้บรรพชาอุปสมบท จำนวน 99 นาค พร้อมกัน ณ วัดที่จังหวัดกำหนด ก่อนประกอบพิธีปลงผม จากนั้น วันที่ 14 มกราคม เวลา 07.00 น. เริ่มพิธีบรรพชาอุปสมบท และจำวัดที่จังหวัดกำหนด เป็นระยะเวลา 15 วันทั้งนี้ เพื่อให้การจัดโครงการฯ นี้ เกิดการปฏิบัติบูชาของข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ญาติ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ ได้ร่วมกันทำบุญและประกอบศาสนกิจ เพื่อถวายพระกุศล ถวายพระพรให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงในเร็ววัน จึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการเชิญชวนบุคลากร และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้า ถวายภัตตาหารเพล ถวายน้ำปานะ ตามกำลังศรัทธา เพื่อเกิดอานิสงส์จากการรวมความศรัทธาและความจงรักภักดีถวายพระพรแด่พระองค์ท่านในโอกาสนี้ด้วย29 ธันวาคม 2565กทม. เปิดจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางตลอด 24 ชั่วโมงนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร ตั้งจุดบริการประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2565 - 4 มกราคม 2566 โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้การรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับรถอย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนดำเนินงานตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในด้านปลอดภัยดี โดยมีการตั้งจุดบริการ 11 จุด ประกอบด้วย เส้นทางเข้าออกเมือง 7 จุด ได้แก่ บริเวณสถานีบริการน้ำมันบางจาก กม.5+200 ถนนเทพรัตน์ เขตบางนา สถานีบริการน้ำมัน ปตท. กม.12 ถนนพระราม 2 มุ่งหน้ามหาชัย (ฝั่งขาออก) เขตบางขุนเทียน บริเวณสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ถนนบรมราชชนนี (ฝั่งขาออก) ทางคู่ขนานด้านใน และบริเวณใต้สะพานถนนพุทธมณฑลสาย 3 ถนนบรมราชชนนี (ฝั่งขาเข้า) เขตทวีวัฒนา บริเวณใต้สะพานกลับรถ แยกมหานคร เขตหนองจอก สถานีรถไฟดอนเมือง ถนนวิภาวิดีรังสิต (ฝั่งขาออก) เขตดอนเมือง 6 หน้าสำนักงานเขตหนองแขม ถนนเพชรเกษม เขตหนองแขม หน้าสำนักงานเขตลาดกระบัง ถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง ส่วนสถานีขนส่งผู้โดยสาร 4 จุด ได้แก่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่-ตลิ่งชัน) เขตตลิ่งชัน สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (สายใต้ปิ่นเกล้า) ถนนบรมราชชนนี เขตบางกอกน้อย สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (เอกมัย) เขตคลองเตย และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) เขตจตุจักร พร้อมดูแลระบบไฟฟ้าให้เกิดความมั่นคง ตลอดช่วงปีใหม่นี้ พร้อมแนะนำการใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัยช่วงวันหยุดยาวนายคมกริช สาคริก ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ยืนยันว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ MEA สามารถควบคุมจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจระบบไฟฟ้า รวมถึงได้ตรวจสอบติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างให้มีความสว่างเพียงพอ โดยเฉพาะจุดเสี่ยงสำคัญ จัดเตรียมระบบไฟฟ้าสำรอง เพื่อความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าไม่ให้เกิดไฟฟ้าตกไฟดับ อีกทั้งจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลระบบไฟฟ้า และอำนวยความสะดวกตามจุดต่างๆ บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมกันนี้ แนะนำประชาชนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด หรือกลับภูมิลำเนา ควรตรวจสอบและดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟและปลั๊กไฟให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ปลอดภัย หากพบว่าชำรุดต้องซ่อมแซมทันที ปิดสวิตช์ไฟและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งานก่อนออกเดินทาง สำรวจต้นไม้บริเวณบ้านและตัดแต่งกิ่งไม้ไม่ให้ระสายไฟฟ้า เพราะอาจทำให้ไฟฟ้าขัดข้อง หรือมีกระแสไฟฟ้ารั่วมาตามกิ่งไม้ได้ ส่วนร้านค้า หรือผู้ประกอบการ ที่ติดตั้งป้ายโฆษณาสินค้า รวมถึงร้านค้าในบริเวณจัดงานกิจกรรม หรือตลาดขายสินค้าที่มีประชาชนมาใช้บริการจำนวนมาก ควรติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วและสายดิน เพื่อความปลอดภัย รวมถึงควรตรวจสอบสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอการประปาส่วนภูมิภาค เตรียมพร้อมน้ำประปาบริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงเทศกาลปีใหม่ นายวิบูลย์ วงสกุล ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค หรือ กปภ. เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 มีวันหยุดต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน รวมถึงมีการจัดงานเฉลิมฉลองในแต่ละพื้นที่ อาจส่งผลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความต้องการใช้น้ำประปาอุปโภคบริโภคเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ จึงได้กำชับ กปภ. ทั้ง 234 สาขา เตรียมพร้อมน้ำประปาให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีน้ำประปาใช้อย่างเพียงพอและทั่วถึง พร้อมทั้งเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย หรือภัยธรรมชาติต่างๆ พร้อมดูแลระบบผลิตจ่ายน้ำประปาอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ กปภ. ยังได้สนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดตราสัญลักษณ์ กปภ. เพื่อให้บริการประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่และจุดบริการประชาชนบนถนนทางหลวงทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน กปภ. แนะนำให้ประชาชนปิดวาล์วน้ำ พร้อมตรวจสอบระบบประปาภายในบ้านก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนา เพื่อป้องกันน้ำรั่วไหล ซึ่งเป็นสาเหตุของค่าน้ำประปาสูงเกินปกติ ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กปภ. หยุดทำการเฉพาะส่วนสำนักงานตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2565 - 3 มกราคม 2566 และเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้บริการ โดยลูกค้าสามารถชำระค่าน้ำประปาผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ www.pwa.co.th / แอปพลิเคชัน PWA 1662 และ PWA Line Official @PWAThailand30 ธันวาคม 2565กระทรวงแรงงาน ผลักดันสถานประกอบการจ้างงานคนพิการ แนะค้นหาลูกจ้างได้ที่เว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ”นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กฎหมายพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 มาตรา 33 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการทั้งเอกชนและหน่วยงานของรัฐ ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คน ขึ้นไป รับผู้พิการที่สามารถทำงานได้เข้าทำงาน 1 คน ต่อลูกจ้าง 100 คน ในส่วนกระทรวงแรงงานได้สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานผู้พิการ โดยรวบรวมตำแหน่งงานว่างสำหรับผู้พิการ และผู้พิการที่ต้องการมีงานทำ มาไว้ในแหล่งเดียวกัน และเพิ่มทางเลือกในการใช้บริการจัดหางาน 2 ช่องทางคือ ใช้บริการ ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือผ่านระบบออนไลน์ เพื่อความสะดวก ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อมาติดต่อราชการ ที่ผ่านมามีนายจ้างจำนวนมากมีความประสงค์ จะจ้างงานผู้พิการเข้าทำงานตามที่กฎหมายกำหนด แต่ยังไม่ทราบว่าจะค้นหาผู้พิการที่พร้อมทำงานและมีคุณสมบัติตามตำแหน่งที่ต้องการได้ที่ใด กรมการจัดหางานจึงได้รวบรวมผู้พิการที่ขึ้นทะเบียน และใช้บริการจัดหางานกับกรมฯ ไว้บนแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” เพื่อนายจ้าง สถานประกอบที่ต้องการรับผู้พิการเข้าทำงาน สามารถค้นหาผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าบริการด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2565 มีผู้พิการในระดับวุฒิการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษา – ปริญญาโท ใช้บริการจัดหางานผ่านแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” จำนวน 1,415 คน ได้รับการบรรจุงาน จำนวน 1,166 คน มีรายได้จากการบรรจุงาน 142,928,400 บาทต่อปี โดยตำแหน่งงานสำหรับผู้พิการที่ได้รับการบรรจุงานมากที่สุด ได้แก่ เจ้าหน้าที่คลังสินค้า พนักงานบริการ พนักงานทำความสะอาด ดูแลสวน เจ้าหน้าที่สำนักงาน เป็นต้น โดยผู้พิการที่ต้องการมีงานทำ และนายจ้างสถานประกอบการที่ต้องการประกาศรับสมัครงานผู้พิการ สามารถใช้บริการผ่านระบบออนไลน์ บนแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” ซึ่งให้บริการทั้ง Web Application ที่เว็บไซต์ ไทยมีงานทำ.doe.go.th และ Mobile Applicationวันแรกเกิดอุบัติเหตุ 349 ครั้ง ถูกจับข้อหาขับรถเร็วมากสุด 2 หมื่นกว่ารายพลตำรวจตรี อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยข้อมูลจากศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนว่า สถิติอุบัติเหตุวันแรกของ 7 วันอันตราย วันที่ 29 ธ.ค.65 เกิดอุบัติเหตุ 349 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 37 ราย ผู้บาดเจ็บ 351 คน สาเหตุจากขับรถเร็วร้อยละ 41.55 รองลงมาคือ เมาแล้วขับร้อยละ 23.50 โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 3 ราย ขณะที่สถิติการจับกุม 10 ข้อหาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันที่ 29 ธ.ค. จับกุมไปแล้ว 64,223 ราย โดยมีผู้ถูกจับกลุ่มในข้อหาเมาแล้วขับจำนวน 1,936 ราย ขับรถเร็ว 27,756 ราย สำหรับภาพรวมการเดินทางออกของประชาชนในช่วงปีใหม่ 2565 นี้ โฆษกสำนักงาน กล่าวว่า มีปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น โดยสถิติจากกรมทางหลวงและตำรวจทางหลวง พบว่าในวันที่ 29 ธ.ค. มีรถการเดินทางออกจาก กทม. 649,871 คัน มากกว่าช่วงปกติร้อยละ 31.2 และมากกว่าช่วงปีใหม่ 2565 ร้อยละ 3.8 โดยเฉพาะถนนพหลโยธิน ถนนมิตรภาพ ที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่นที่สุด ขณะที่มอเตอร์เวย์ ช่วงปากช่อง-ขามทะเลสอ (M6) มีปริมาณรถใช้มอเตอร์เวย์จำนวน 48,921 คัน ช่วยระบายการจราจรถนนมิตรภาพได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ตำรวจทางหลวงทางหลวงมีการเปิดช่องทางพิเศษ ตลอดเวลาใน 3 สายทางหลักทั้งถนนพหลโยธิน ทล.1 ช่วงอยุธยา-สระบุรี ถนนมิตรภาพ ทล.2 ช่วงทับกวาง-ปากช่อง และถนนช่องตะโก ทล.348 ช่วงตาพระยา-นางรองรัฐบาล เตือนผู้ปกครองจัดเตรียมเอกสารของเด็ก เพื่อยืนยันตัวตน สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่มีประชาชนจำนวนมากเดินทางข้ามจังหวัดโดยเครื่องบิน จึงขอเตือนผู้ปกครองเรื่องการเตรียมเอกสารของเด็กที่ใช้สำหรับการยืนยันตัวตนก่อนขึ้นเครื่องบินภายในประเทศ โดยเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 7 ปี สามารถใช้เอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นฉบับจริง เพื่อยืนยันตัวตนก่อนเดินทาง ได้แก่ สูติบัตร บัตรประจำตัวผู้พิการ ทะเบียนบ้าน หนังสือสุทธิสำหรับพระภิกษุสงฆ์และสามเณร หนังสือเดินทาง (Passport) สำหรับผู้เดินทางที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 7 ปี จะต้องใช้เอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นฉบับจริงคือ บัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐ บัตรประจำตัวผู้พิการ หนังสือสุทธิสำหรับพระภิกษุสงฆ์และสามเณร หนังสือเดินทาง (Passport) บัตรประชาชนจิตอาสา เป็นไปตามแนวปฏิบัติในการตรวจสอบเอกสารของผู้โดยสาร สมาชิกลูกเรือและผู้ถือบัตรเข้าพื้นที่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุข ประกาศปี 2566 เป็นปีสุขภาพสูงวัย พร้อมขับเคลื่อนโยบายมอบของขวัญปีใหม่ให้ผู้สูงอายุหลายรายการนางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากในปี 2566 ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ด้วยจำนวนประชากรผู้สูงอายุ ที่มีอานุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 12 ล้านคน กระทรวงสาธารณสุข จึงดำเนินนโยบายหลายอย่างเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่ง “สุขภาพสูงวัยไทย” และเริ่มขับเคลื่อนโยบายจากการมอบของขวัญปีใหม่ตลอดปีหลายรายการรัฐบาล ขอเชิญชวนผู้สูงอายุทั่วประเทศเข้ารับของขวัญ โดยติดต่อผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน อาทิ การคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ การจัดบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทุกระดับ มอบวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ได้แก่ แว่นสายตาจำนวน 1 ล้านชิ้น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จำนวน 5 ล้านชิ้น ฟันเทียมและรากฟันเทียม จำนวน 36,000 รายทั้งนี้ การดำเนินการเพื่อส่งมอบของขวัญปีใหม่แก่ผู้สูงอายุนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ผ่านการมอบหมายให้ อสม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดำเนินการคัดกรองผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งโดยเจ้าหน้าที่และแอปพลิเคชัน Blue Book Application จากนั้นจะส่งต่อผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเข้ารับบริการในคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่จะประเมินความจำเป็นในการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้นจะจัดหาอุปกรณ์ซึ่งสนับสนุนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สนับสนุนแว่นสายตา ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับ แผ่นเสริมซึมซับการขับถ่าย ฟันเทียมและรากฟันเทียม ด้วยงบประมาณกองทุนต่างๆ มอบแก่ผู้สูงอายุต่อไปยอดคุมประพฤติคดีเมาขับ วันแรก 214 คดี เพิ่มจากปีที่แล้วถึงร้อยละ 98นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึงสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 มีคดีทั้งสิ้น 295 คดี ในจำนวนนี้ เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรามากที่สุด 214 คดี หรือคิดเป็นร้อยละ 72.54 นอกจากนั้น เป็นคดีขับรถประมาทและคดีขับเสพ เมื่อเปรียบเทียบคดีขับรถขณะเมาสุราปีใหม่ 2565 มีจำนวน 108 คดี ขณะที่ปีใหม่ 2566 จำนวน 214 คดี พบว่า เพิ่มขึ้น 106 คดี คิดเป็นร้อยละ 98จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่นนทบุรี 55 คดี กรุงเทพมหานคร 27 คดี และตาก 15 คดี จึงเน้นย้ำมาตรการเข้มสำหรับผู้กระทำผิดคดีขับรถขณะเมาสุรา หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงจากการติดสุรา จะส่งบำบัดรักษาตามสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหากพบว่า มีแนวโน้มกระทำผิดซ้ำสูง จะส่งไปแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระยะเวลา 3 วัน โดยใช้กระบวนการกลุ่มร่วมกับการทำงานบริการสังคมที่สร้างจิตสำนึกและความตระหนักถึงผลกระทบของการขับรถในขณะเมาสุรา นอกจากนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ยังได้จัดกิจกรรมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชน ณ จุดบริการประชาชน ด่านตรวจค้น และด่านชุมชน จำนวน 50 จุด โดยมีอาสาสมัครคุมประพฤติ ผู้ถูกคุมความประพฤติและภาคีเครือข่าย จำนวนกว่า 800 คนเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ “เมาขับ จับติด EM” และ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” เพื่อให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เตรียมพร้อมดำเนินการตามกฎหมายใหม่ คิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปีนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่วุฒิสภา มีการแก้ไขเพิ่มเติม ได้ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยจะคิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปี อัตราเบี้ยปรับกรณีผิดนัดชำระไม่เกินร้อยละ 0.5 ต่อปี ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี และช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีหรืออยู่ระหว่างการบังคับคดีให้สามารถผ่อนผันการชำระเงินคืน ปรับโครงสร้างหนี้ แปลงหนี้ใหม่ หรือระงับการชำระเงินคืนตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด ระยะเวลาการผ่อนชำระต้องคำนึงถึงรายได้และความสามารถในการชำระเงินคืนของผู้กู้ยืม แต่ต้องไม่เกิน 15 ปีหลังจากปลอดหนี้ 2 ปี ผู้กู้ยืมสามารถผ่อนชำระเงินคืนเป็นงวดรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปีได้ กรณีที่ผู้กู้ยืมมีหนี้ค้างชำระให้ทำการตัดชำระหนี้จากเงินต้นก่อนดอกเบี้ยและเบี้ยปรับตามลำดับ รวมถึงอาจมีมาตรการจูงใจหรือลดหย่อนเงินต้นเพื่อให้ผู้กู้ยืมเงินไม่ผิดนัดชำระเงินคืนได้ ซึ่งกฎหมายใหม่ดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ถูกดำเนินคดีแล้ว จะสามารถแปลงหนี้ใหม่ เพื่อให้กลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติทั้งนี้ กองทุนฯ จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือและให้โอกาสทุกคน และจะเป็นหลักประกันของทุกครอบครัวว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาในประเทศนี้จะมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาได้ทุกคนนายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ประชาชนระมัดระวัง ความปลอดภัยจากการเดินทาง รวมถึงปลอดภัยจากโควิด-19 แม้ขณะทนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยจะดีขึ้นแล้ว แต่ก็ขอให้ประชาชนไม่ประมาท ควรมีการป้องกันตนเองเมื่อเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อโควิด-19นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชน ตลอดจนกวดขันพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เป็นต้น รวมทั้งขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ นำแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ พ.ศ. 2566 ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (13 ธันวาคม 2565) แผนดังกล่าวแล้ว ไปปฏิบัติ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างสุขใจกับชีวิตวิถีใหม่ที่ห่างไกลอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้